วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

FIND V

Short Fiction : FIND




          “ขโมยน่ะใช่! แต่เค้าขโมยหัวใจของฉันไป...อย่างนี้ พวกเธอยังคิดว่าเขาสมควรได้รับการลงโทษอยู่อีกมั๊ย?!”


          “...มะ ไม่จริง!! เจบีล้อเล่นใช่มั๊ย? เจบีล้อเล่นใช่มั๊ยคะ?!!!!” หญิงสาวหน้าตาดีนามว่าฮานึลกำลังคลุ้มคลั่ง มีบางอย่างบอกกับเจบีว่า... ผู้หญิงคนนี้ไม่ปลอดภัย


          “ฉัน... ไม่เคยล้อเล่นกับเรื่องของหัวใจ!”


          “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” ฮานึลกรีดร้องจนนักเรียนที่เดินผ่านไปผ่านมาต้องหยุดยืนมอง และหลายๆคนถึงกับใช้สองมือของตัวเองอุดหูแล้วเดินออกจากบริเวณนั้นไป


          “พอทีเถอะ!!!!!” เจบีตะโกนออกไปเพื่อให้หญิงสาวที่ดูเหมือนจะเสียสติเงียบลง “ฉัน อิมแจบอม! ขอสั่งห้าม ไม่ให้ใครหน้าไหนก็ตาม ทำร้ายคนที่ฉันรักอีก!” เจบีมองหน้าฮานึลก่อนจะสั่งกำชับเสียงเข้ม “ห้ามยุ่งกับเค้าเด็ดขาด!” เจบีหันหลังกลับทันทีที่พูดจบ เขาเดินเข้าห้องพยาบาลไปโดยที่ไม่สนใจเหล่าแฟนคลับที่ยืนทำตาละห้อยอยู่ที่เดิม


          “นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะแจบอม?” ครูสาวประจำห้องพยาบาลเอ่ยถามเนื่องจากสีหน้าของแจบอมดูไม่สู้ดีเท่าไหร่ และเด็กนักเรียนที่เขาอุ้มเข้ามานี่อีก สภาพดูแย่มากเลยทีเดียว


          “เกิดเรื่องนิดหน่อยน่ะครับ... แล้วเด็กนั่น เอ่อ...ผมหมายถึง...”


          “ตอนนี้ก็ยังนอนนิ่งๆอยู่อย่างเดิม แต่ครูเช็ดคราบเลือด แล้วก็ทำแผลตามตัวให้แล้วนะจ๊ะ ไม่ต้องเป็นห่วง”


          “ครับ ขอบคุณมากครับ” เจบีโค้งให้ครูสาวด้วยความขอบคุณจากใจจริง


          “เข้าไปดูอาการเขาได้นะจ๊ะ” เจบีลอบมองไปยังประตูห้องพักผู้ป่วยอย่างชั่งใจ “ไปเถอะจ้ะ... จะได้ไม่ต้องเป็นห่วง” เจบีพยักหน้าน้อยๆก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย


          เสียงลมหายใจก้อนโตถูกพ่นออกมาเมื่อประตูห้องพักผู้ป่วยถูกปิดลงโดยมีแผ่นหลังกว้างทาบทับไป เจบีขมวดคิ้วและเพ่งมายังบุคคลที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงสีขาว ...ดูท่าทางจะหลับสบายดีนะ ถ้าไม่มีรอยแผลบนใบหน้า


          “นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย?” เจบีพึมพำกับตัวเอง หลังคิดทบทวนกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ตั้งแต่เริ่มต้น จนถึงบัดนี้ เขาก็ยิ่งไม่เข้าใจตัวเองว่า ...เขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่


          ที่หาตัวเจ้าของสมุดบันทึกนั่น ก็เพราะอยากได้กุญแจ ที่อยากได้กุญแจนั่น ก็เพราะอยากรู้ว่าข้างในสมุดบันทึกนั่นเขียนอะไรไว้ ที่อยากรู้ ก็เพราะ... เพราะอะไร?


          ทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าของสมุดบันทึกเล่มนั้นเป็นใคร แต่ก็ยังอยากตามหา อยากเจอ อยากทำความรู้จัก มันเป็นความรู้สึกที่ถูกเรียกร้อง... จากที่ไหนสักที่ ...สมอง ...ดวงตา ...สัมผัส ...หรือว่า...หัวใจ


          “จะทำอะไรน่ะ” ร่างบางที่ก่อนหน้านี้นอนนิ่งๆ ใช้ฝ่ามือของตนเองฟาดเข้ามาที่แก้มของเจบีอย่างแรง ซึ่งก็ทำให้เจบีได้สติ เขาระลึกได้ทันทีว่าเหตุใดร่างบางจึงตบแก้มเขา ...นี่เรา กำลังจะ... จะ...จูบเด็กนี่เหรอเนี่ย?!!! อะไรกัน เมื่อตะกี้ยังยืนพิงประตูอยู่เลย เดินมานี่ได้ไงวะเนี่ย!


          “เอ่อ... ฉัน.. ฉันแค่จะเช็คอาการนายเท่านั้นแหละ” เจบีลูบแก้มตัวเองเบาๆ ในขณะที่ร่างบางทำท่าจะลุกขึ้นจากเตียง “นี่! นายจะลุกไปไหน?” เจบีว่าพลางเดินมากดไหล่บางให้นอนลงไปตามเดิม


          “อย่ามายุ่งกับฉัน” ร่างบางมองร่างสูงตาขวาง พยายามขืนตัวให้ลุกขึ้น แต่ก็ไม่มากไปกว่าแรงที่กดอยู่ที่ไหล่ทั้งสองข้าง “ฉันบอกว่า... อย่ามายุ่งกับฉัน!”


          “นี่นาย! ฉันอายุมากกว่านายอีก นายต้องเรียกฉันว่า ‘พี่’ มันถึงจะถูก!” ร่างบางหัวเราะในลำคอพลางจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคม


          “ไม่เรียก... จะทำไม?” ร่างบางตอบกลับด้วยสีหน้ายียวน


          “ได้... ดูซิว่าจะยอมเรียกมั๊ย?” ว่าแล้วเจบีก็เปลี่ยนจากที่ใช้มือกดที่ไหล่ข้างหนึ่ง มาเป็นล็อคท้ายทอยร่างบางไว้ ก่อนจะก้มลงใช้ริมฝีปากหนาแนบทับลงไปที่ริมฝีปากบางเบาๆ อย่างรวดเร็ว


          “นะ...นาย!!” ร่างบางตกตะลึง พูดอะไรต่อไม่ถูก


          “ยังไม่เรียกพี่อีก” เจบีก้มลงกดริมฝีปากของตนลงบนริมฝีปากของร่างบางอีกครั้ง แต่ครั้งนี้นานกว่าครั้งแรก กว่าร่างบางจะนึกขึ้นได้ว่าตนเองต้องขัดขืน เจบีก็ถอนริมฝีปากออกมาแล้ว


          “ปล่อยสิเว้ย! ไอ้บ้า!!” เจบียกยิ้มน้อยๆก่อนจะก้มลงอีกครั้ง พร้อมกับจูบลงบนริมฝีปากแดงนั่นก่อนจะยกขึ้นเล็กน้อย ซึ่งก็ไม่ห่างกับริมฝีปากของอีกคนเท่าไหร่ “พูดไม่เพราะ คูณสอง” แล้วเจบีก็กดจูบลงบนริมฝีปากบางอีกครั้ง อีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง


          “ไหนบอกคูณสองไง! นี่มันเกินแล้วนะเว้ย!” ร่างบางโวยวายใส่ทันทีที่ปากของตนได้รับอิสระ


          “เอ้า! เหรอ โทษทีๆ งั้นเอาใหม่ก็ได้” เจบีบดริมฝีปากลงไปอีกครั้ง และอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยถามอย่างไม่กระดากอาย “โอเคยัง?” ร่างบางทำท่าจะด่า แต่ก็ชะงักไปเมื่อคิดถึงผลที่จะตามมา ...ถ้าด่าก็โดนจูบอีกอ่ะดิ่ ไม่เอาหรอก!


