เขาจะกลายเป็นข้อยกเว้นสำหรับผม...
เช้านี้ที่น่าวุ่นวายสำหรับผมได้เกิดขึ้นอีกแล้วสินะ... หลังจากตื่นมาหน้าก็บวมปูด แมสก็ปิดไม่ได้หมดเลยต้องเอาพลาสเตอร์ยามาแปะโหนกแก้มไว้ให้ปลายพลาสเตอร์ยื่นออกมาจากแมสเล็กน้อย... มันต้องมีคนเห็นแน่เลยวันนี้... ผมใช้มือปัดๆให้ผมด้านหน้าลงมาปิดหน้ามากขึ้น มองตัวเองในกระจกก่อนจะถอนหายใจอีกครั้ง
ให้ตายเถอะ... แบมแบม...จะรอดมั้ยเนี่ยวันนี้
วันนี้ผมตื่นเช้ากว่าปกติ เพื่อมาจัดการซ่อนรอยต่างๆนาๆ ทั้งๆที่ก็ใช้ครีมหรือที่เรียกว่าคอนซีลเลอร์ปิดในส่วนที่แมสปิดไม่ถึงตามที่ยูคเคยบอกให้ใช้แล้ว แต่มันก็ยังพอมีรอยให้เห็นถ้าสังเกตดีๆ
เสียงสั่นเตือนข้อความดังขึ้น ผมเอื้อมมือไปหยิบมือถือบนโต๊ะมาก่อนจะละสายตาจากกระจกแล้วเปิดข้อความนั่นดู
'มาเรียนไหวมั้ย?'
ผมกรอกตาไปมากับข้อความที่แผ่หราอยู่บนจอ
ตั้งแต่เมื่อวานที่ผมตัดสินใจส่งข้อความไปบอกเขาว่า...
'ถึงแล้ว'
เขาก็ตอบกลับมาแทบจะทันทีที่ผมโยนโทรศัพท์ลงบนเตียง
'นอนพักซะนะ ตัวเล็ก'
ให้ตายเถอะ... 'ตัวเล็ก' ผมอยากจะเอามือทึ้งหัวไอ้รุ่นพี่หัวหน้าห้องคนนั้นจริงๆ
มุ้งมิ้งได้อีก... ผมไม่ได้ตัวเล็กสักหน่อย เผลอๆอีกไม่กี่ปีผมจะสูงกว่าเขาแน่ๆล่ะ
ผมไม่ได้ตอบข้อความกลับไป เพียงแค่ยัดมือถือลงกระเป๋ากางเกงก่อนจะหยิบกระเป๋ามาพาดไหล่แล้วเดินไปโรงเรียน วันนี้ผมไม่ได้เตรียมแซนวิชอย่างทุกวัน เพราะนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวาน... มีขนมปังและน้ำผลไม้ของคนๆนั้นอยู่... สรุป นี่แหละข้าวกลางวันของผมล่ะ...
ไม่นานผมก็เดินมาถึงโรงเรียน ตอนนี้นักเรียนยังมากันไม่เยอะ ก็อย่างที่บอก ผมตื่นเช้ากว่าปกติ ดังนั้นผมก็เลยมาเช้ากว่าปกติ
ผมเดินลิ่วๆไปที่ห้องของตัวเองทันที พอถึงห้องก็เห็นนักเรียนหญิงบางคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว ผมรีบก้มหน้าหลบไปตามสัญชาติญาณทันที กระทั่งเดินมาถึงโต๊ะตัวเอง... ให้ตายเถอะ พวกผู้หญิงนี่จะมาทำไมกันเช้าๆแบบนี้นะ
ผมวางกระเป๋าก่อนจะเดินไปไขกุญแจล็อกเกอร์ของตัวเองที่หลังห้อง แล้วหยิบแฟ้มที่อาจารย์ยุนอาให้ไว้ออกมา เตรียมโฮมรูม...
ให้ตายสิ
ผมอ่านคำสั่งคร่าวๆของคาบโฮมรูมวันนี้แล้วก็ต้องกุมขมับ... อะไรคือการที่อาจารย์สั่งให้นักเรียนเขียนสรุปบทความ... แล้วผมก็ต้องเป็นคนอ่านบทความให้พวกนั้นฟัง...
ให้ตายเหอะ! ให้ตายจริงๆ!! สภาพผมเป็นแบบนี้เนี่ยนะ!!!
