วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

A Good Boy - fifth




          ช่วงนี้ผมต้องซ้อมหนักกว่าปกติเพราะจะมีแข่งเดือนหน้า ผมเลยไม่ค่อยได้มีเวลาไปตามดูแลแบมแบมเท่าที่ควร แต่ก็วางใจได้ในระดับนึงแล้วว่าไม่ค่อยมีใครมาแกล้งว่าที่แฟนผมแล้ว... แหม... ช่างกล้าพูดได้เต็มปากเต็มคำ แค่จะจีบเค้ายังไม่กล้าเลย...


          ตอนนี้ผมนั่งล้อมวงกินข้าวกับเพื่อนๆที่ชมรมครับ ทั้งชมรมฟุตบอล บาสฯ และตะกร้อ ที่นี่มีแต่พวกที่สนิทๆกันเท่านั้นแหละครับ... แต่แล้วไอ้พีเนียลมันก็ร้องทักใครสักคนที่ด้านหลังผม ทำเอาทุกคนต้องหันไปมองตามเสียง...


          แบมแบม!


          ผมรีบหันหน้ากลับทันทีที่เห็นว่าเป็นใคร เฮ้ย น้องมาทำอะไรที่นี่วะ... 


          แล้วอยู่ๆไอ้เจบีมันก็ลุกขึ้นมาตวาดน้องแบมใหญ่เลย ผมเงยหน้ามองมันก่อนจะแยกเขี้ยวใส่มัน... มันทำไม่เห็นผมนะแถมยังไม่เลิกตวาดน้องอีก จนไอ้จินยองมันทนไม่ไหวเลยลุกมาจัดการไอ้เจบีให้... ทำดีมากไอ้จินยอง ถ้าไม่ติดที่ว่ามันใช้ให้ไอ้ยองแจเขยิบออกไปแล้วให้น้องแบมแบมมานั่งข้างๆผมนะ...


          โอ้ยย มันก็รู้นะว่าผมชอบน้องเค้า แต่มันก็ยังแกล้ง... ขอถอนคำพูดเมื่อกี้ที่บอกว่ามันทำดีมาก


          แต่จู่ๆน้องก็เซมากระแทกไหล่ผม...




          อ่า... ตัวน้องนิ่มจัง


          เพราะไอ้ยองแจแท้ๆเลย นี่ดีนะที่เซมาฝั่งผม ถ้าเซไปฝั่งไอ้ยองแจนะ บอกเลยผมจะเอาตระกร้อเขวี้ยงใส่หน้ามัน... ก็พอดีมันอยู่ชมรมตระกร้อไง มันเลยไม่รู้ว่าผมชอบน้องแบม คนที่รู้ก็มีเพื่อนในชมรมบาสฯ กับฟุตบอลนี่แหละ


          น้องหันมาขอโทษผมแล้วนิ่งไป ผมอยากจะบอกน้องเหลือเกินว่าไม่เป็นไร ก็ต้องแข็งเป็นหินอยู่อย่างนั้น... เมื่อเจอหน้าใสๆของน้องในระยะประชิดขนาดนี้... โอ้ยยย หัวใจผมทำงานผิดปกติแล้วครับ ใครก็ได้พาผมไปโรงพยาบาลที


          น้องหันไปคุยกับไอ้จินยองแต่ผมยังคงมองน้องอยู่ท่าเดิม พี่ไม่ได้คอเคล็ดนะ แต่พี่ละสายตาไปจากน้องไม่ได้เลย... แล้วน้องก็ยื่นจดหมายมาให้ผม ผมยื่นมือมารับโดยอัตโนมัติ คือมือมันไปเองนะ... พอรับมาปุ๊บน้องก็รีบลุกแล้วขอตัวออกไปทันทีเลย โอ้ย


          อยากจะตีมือตัวเอง...ไม่น่ารีบรับเลย


          พอน้องเค้าลุกออกไปผมก็เริ่มโดนล้อจากไอ้เพื่อนทั้งหลายนี่ทันที... ให้ตายสิ เพื่อนผมรู้กันหมดก็วันนี้แหละ... ไอ้จินยองนะไอ้จินยอง!