          “ไม่โอเค!!!” เจบีเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก


          “ไม่โอเค? งั้นอีกสักทีดีมั๊ย?” ร่างสูงยักคิ้ว


          “พอแล้ว!! ห้ามจูบอีกนะ!” ร่างบางเม้มริมฝีปากของตนแน่นเพื่อป้องกันไม่ให้เจบีกดจูบลงมาได้อีก แต่หารู้ไม่...ว่าเจบี ก็ไม่ยอมแพ้หรอก เขาก้มลงกระซิบที่ข้างใบหูของร่างบางก่อนจะกดริมฝีปากหนาลงบนแก้มใสๆ


          ‘งั้นหอมแก้มแล้วกันนะ^ ^’


          ร่างบางแพ้อย่างราบคาบเลยจริงๆ เขาได้แต่สะกดกั้นอารมณ์ของตนเองไว้ แล้วเงียบไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เจบีจึงเป็นฝ่ายพูดเสียเอง


          “นายชื่ออะไร?” ร่างบางไม่ตอบ “ไม่ตอบงั้นฉันจูบอีกนะ”


          “ไม่ๆ!” ร่างบางร้องโวยวายเมื่อเจบีทำท่าจะเข้าไปจูบจริงๆ “จินยอง” ร่างบางเลี่ยงไม่ได้จึงจำใจตอบ


          “จินยอง ขอถามหน่อยสิ... ได้รึเปล่า?” เจบีเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม ซึ่งร่างบางก็พยักหน้าตอบรับ “โกรธฉันมั๊ย?”


          “ห๊ะ?” ร่างบางแสดงสีหน้างุนงงอย่างปิดไม่มิด


          “โกรธฉันรึเปล่า? ที่ฉันทำให้นายต้องเจ็บตัวแบบนี้”


          “........” ดวงตาทั้งสองคู่จ้องกันไม่วางตา จนกระทั่งร่างบางเป็นฝ่ายหลบสายตาไปก่อน


          “นายโกรธ...”


          “ช่างมันเถอะ... ลืมมันไปได้แล้ว” ร่างบางหันหน้าหนี


          “ลืมไม่ได้! เพราะฉันเป็นคนผิดเอง ถึงนายจะบอกว่าไม่โกรธ...”


          “ฉันไม่ได้บอกว่าไม่โกรธ! ฉันโกรธ ที่นายทำแบบนี้ แต่ที่ฉันบอกให้ลืมมันไปน่ะ เพราะฉันไม่อยากนึกถึงมันอีก ให้เรื่องมันจบแค่นี้ได้มั๊ย? ให้นายคิดว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ได้มั๊ย?”


          “ไม่ได้!”


          “ทำไมถึงไม่ได้ล่ะ!?”


          “นายชอบฉัน... ฉันจะลืมนายได้ยังไงล่ะ”


          “นะ...นายเอาอะไรมาพูด! ฉันไม่ได้ชอบนาย...”


          “ไม่จริงอ่ะ... แล้วนายส่งสมุดบันทึกเล่มนี้มาให้ฉันทำไมกัน?”


          “ก็เพราะฉันอยากให้เพื่อนฉันเข้าใกล้คนที่เค้าชอบมากขึ้นไงล่ะ”


          “เพื่อนนาย? หมายถึงแบมแบมรึเปล่า?”


          “ใช่... แบมแบมคือเพื่อนของฉัน แล้วเค้าก็ชอบเพื่อนนายมากซะด้วยสิ”


          “เรื่องนั้นฉันรู้...”


          “รู้? แล้วทำไมไอ้พี่มาร์คมันถึงไม่รู้ล่ะ!!! นายเป็นเพื่อนกันภาษาอะไรเนี่ย ทำไมไม่บอกกันบ้าง”


          “เดี๋ยวสิ! ทำไมนายถึงเรียกมาร์คว่าพี่ล่ะ! ทีกับฉันไม่เห็นนายเรียกพี่สักคำ!”


          “ก็ฉันไม่อยากเรียก! ทำไมล่ะ?”


          “เหอะ! อยากโดนจูบอีกรึไง?”


          “พอเลย! เรื่องนี้ก็เหมือนกัน นายลืมมันไปได้แล้ว! เพราะฉันเองก็จะลืมเหมือนกัน!!”


          “ฉันไม่ลืม! และฉันก็จะไม่ยอมให้นายลืมเด็ดขาด!”