ผมจะไปขอความช่วยเหลือจากหัวหน้าห้องผมดีมั้ยนะ? ให้เธอไปคุมห้องโน้น แล้วเดี๋ยวผมคุมห้องนี้แทน... ผมมองไปที่เธอที่หันมามองผมหวาดๆก่อนจะหันกลับไปอย่างรวดเร็ว... ให้ตาย... จะกลัวอะไรนักหนา
ผมเม้มริมฝีปากจนเป็นเส้นตรง เลือกไม่ได้สินะ... ผมปิดล็อกเกอร์แล้วรวบเอากระดาษมาถือไว้ ก่อนจะเดินเอามันไปวางไว้ที่โต๊ะตัวเอง แล้วหยิบบทความของอาจารย์ขึ้นมาอ่านทำความเข้าใจก่อนที่จะต้องไปยืนอ่านให้คนอื่นฟัง
หรือผมจะเอาไปถ่ายเอกสารแล้วแจกดีนะ?...
แต่อย่าดีกว่า... ทำนอกเหนือคำสั่งเดี๋ยวจะเป็นผมเองที่โดนอาจารย์เฉ่ง
"กะ..กันต์พิมุกต์ มีคนมาหา" เสียงของหัวหน้าห้องผมดังขึ้นเบาๆที่หน้าประตูห้อง ผมละสายตาจากตัวหนังสือแล้วเงยหน้าขึ้นมอง... ก่อนที่คิ้วจะขมวดเข้าหากัน... ใครจะมาหาผม? เมื่อเห็นว่าผมขมวดคิ้วมองไปเธอก็รีบเดินออกไปดันให้คนที่ยืนอยู่ข้างนอกเข้ามาแทน แล้วคิ้วผมก็คลายปมก่อนจะเปลี่ยนเป็นถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นหน้าคนที่มาหา...
คุณหัวหน้าห้องม.5
เขาเดินเข้ามาหาผมที่โต๊ะโดยที่มีเพื่อนในห้องเหลือบมองมาเป็นระยะๆ พอเผลอสบตากับผมพวกนั้นก็จะรีบหันกลับไปทันที ผมมองผู้มาใหม่ที่ตอนนี้ก้มหน้าลงมามองผมในระดับสายตา ผมเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม... มาทำไม?
"มารับ" ผมอึ้งไปเล็กน้อยเมื่อเขาตอบแบบนั้น... ทำอย่างกับอ่านใจคนได้อย่างงั้นแหละ
ผมยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ในใจก็อยากจะทึ้งหัวไอ้คนตรงหน้าใจจะขาด... ไอ้นี่มัน!
"ไปเร็ว..." เข้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น "ตัวเล็ก" เขาเอ่ยเบาๆ ทำเอาผมต้องถลึงตาใส่เขาอย่างเอาเรื่อง
ผมจิ๊ปากไปทีนึงก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ
"ยังไม่ถึงเวลา" แล้วผมก็ก้มหน้าลงไปอ่านบทความอีกครั้งต่อให้จบ ก่อนจะรู้สึกถึงแรงกดเบาๆที่กลางหน้าผาก เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบนิ้วชี้เรียวๆกำลังจิ้มที่หน้าผากผมอยู่ ผมปัดมือเขาออกไปแล้วค้อนใส่
เขายิ้มให้ผมจนตาหยี แล้วดึงบทความในมือผมไปถือไว้แล้วเดินออกจากห้องไปทันที...
เฮ้ย! ไอ้บ้านิ่
ผมกรอกตาไปมา ขบกรามแน่นเก็บความโมโหพลางสูดหายใจเข้าออกลึกๆ... ไอ้!
สุดท้ายแล้วผมก็ต้องรวบเอากระดาษทั้งหมดบนโต๊ะที่อาจารย์เตรียมไว้สำหรับให้เขียนสรุปมาถือไว้แล้วเดินออกจากห้องตามมา... จนได้สิหน่า ให้ตายเถอะ!
ผมก้าวออกจากห้องเรียนแล้วก็พบว่าเขายืนพิงกำแพงห้องด้านนอกรออยู่... ผมเดินไปทางเขาก่อนจะมองเขาตาขวาง เขายกมือขึ้นเป็นเชิงว่ายอมแพ้ ผมถอนหายใจเบาๆอย่างปลงๆ ก่อนจะออกเดิน... เขาเดินตามมาจนเดินเสมอกัน
พอมาถึงห้องม.5 เขาก็บอกให้ผมนั่งที่โต๊ะข้างๆตัวเดิมก่อนเพราะยังไม่ถึงคาบโฮมรูม...