          โอ้ย จะว่าไปก็เสียดาย... อุตส่าห์ได้นั่งใกล้ขนาดนี้แล้ว




          ผ่านไปอีกวันกับการที่ผมแอบตามดูแบมแบมเมื่อผมว่าง ตอนนี้ก็เลิกเรียนแล้ว และผมก็กำลังจะไปซ้อมบอลที่สนาม แต่ขอสักหน่อยแล้วกัน... ขอเดินตามมาส่งแบมแบมหน่อย ผมเดินตามน้องอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆครับ กระทั่งมีน้ำถูกเทลงมาจากชั้นสามของอาคาร ผมมองขึ้นไปก็พบเด็กนักเรียนหญิงอยู่สามคน พวกนั้นยิ้มสะใจแล้วพากันวิ่งไปอีกฝั่งของอาคาร ผมเห็นน้องแบมมองขึ้นไปแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ผมเลยเดินเข้าไปหา


          พอเดินไปข้างหน้าน้องแบม น้องกลับหลับตาแล้วสะบัดน้ำใส่เต็มหน้าผมเลย โถ่... พี่กะจะเข้ามาหาแบบเท่ห์ๆซะหน่อย พี่เปียกหมดแล้วนะครับน้องแบม... แต่ก็คงเปียกไม่เท่าน้อง


          พอน้องเค้าลืมตาขึ้นมาเห็นผมเค้าก็รีบก้มหัวขอโทษผมใหญ่เลย ผมเลยรีบหยิบผ้าขนหนูในกระเป๋าตัวเองที่มักจะเอาติดกระเป๋าไว้เสมอเวลาต้องไปซ้อมบอล แล้วผมก็เอาผ้าคลุมไปที่หัวน้อง คือใจอยากจะเช็ดให้แล้วล่ะ แต่มันเขินไง พอเขินแล้วไงล่ะ... ผมก็หันหลังเดินออกมาเลย ไม่ได้หันกลับไปมองน้องอีกรอบเพราะเห็นหลังไวๆของนักเรียนหญิงพวกนั้นที่เทน้ำลงมาใส่แฟนผม(?) ผมเลยรีบเข้าไปเอาเรื่องเด็กพวกนั้นทันที ผมก็ขู่เหมือนเดิมแหละครับ.. แต่คราวนี้ผมบอกเพิ่มไปว่าจะบอกให้แฟนคลับคนอื่นของผมแอนตี้พวกเธอด้วย พวกเธอเลยรับปากว่าจะไม่ทำอีก...


          ผมก็ยังคงไม่แน่ใจอยู่ดีว่าจะยังมีคนกล้ามาแกล้งแฟนผม(?)อีกมั้ย แต่ถ้าผมเจอนะ ผมไม่ปล่อยไว้แน่บอกเลย


          วันนี้ผมมาโรงเรียนเช้ากว่าปกติ สาเหตุมาจากเมื่อวานนี้ อายอนโทรมาบอกผมว่าจะให้แบมแบมเอาจดหมายมาให้ผมเป็นฉบับสุดท้ายแล้ว เธอจะไม่ช่วยผมอีกแล้ว... ถ้าผมไม่คิดจะทำอะไรเลย เธอจะยกแบมแบมให้คนที่ชื่อ ยูคยอม ที่อยู่บ้านติดกับแบมแบม เธอยังบอกอีกว่ายูคยอมแอบชอบแบมแบมมานานแล้วด้วย ถึงจะอยู่กันคนละโรงเรียนแต่แบมแบมกับยูคยอมก็สนิทกันมาก... เรื่องนี้ผมจะไม่ยอมนะครับ


          และเธอก็ย้ำกับผมก่อนจะวางสายไปถึงสองรอบเลยว่า....


          “พี่ต้องให้แบมแบมอ่านจดหมายให้พี่ฟังนะพี่มาร์ค... อย่าลืมให้แบมแบมอ่านนะ!!!” ผมรับปากอายอนไป แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าอายอนจะทำอะไร แต่ผมก็ต้องทำตามสินะ... เดี๋ยวอายอนจะเที่ยวไปยกแบมแบมให้คนโน้นคนนี้ ผมไม่แย่หรอกหรอ...


          เอาวะ มาร์ค ต้วน โอกาสสุดท้ายแล้วนะเว้ย!