          “นายมีสิทธิ์อะไร?!!”


          “ถ้านายลืม ฉันจะเตือนความจำนาย... ด้วยริมฝีปากของฉันเอง”


          “นาย!!” ร่างบางกัดฟันกรอด


          “แล้วที่นายบอกว่านายไม่ชอบฉัน... นายโกหก”


          “เอาอะไรมาพูดว่าฉันโกหก”


          “นายน่ะ โกหกไม่เนียนเลยนะ” เจบีว่าพลางชูสมุดบันทึกเล่มนั้นที่ถูกกางออกเผยให้เห็นตัวอักษรเรียงกันอยู่บนหน้ากระดาษ


          ‘อิมแจบอม ฉันชอบนาย’


          “นี่นาย! เปิดบันทึกตอนไหนน่ะ?”


          “เปิดตั้งแต่ตอนที่ได้รับจดหมายที่แบมแบมฝากมาร์คเอามาให้แล้วล่ะ... แสดงว่านายคงไม่รู้สินะ ว่าแบมแบมน่ะ แอบเอากุญแจใส่ในซองมาด้วย” เจบียักคิ้วน้อยๆ


          “แล้วกุญแจนี่ล่ะ” จินยองดึงลูกกุญแจที่คล้องอยู่กับสร้อยคอตนเองออกมา


          “ของปลอมล่ะมั้ง ^ ^” ร่างบางอ้าปากค้าง เมื่อรู้ว่าตนเองต่างหากที่กลับเป็นฝ่ายถูกต้ม ...นี่เค้ารู้มาตลอดเลยเหรอเนี่ย? โอ้! ไม่นะ แล้วอย่างนี้ฉันจะเอาหน้าไปไว้ไหนเนี่ย?


          “ไม่มีอะไรจะพูดกับอิมแจบอมคนนี้หน่อยเหรอครับ... จินยอง” ร่างบางส่ายหน้ารัวพลางก้มหน้าปกปิดใบหน้าที่แดงซ่านเพราะความเขินอาย “แต่ฉันอยากพูดนะ... ขอบคุณที่นายชอบฉัน... และนายก็ต้องขอบคุณฉันด้วย เพราะว่าฉัน... ก็ชอบนายเหมือนกัน” จินยองเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง


          ริมฝีปากบางเอื้อนเอ่ยคำสั้นๆ แต่สามารถสร้างรอยยิ้มให้กับบุคคลทั้งสองได้ยาวนานเหลือเกิน


          “ขอบคุณ...”




          RRRrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr


          เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้นจากชั้นล่าง ทำให้มาร์คตื่นขึ้นจากภวังค์ เขาเหลือบมองไปที่นาฬิกาบนผนังห้องก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลา5โมงเย็นแล้ว ...นี่เขาทิ้งแบมแบมไว้อยู่คนเดียวร่วม4ชั่วโมงเลยเหรอเนี่ย!


          มือหนาคว้าลูกบิดประตูให้เปิดออกอย่างรวดเร็ว เพราะครั้งสุดท้ายที่แบมแบมเงียบไป เสียงของแบมแบมดังอยู่ที่หน้าประตูห้องนี้ แต่สิ่งที่พบคือความว่างเปล่า... แบมแบมไม่อยู่ มาร์ควิ่งลงมาชั้นล่าง หาร่างเล็กจนทั่วแต่ก็ไม่พบ เสียงโทรศัพท์บ้านก็ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาร์คคิดว่าแบมแบมอาจโทรมาจึงรีบรับทันที


          “แบมแบม!”


          (เฮ้ย! ไอ้มาร์ค ฉันเจบีเว้ย ไม่ใช่แบมแบม) เสียงปลายสายเอ่ย


          “เจบี...แกเองเหรอ?” มาร์คถอนหายใจ พลางใช้สายตาสอดส่องไปทั่วบ้านเผื่อว่าจะเจอแบมแบม


          (เออ! ฉันโทรไปเบอร์มือถือแกทีไรไม่เคยรับเลยนะ แล้วนี่เอาแบมแบมไปไว้ไหน? รู้มั๊ยว่าจูเนียร์ไปหาแบมแบมที่บ้านก็ไม่อยู่ เลยเดือดร้อนให้ฉันโทรมาถามแกนี่แหละ ...นี่แกยังไม่เอาลูกเค้าไปส่งบ้านอีกเหรอวะ?”