ก็นั่นน่ะสิ! มันยังไม่ถึงคาบโฮมรูม! แล้วบังคับพามานี่ก่อนเวลาเพื่ออะไร!
"ตัวเล็กกินข้าวมายัง?" คนข้างๆที่ไม่ยอมให้ผมได้อยู่แบบปกติสุขถามขึ้นมา ทำเอาผมหันไปถลึงตาใส่อีกรอบ
ให้ตาย! ตัวเล็กบ้าบออะไร!
"ตัวเล็กทำไมชอบทำหน้าบึ้ง?"
"หยุดเรียกผมแบบนั้นสักที" ผมขบกรามแน่น อยากจะซัดหน้ากวนๆนั่นด้วยหมัดสักทีสองที
"งั้นก็เรียกพี่มาร์คก่อน" ผมกรอกตาไปมาอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะหันหน้าหนีไปทางอื่น ให้ตายเถอะ! ให้ตายยยย ดีนะที่ผมความอดทนสูงมากพอที่จะไม่เผลอเอาหมัดเสยคางเขาให้สลบไป ปากจะได้เงียบสักที
เสียงออดดังบอกเวลาเข้าคาบโฮมรูมทำเอาผมต้องถอนหายใจอีกรอบ... ผมทำท่าจะลุกขึ้นจากโต๊ะแต่คนข้างๆก็ฉุดข้อมือให้นั่งลง ผมหันไปขมวดคิ้วใส่เขาอีกรอบ
"นั่งเถอะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง" ว่าแล้วเขาก็รวบกระดาษบนโต๊ะไปถือไว้ทั้งหมด แล้วเดินไปหน้าห้องทันที ก่อนจะวางกระดาษในมือลงที่โต๊ะอาจารย์แล้วบอกให้เพื่อนเดินมาหยิบไปคนละแผ่น
เขาหันมายิ้มให้ผมทีนึงก่อนจะเริ่มอธิบายคำสั่ง เพื่อนในห้องพยักหน้าเข้าใจแต่ก็ยังคงสงสัยว่าทำไมผมถึงไม่ไปทำหน้าที่นี้เอง
ผมถอนหายใจเบาๆก่อนจะยกยิ้มมุมปากขึ้นน้อยๆ แน่นอนว่าไม่มีใครเห็นเพราะผมใส่แมสอยู่...
ผมหยิบกระดาษบนโต๊ะเขา ที่จะใช้สำหรับเขียนสรุปงานในคาบโฮมรูมมาวางไว้ที่หน้าตัวเอง ก่อนจะกดปากกาในมือ แล้วเขียนยุกยิกๆลงไปบนกระดาษนั่น
มาร์คเงยหน้าจากตัวหนังสือแวบหนึ่งเพื่อมองการกระทำของร่างบางก่อนจะยกยิ้มน้อยๆแล้วอ่านบทความต่อไป ผ่านไปเกือบสิบห้านาที มาร์คก็อ่านบทความจนจบ เขาเดินมานั่งที่ของตัวเอง ก่อนจะเห็นกระดาษที่ก่อนหน้านี้คนข้างๆเอาไปเขียนอะไรไม่รู้... เขาอ่านตัวหนังสือไม่เกินบรรทัดก็ต้องร้องอ๋อ... ร่างบางที่นั่งข้างๆ เขียนสรุปบทความให้ผมนี่เอง แถมยังเขียนเสร็จก่อนที่ผมจะอ่านจบเสียอีก... ไม่แปลกหรอกนะ เพราะเขาอ่านมันไปแล้วก่อนหน้านี้ไง
"สรุปให้พี่หรอ? ขอบคุณนะ" ผมเอ่ยเบาๆเพื่อไม่ให้คนอื่นได้ยิน ผมก็กลัวเพื่อนเอาไปฟ้องอาจารย์เหมือนกันนี่ฮะ
"อือ" ร่างบางครางตอบในลำคอ "หายกัน" ผมยิ้มน้อยๆให้คนข้างๆที่ไม่ยอมหันมามองผม... เอาแต่นั่งหูแดงอยู่นั่น
ผมรับกระดาษปึกใหญ่ในมือของคุณหัวหน้าห้องม.5มาถือไว้ในมือ ก่อนจะโค้งให้เล็กน้อยแล้วเดินออกจากห้องไป... หมดคาบสักทีสินะ
ระหว่างที่ผมเอางานมาเก็บไว้ที่ล็อกเกอร์อาจารย์ยุนอา ผมก็ได้รับข้อความจากยูค หรือยูคยอม เพื่อนสนิทของผมเอง
'เสาร์นี้ประชุม ที่เดิม'
ผมพิมตอบกลับไปทันที
'อืม'
ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะต้องหยิบออกมาอีกรอบเพราะมันสั่นเตือนว่ามีข้อความเข้ามาอีกฉบับ
'กลางวันนี้ไปกินข้าวด้วยนะ' ข้อความนั่นทำเอาผมหน้าชา...