          วันนี้ทั้งวันผมเลยพยายามโผล่ไปในที่ๆแบมแบมจะเห็นผมบ่อยๆ เพราะอายอนไม่ได้บอกว่าจะให้แบมแบมเอาจดหมายมาให้ผมตอนไหน แต่รอแล้วรอเล่าแบมแบมก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะเอามาให้ จนกระทั่งตอนเย็นผมเลิกเรียนก็ตรงดิ่งไปซ้อมฟุตบอลเลยเพราะไอ้จินยองมันลากไป พอเปลี่ยนชุดเสร็จผมก็ลงสนามทันทีเลย เล่นไปได้สักพักผมก็เหลือบไปเห็นน้องแบมเดินเข้ามานั่งตรงอัฒจรรย์... ฮึ่ยยยยย น้องมานั่งตรงนั้นน้องก็ต้องเห็นผมเล่นใช่ป้ะ? งานนี้ผมสู้ตายยิ่งกว่าแข่งจริงเลยครับ ยังไงน้องต้องได้เห็นผมยิงสักประตูสองประตู... จนในที่สุดผมก็ทำประตูได้ น้องต้องภูมิใจในตัวผมแน่ๆล่ะ...


          “หมั่นไส้คนโชว์พาวว่ะ” ไอ้แจ็คสันครับ มันหมั่นไส้ผมล่ะที่ผมทำประตูได้ พอดีผมอยู่คนละทีมกับมันไง... แล้วไอ้แจ็คมันขอเปลี่ยนตัวให้ไอ้จงฮยอนเข้ามาแทน ผมยักไหล่ให้มันก่อนจะหันมาสนใจลูกกลมๆอีกครั้งเมื่อสัญญาณนกหวีดดัง


          แต่จู่ๆหางตาของผมก็เหลือบไปเห็นไอ้แจ็คสันมันเดินตรงปรี่เข้าไปหาแบมแบมแล้วถือวิสาสะนั่งลงข้างๆน้องเลย... ไอ้เพื่อนเลว มันคิดจะแกล้งผมอีกแล้ว ผมยืนมองมันคุยกับแบมแบมจนไอ้จินยองที่เป็นโกลต้องเดินเข้ามาเตะเตือนสติว่าผมยังอยู่ในเกมส์ ผมก็เออออบอกมันไปว่าจะตั้งใจเล่นแล้ว มันเลยเดินกลับไปประจำตำแหน่ง


          ผมเลยหันไปมองน้องอีกครั้ง แต่ครั้งนี้น้องแบมหันมาเห็นผมกำลังมองอยู่พอดี น้องเค้าเลยรีบหันหน้าไปหาไอ้แจ็คเลย ผมก็เลยต้องรีบวิ่งไปไล่ลูกบอลแก้อาการเขินของตัวเอง... น้องแบมมองผมด้วยเมื่อกี้


          ตอนนี้น้องแบมนั่งอยู่คนเดียวแล้ว เพราะไอ้แจ็คมันขอกลับไปก่อน เห็นไอ้จินยองมันว่างั้นนะ... ส่วนตัวผมเองก็คอยมองไปทางน้องอยู่บ่อยๆ เพราะกลัวว่าจะมีคนมายุ่งกับน้อง หรือไม่ก็กลัวน้องจะรอไม่ไหวกลับไปก่อน แล้วจู่ๆน้องเค้าก็หันหน้าเข้าอัฒจรรย์ไป... น้องเค้าไม่อยากดูผมเล่นแล้วหรอ?...


          พอหมดครึ่งแรกผมก็ให้ไอ้พีเนียลมันลงแทนในครึ่งหลัง เพราะน้องแบมนั่นแหละทำให้ผมไม่อยากเล่นต่อ ก็น้องเค้านั่งฟุบลงไปกับอัฒจรรย์ท่านั้นนานแล้วนะ ผมเลยค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆแล้วก็พบว่าน้องเค้ากำลังหลับ... ด้วยความหวังดีกลัวว่าน้องจะเมื่อยผมเลยค่อยๆประคองตัวและหัวน้องให้เอนลงมาทางผม ก่อนที่จะค่อยๆวางหัวน้องลงบนตักผมในที่สุด... น้องแบมหลับตาพริ้มน่ารัก เด็กคนนี้ยิ่งมองยิ่งหลง...