          “แบมแบมไม่ได้อยู่บ้านฉัน... เขาหายไป”


          (เฮ้ย! แล้วเขาจะหายไปไหนได้ล่ะ แกลองหาดูดีๆแล้วรึยัง? ในตู้เย็นแกลองหาดูแล้วรึยัง?)


          “คนนะเว้ย ไม่ใช่ถั่วงอกจะได้เข้าไปหลบในตู้เย็นได้น่ะ”


          (แย่ล่ะสิ! งานนี้จูเนียร์เอาฉันตายแน่ๆ)


          “ทำไมแกพูดเหมือนแกสนิทกับจูเนียร์จัง? ไปรู้จักกันตอนไหนเนี่ย?”


          (เออ! ก็จูเนียร์นี่แหละ เจ้าของสมุดบันทึกเล่มนั้น ไม่ใช่แบมแบมอย่างที่แกคิดหรอก)


          “ห๊ะ!!? แกว่าไงนะ”


          (ได้ยินไม่ผิดหรอก... ตอนนี้แกอย่าเพิ่งถามอะไรมากเลย รู้ไว้แค่ว่าแบมแบมน่ะ ชอบแกก็พอแล้ว รีบตามหาเข้าล่ะ ฉันกับจูเนียร์จะช่วยหาอีกแรง)


          เจบีวางสายไป มาร์คจึงรีบวิ่งขึ้นไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตน แล้วออกตามหาแบมแบมทันที เขาวิ่งออกไปทั้งๆที่ไม่รู้ว่าแบมแบมไปทางไหน เขาได้แต่ภาวนาขอให้ทางที่ตนเองมานี้ ถูกทางด้วยเถอะ


          RRRrrrrrrrrrrr


          มือถือของมาร์คสั่นเตือนให้รู้ว่ามีสายเข้า


          “ฮัลโหล”


          (ไอ้มาร์ค! จูเนียร์บอกว่า เพื่อนในห้องเห็นแบมแบมแถวๆสวนสาธารณะใกล้ๆหมู่บ้านแกตอนประมาณ4โมงว่ะ)


          “นี่จะ6โมงแล้ว แบมแบมจะยังอยู่ที่เดิมมั๊ย?” มาร์คไม่รอช้ารีบเร่งฝีเท้าไปยังสวนสาธารณะด้วยความรวดเร็ว แต่ก็ไม่พบแม้เงาของร่างบาง “แฮ่กๆ ไม่เจอว่ะ!” มาร์คกรอกเสียงลงในโทรศัพท์พลางเหนื่อยหอบ


          (ใจเย็นเว้ย! แกลองเดินหาแถวๆนั้นดูนะ เดี๋ยวได้เรื่องยังไงจะโทรไปบอกอีกที)


          มาร์ควิ่งหาแบมแบมจนทั่วบริเวณเพื่อความแน่ใจว่าแบมแบมไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาจึงเริ่มออกวิ่งไปตามทางเพื่อมองหาเด็กหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว กางเกงสี่ส่วนสีเทาทันที เขาวิ่งผ่านหน้าร้านค้าต่างๆมากมาย แวะเข้าร้านโน้นร้านนี้เผื่อว่าจะเจอแบมแบม แต่ก็ต้องผิดหวังไปเสียทุกร้าน เขาเดินผ่านแถบที่เป็นร้านของพวกผู้ใหญ่ ที่จะมานั่งดื่มกัน คุยกัน พบปะกันตามประสาผู้ใหญ่ ซึ่งมาร์คก็เดินผ่านไปเพราะคิดว่าแบมแบมไม่น่าจะอยู่ในที่แบบนี้ได้ แต่เขาก็ต้องก้าวกลับมาเมื่อความรู้สึกบางอย่างบอกให้เขาถอยหลังกลับ เขามองเข้าไปในร้านอีกครั้ง ก็พบกับเด็กหนุ่มหน้าเรียวสวย นั่งเหม่อมองขวดโซจูบนโต๊ะอย่างเลื่อนลอย


          “แบมแบม!” เขาเจอแบมแบมแล้ว... มาร์ครีบวิ่งเข้าไปในร้านโดยที่แบมแบมไม่ทันสังเกต “แบมแบม ทำไมถึงยังไม่กลับบ้าน” มาร์คนั่งลงฝั่งตรงข้ามแบมแบม


          “.......” แบมแบมหลบสายตาคมคู่นั้นโดยการยกแก้วโซจูขึ้นดื่ม


          “ฉันถาม...”


          “ผมจะกลับ...หรือไม่กลับ พี่ไม่ต้องมายุ่งหรอก~ พี่กลับไปได้แล้ว... ผมไม่อยาก...”


          “ไม่อยากเห็นหน้าฉันเหรอ? คำนี้ฉันสมควรพูดไม่ใช่หรือไง? ...แบมแบม เด็กโง่เอ้ย! นี่อะไร มานั่งดื่มเหล้า เพื่ออะไรกัน?”


          “ผมมันเด็กเลวนี่ฮะ... ดื่มเหล้าแค่นี้ไม่เห็นแปลก”


          “หึ! แบมแบม นายมันแย่ที่สุดเลย!”


          “พี่พูดถูก ผมมันแย่จริงๆนั่นแหละ” แบมแบมพูดจบก็กะดกแก้วโซจูไปทั้งแก้วก่อนจะรินโซจูลงแก้วอีกครั้ง แต่มันก็หกและกระฉอกออกจากแก้วจนแทบไม่เหลือ ทำให้แบมแบมรู้สึกหงุดหงิดจึงปัดแก้วทิ้ง แล้วเตรียมยกขวดโซจูขึ้นกระดกทั้งขวด

       
          “แบมแบมกลับบ้าน” มาร์คแย่งขวดโซจูในมือแบมแบมมาถือไว้ แล้วพยายามฉุดแขนแบมแบมให้ลุกขึ้นแต่แบมแบมกลับสะบัดมือของมาร์คออก


          “อย่ามายุ่งกับผม!!! ผมมันแย่ ผมมันไร้ค่า ไม่คู่ควรให้คนอย่างพี่ลดตัวลงมาเสวนาด้วยหรอก” มาร์ควางขวดโซจูลงบนโต๊ะจนเกิดเสียงดัง


          “แบมแบมมีสติหน่อยสิ!! ตอนนี้ตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ รู้ตัวบ้างมั๊ย?” มาร์คเขย่าตัวแบมแบมเพื่อเรียกสติ


          “ปล่อย!!!” แบมแบมมีอารมณ์เกรี้ยวกราดอย่างมากซึ่งผิดกับแบมแบมที่มาร์คเคยรู้จักอย่างสิ้นเชิง แบมแบมผลักมาร์คอย่างแรงแต่กลับเป็นตัวเขาเองที่ล้มลงไปกองกับพื้นแทนที่จะเป็นมาร์ค


          “ดื้อจริงๆเลยนะนายเนี่ย” มาร์คถอนหายใจเฮือกใหญ่


          “ผมมันดื้อ ผมมันไม่ดี ผมมันแย่ แย่ที่สุดในโลกเลย... แล้วพี่จะมาสนใจคนอย่างผมทำไมกัน? กลับไปซะเถอะครับ ผมไม่อยากเห็นหน้าพี่อีกแล้ว” แบมแบมร้องไห้ฟูมฟายอยู่ที่พื้น ไม่คิดที่จะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมา มาร์คจึงนั่งลงไปตรงหน้าของแบมแบมแล้วเช็ดน้ำตาให้ร่างบางแต่แบมแบมก็ปัดมือของมาร์คออก


          “นายมันดื้อ นายมันไม่ดี นายมันแย่ แย่ที่สุดในโลกเลย...แล้วทำไมฉันต้องสนใจคนอย่างนายด้วยนะ แบมแบม” สิ้นเสียงของมาร์ค เขาก็ดึงแบมแบมเข้าสู่อ้อมกอดอันอบอุ่น ลูบผมปลอบประโลม แต่มันกลับทำให้แบมแบมร้องไห้หนักเข้าไปอีก