          ดูเหมือนน้องจะหลับลึกนะ เพราะขนาดหมดเวลาครึ่งหลังไปแล้วจนพวกเพื่อนๆผมพากันกลับหมดแล้ว น้องยังไม่ตื่นเลย... ผมเลยเอามือลูบผมน้องเค้าเล่น กระทั่งน้องเค้าค่อยๆขยับหัวนั่นแหละ ตัวผมเลยแข็งทื่อเลย... น้องจะตื่นแล้วอ่ะ


          น้องลืมตาขึ้นมามองผมปริบๆแล้วขยับหัวออกจากตักผมผมเลยต้องรีบเอามือกั้นหัวน้องไว้เพราะอีกนิดนึงน้องจะตกลงไปจากตักผมแล้ว และน้องก็ตกใจที่ผมทำแบบนั้นรีบลุกออกจากตักผมแล้วนั่งมองหน้าผมเหวอๆ ท่าทางแบบนี้มันน่ารักจริงๆเลย


          โอ้ย ผมทนไม่ไหวแล้วอ่ะ 


          อยากได้คนนี้... จะเอาคนนี้... เอาเป็นแฟนครับอย่าคิดลึก


          ผมลุกขึ้นยืนแล้วน้องเค้าก็ลุกตาม และยื่นจดหมายมาให้ผมทันที ผมจำได้ว่าอายอนบอกให้ผมให้แบมแบมเป็นคนอ่านจดหมายให้ฟังดังนั้นผมเลยไม่ได้รับจดหมายมา แต่น้องก็เอามันวางไว้แล้วหยิบถุงใส่ผ้าขนหนูส่งมาให้พร้อมจดหมาย ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรน้องเค้าก็ยัดจดหมายลงในถุงแล้ววางไว้ที่อัฒจรรย์ทันที น้องเค้าบอกลาผม ทำให้ต่อมความกล้าผมเริ่มทำงาน ถ้าผมพลาดครั้งนี้ โอกาสครั้งหน้าเท่ากับศูนย์เลยนะ


          คิดได้ดังนั้นผมเลยรีบคว้าข้อมือน้องไว้ น้องหันกลับมามองผมอย่างตกใจ ผมเลยหยิบจดหมายออกจากถุงแล้วยัดใส่มือน้องไปแล้วบังคับให้น้องอ่าน... คือต้องตีหน้ายักษ์ใส่เพราะพี่จะเขินแล้วทำอะไรไม่ถูก น้องเลยยอมอ่านแต่โดยดี แม้เสียงน้องจะเบาหวิว แต่ผมก็ได้ยินชัดเจนว่าจดหมายเขียนไว้ว่าอะไร...


          “พูดอะไร ไม่ได้ยิน” ผมขมวดคิ้วส่งไปให้น้องเพราะอยากแกล้ง.. ตอนนี้ผมรู้สิ่งที่อายอนพยายามจะสื่อแล้วครับ


          “เป็นแฟนกันนะพี่มาร์ค” แบมแบมพูดเสียงดัง ผมยกยิ้มอย่างดีใจ แล้วน้องก็ยัดจดหมายใส่มือผมแล้วบอกลา


          “หมดหน้าที่ผมแล้ว ขอตัวนะครับ” น้องหันหลังเตรียมจะเดินออกไปทันที


           “ไม่เอาคำตอบหรอ” ผมเอ่ย... ซึ่งก็ทำให้แบมแบมชะงักไป


          “พี่ไปบอกคนถามด้วยตัวเองดีกว่...”


          “ตกลง” ผมรีบชิงพูดไปก่อนที่แบมแบมจะพูดจบ... ก็ผมอยากเป็นแฟนกับน้องเค้าเร็วๆนี่ครับ น้องแบมหันกลับมามองผม แล้วยิ้มบางๆให้


          “เพื่อนผมต้องดีใจมากแน่ๆ... เดี๋ยวผมโทรหาเพื่อนให้นะครับ” น้องหยิบโทรศัพท์ออกมากด ผมเลยรีบคว้าโทรศัพท์น้องมาถือไว้แล้วรีบเมมเบอร์ตัวเองใส่เครื่องน้องแล้วกดโทรออกทันที...