          “พี่อย่าทำแบบนี้กับผมได้มั๊ย?... ฮึก ผมจะแย่แล้วนะ ฮือๆ ผมแย่แล้วจริงๆด้วย”


          “ถึงจะแย่ยังไง... พี่ก็รัก” มาร์คกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น ส่งผ่านความรู้สึกที่ตอนมีไปยังร่างเล็กที่สั่นเทาอยู่ในอ้อมอก


          “พี่ใจร้าย...ฮึก เห็นใจผมบ้างเถอะครับ อย่าหลอกกันอย่างนี้เลย พี่รู้มั๊ยว่าผมเจ็บ ฮือๆ” เมื่อมาร์คได้ฟังดังนั้นก็นึกฉุนแบมแบม ...คนเค้าอุตส่าห์บอกรักแท้ๆ กว่าจะรวบรวมความกล้าบอกนายได้เนี่ย ฉันแทบแย่นะ


          “ฟังซะ” มาร์คกดหัวแบมแบมให้หูของคนตัวเล็กแนบชิดกับหน้าอกของเขามากขึ้น “ได้ยินรึเปล่า? เสียงหัวใจของฉันน่ะ” แบมแบมหยุดร้องไห้แล้วตั้งใจฟัง เสียงจังหวะการเต้นของหัวใจที่แบมแบมฟังอยู่นี้ มันเต้นแรงและเร็วมากๆจนคนฟังเองยังตกใจ


          “พี่มาร์ค...” แบมแบมผละออกจากอ้อมกอดของมาร์ค แล้วสบตากับเขาอย่างอยากรู้ความหมายที่มาร์คพยายามจะสื่อ มาร์คยกมือขึ้นเกลี่ยคราบน้ำตาบนใบหน้าหวานอีกครั้ง


          “ฉันรักนาย ...พี่รักแบมแบม ได้ยินรึเปล่า? พี่รักนาย...” มาร์คยังไม่ทันได้พูดจบประโยค แบมแบมก็กระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของเขาอีกครั้ง “แล้วแบมแบมล่ะ รักพี่รึเปล่า?” แบมแบมตอบคำถามของมาร์คโดยการพยักหน้าแรงๆทั้งๆที่ยังอยู่ในอ้อมอก ทำให้หัวใจของมาร์คยิ่งพองโต


          “ต่อไปนี้... ห้ามแบมแบมดื่มเหล้าอีกเด็ดขาด! ถ้าแบมแบมไม่เชื่อพี่ พี่จะโกรธ”


          “อื้ม...ผมไม่ดื่มก็ได้” แบมแบมว่า “แต่ถ้าพี่ทำให้ผมร้องไห้ ผมก็จะดื่มเยอะๆเลย!”


          “ลองดูสิ! ถ้าแบมแบมไม่เชื่อพี่... พี่จะลงโทษให้หนักเลยคอยดู” มาร์คคาดโทษ


          “ผมไม่กลัวหรอก...ก็ผมรักพี่นี่นา ไม่มีอะไรต้องกลัวอยู่แล้ว จริงมั๊ยฮะ?” แบมแบมยิ้มหวานก่อนจะหลับไปเพราะความเมา


          “เด็กน้อยเอ้ย! นายทำให้ฉันหลงนายทุกทีๆแล้วนะเนี่ย”



          RRRrrrrrrrrrrrr


          “ฮัลโหล”


          (เฮ้ย ไอ้มาร์ค...)


          “ฉันเจอแบมแบมแล้ว เดี๋ยวจะพากลับบ้าน”


          (เออๆ ดีเลย แกเจอแล้วฉันก็หายห่วง พาน้องกลับบ้านดีๆนะเว้ย)


          “อื้ม...” มาร์คตัดสายทิ้ง แล้วอุ้มแบมแบมขึ้นในท่าเจ้าสาวก่อนจะออกเดิน






          ‘เดี๋ยวจะพากลับบ้าน... แต่เป็นบ้านฉันนะ’ :P


#ฟิคสั้นมาร์คแบม

1 ความคิดเห็น:

  1. ประโยคสุดนร่คืออะไรย๊ะ😆😆

    กรี๊ดดดดดดดด เจบี😳😳😳😳 เขินระดับ10

    ตอบลบ