          โดยไม่ลืมที่จะเมมชื่อ



          ‘พี่มาร์คแฟนแบมแบม’



          ผมเปิดหน้าจอไว้ที่รายการโทรล่าสุดแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้น้องไป พอน้องแบมเห็นก็ตกใจใหญ่ เงยหน้ามองผมสลับกับหน้าจอมือถือ


          โอ้ยย ผมทนไม่ไหวแล้ว คนอะไรน่ารักเกิน... ผมดึงน้องแบมเข้ามากอดเต็มรัก อยากได้จริงๆนะครับคนนี้


          “ตัวจริงยืนอยู่ตรงหน้า มองอะไรนักกับหน้าจอ ฮึ?” ผมเอ่ยที่ข้างหูน้อง


          แล้วน้องก็ผละออกจากอ้อมกอดผม


          “ผมฝันอยู่รึเปล่าเนี่ย?” ท่าทางสงสัยปนเขินอายของน้องทำเอาผมทนไม่ไหว... ผมประทับริมฝีปากตัวเองลงบนริมฝีปากอวบอิ่มของน้องอย่างรวดเร็ว


          “รู้ยังว่าไม่ได้ฝัน” น้องยืนตัวเกร็งเลย “ถ้ายังไม่เลิกทำหน้าเหวอพี่จะจูบแบมแบมอีกที เอาแบบไม่ให้มีอากาศหายใจเลย” พอผมขู่ไปน้องก็ทำหน้าเหวอใส่ โอ้ย เด็กอะไรน่าฮักขนาด


          “เป็นแฟนกันแล้วนะ... รู้ยัง” ผมยิ้มให้น้อง แล้วน้องก็ยิ้มตอบกลับมา โอ้ยย โคตรมีความสุขอ่ะ


          “พี่มาร์ค... คือช่วยอธิบายให้ผมฟังทีได้มั้ยครับ?”


          “ก็... อยากฟังเรื่องไหนล่ะ?” ผมนั่งลงบนอัฒจรรย์ แล้วดึงแบมแบมให้นั่งลงข้างๆกัน “แต่ขอค่าอธิบายเป็นจูบได้มั้ย?” ได้ทีแล้วขอรุกหนักๆหน่อยนะ ...กว่าพี่จะกล้าขนาดนี้...



          พี่มาไกลแล้ว กู่ไม่กลับแล้วบอกเลย



          “หือออออ” น้องส่ายหน้ารัวๆ “พี่แกล้งผมหรอ?” แล้วตีเข้าที่แขนผม ผมยกมือขึ้นยอมแพ้


          “โอเคๆ พี่เล่าก็ได้... แต่ต้องสัญญาก่อนนะว่าจะไม่โกรธ” ไอ้เรื่องที่ผมกังวลมันยังมีอีกเรื่องน่ะสิ คือเรื่องที่แฟนคลับผมไปแกล้งน้องไง น้องจะโกรธผมรึเปล่าก็ไม่รู้ที่สาเหตุที่ตัวเองโดนแกล้งมาจากผม


          “ครับ”


          “คือพี่ชอบแบมแบม... แล้วทีนี้เพื่อนพี่มันรู้ แล้วดันปากโป้ง... เผลอไปบอกรุ่นน้องที่เค้ามาชอบพี่น่ะ... แต่มันบอกไปแบบไม่ได้คิดอะไร มันแค่อยากแกล้งให้พวกรุ่นน้องอกหักเล่นเท่านั้น”


          “แล้ว... ยังไงต่อครับ?” น้องแบมดูเหมือนยังไม่ค่อยเข้าใจ โอเคผมเท้าความยาวไปใช่มั้ย? ก็น้องสงสัยตั้งแต่ตอนไหนผมไม่รู้นี่นา เลยเล่าตั้งแต่ต้นเลยแล้วกัน


          “พี่ก็เพิ่งมารู้จากอายอนว่าแบมแบมโดนรุ่นน้องพวกนั้นแกล้ง”


          “ฮะ? ผะ...ผมหรอ?”


          “ใช่... พี่ขอโทษนะ ความผิดพี่เองแหละ แต่พี่จัดการให้หมดแล้วนะ เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ไม่ต้องกลัวว่าใครจะมาแกล้งแล้ว” ผมเอื้อมมือไปกุมมือแบมแบมไว้ด้วยในขณะที่พูดเพื่อให้น้องมั่นใจได้ว่าปลอดภัย


          “หมายความว่า... คนพวกนั้นเป็นคนที่ชอบพี่หรอฮะ?... ไม่จริงหรอก... ผมว่าพี่ต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ๆเลย” ผมส่ายหัว


          “คนที่เข้าใจผิดก็คือแบมแบมเองนั่นแหละ... แบมแบมฟังนะ... พี่ขอโทษที่รู้ช้าไป แบมเลยโดนแกล้งตั้งมากมาย รุ่นน้องพวกนั้นเหมือนจะชอบพี่มากเกินไป เลยรับไม่ได้ที่พี่จะชอบคนอื่น”


          “แปลว่า... ที่ผมโดนแกล้ง ไม่ใช่จากแอนตี้แฟนของอายอนเพื่อนผมหรอครับ?” ผมพยักหน้าให้... น้องแบมเข้าใจถูกแล้วล่ะ “แต่อายอนก็โดนแกล้ง...” ผมนึกไปถึงตอนที่อายอนเล่าให้ฟังในตอนแรกๆที่โดนแกล้ง


          “เค้าตั้งใจแกล้งแค่แบมแบมนั่นแหละ... แต่พอดีอายอนอยู่ด้วยก็เท่านั้น” น้องดูอึ้งไปอย่างเห็นได้ชัด


          “แต่เดี๋ยวก่อนนะพี่มาร์ค... พี่รู้จักกับอายอนด้วยหรอ?”


          “รู้จักสิ... ก็อายอนเป็นน้องของเพื่อนสนิทพี่” ไอ้จินยองไงครับน้องแบม นี่แปลว่าน้องแบมก็ไม่รู้ใช่มั้ยว่าอายอนพยายามเป็นแม่สื่อให้พวกเรา


          “แล้วพี่รู้มั้ยว่าอายอนชอบ...” นั่นไง... ทำไมไร้เดียงสาได้ขนาดนี้นะ... แบบนี้ต้องสั่งสอน


          “ขนาดนี้แล้วยังเดาไม่ออกอีกหรอ?” ผมยกมือขึ้นมาโยกหัวน้องแบมไปมา “คนที่ชอบพี่น่ะ... คือเราไม่ใช่หรือไง?” น้องแบมอึ้งไปเลยที่ผมพูดแบบนั้น “มันเป็นแผนของอายอนล่ะ.... ถ้าไม่ได้เธอ... เราคงไม่รู้ใจกันสักที”


          “พี่มาร์ค... พี่ดูเปลี่ยนไปนะ... ทำไมคราวก่อนที่เจอพี่ไม่เคยพูดกับผมเลย”


          “พี่ก็เขินเป็นนะ” ผมยกมือขึ้นเกาท้ายทอยตัวเอง “อยากพูดด้วยใจแทบขาด แต่ลิ้นมันแข็งไปหมด”


          “แล้วทำไมตอนนี้พูดไม่หยุด... ไม่เขินแล้วหรอ?” น้องแบมช้อนตามองผม โอ้ยยย ใครสอนให้มองพี่ด้วยสายตาแบบนี้ พี่ทนไม่ไหวแล้วนะ


          “อยากดูมั้ยว่าใครเขินกว่ากัน” พูดจบพี่ผมก็เอื้อมมือไปล็อคท้ายทอยน้องแบมไว้ แล้วกดจูบหนักๆลงไปบนริมฝีปากน้องทันที...


          ถ้าผมรู้ว่าเป็นแฟนกับน้องแล้วจะทำแบบนี้ได้นะ ผมจะกล้าเข้าไปทำความรู้จักน้องตั้งแต่วันแรกที่เจอกันแล้ว นี่ผมปล่อยให้เวลาสูญเปล่าไปนานขนาดนี้ได้ยังไงกันนะ ไอ้มาร์คเอ้ย สมหวังสักทีนะ


          อยากบอกทั้งโลกให้รู้เลยว่าตอนนี้ผมมีความสุขมาก :D        


#ฟิคสั้นมาร์คแบม


1 ความคิดเห็น:

  1. โอ๊ยยยยย ชอบบบบบบบบบบบบบบบบ <3 ปาหัวใจรัวๆๆๆๆๆๆ

    ตอบลบ