แม้ชื่อคนส่งจะยังไม่ถูกผมเปลี่ยนเป็นชื่ออื่น
มันยังคงเป็นตัวเลขเรียงกันสิบตัว...
เป็นคนเดียวที่ผมไม่ได้เมมชื่อไว้ในเครื่อง…
และเป็นคนเดียวกับคนที่ผมเพิ่งเจอเขาไปเมื่อกี้…
คุณหัวหน้าห้องม.5
เสียงออดพักกลางวันดังขึ้น วันนี้เป็นวันแรกที่ผมรีบกุลีกุจอเก็บของ แล้วนั่งเขย่าขารอให้อาจารย์เดินออกจากห้องไปสักที ผมจะได้รีบออกจากห้องแล้วไปหาที่นั่งที่อื่นกินข้าว... อาจเป็นที่ไหนสักที่ๆเงียบๆ ไม่มีคนพลุกพล่าน... ถ้าหาไม่ได้จริงๆผมกะจะกินในห้องน้ำให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
แต่ทำไมวันนี้อาจารย์ออกจากห้องช้าจังครับ? เก็บของนานกว่าทุกวันจนผมแปลกใจ อาจารย์เงยหน้าขึ้นมองผมก่อนจะเอ่ยเรียกให้เดินไปหาแล้วบอกให้เพื่อนๆคนอื่นลงไปกินข้าวกันได้เลย เหลือผมไว้คนเดียวพอ...
คืออะไร....
ผมจำต้องเดินไปหาอาจารย์หน้าห้อง
"เมื่อวานนี้อาจารย์ยุนอาโทรมาหาครู... เธอฝากครูถามว่า... ทุกอย่างเรียบร้อยดีมั้ย?"
"ครับ"
"แค่นี้แหละจ้ะ แต่เอ้ะ...หน้าเธอดูแปลกๆนะ" ผมรีบก้มหน้างุด "เป็นอะไรรึเปล่า?" ครูทำท่าจะเดินลงมาดูผมใกล้ๆ
"อาจารย์ครับ" เสียงทุ้มดังขึ้นที่หน้าห้องก่อนจะตามด้วยเจ้าของเสียง
คุณหัวหน้าห้องม.5...
"อ้าว มาร์คเธอมีธุระอะไรกับครูหรือเปล่า?"
"อ๋อเปล่าครับอาจารย์... ผมมีธุระกับเด็กคนนี้ต่างหาก" เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วเอาแขนคล้องคอผมไว้หลวมๆ
"นี่มาหาเรื่องน้องรึเปล่า?" มาร์ครีบโบกมือพัลวัน
"ผมไม่ใช่คนแบบนั้นนะครับอาจารย์... ผมแค่จะมาพาน้องไปกินข้าวเฉยๆครับ" เขาหันมามองหน้าผมก่อนจะหันไปหาอาจารย์อีกครั้ง "น้องเค้าไม่ค่อยสบายเลยต้องดูแลดีๆหน่อยครับ" ผมเหลือบตาไปมองคนข้างๆเล็กน้อย...
"งั้นก็ดีเลย... ครูฝากเธอด้วยนะ ครูไปล่ะ" อาจารย์สาวเดินออกจากห้องไป ร่างบางข้างๆที่มาร์คกำลังกอดคออยู่ก็ถองศอกเข้าที่สีข้างมาร์คอย่างจัง ก่อนที่เขาจะเดินไปที่โต๊ะของตัวเอง โดยมีอีกคนเดินตามมาไม่ห่าง
"ตัวเล้กกกกกก" แบมแบมหันขวับไปที่เจ้าของเสียงนั่นทันที
"เลิกเรียกแบบนั้นสักทีเถอะครับ!"
"กินข้าวกัน" ว่าพลางดึงคนที่ตัวเองเพิ่งเรียกไปเมื่อกี้ให้นั่งลง… แล้วจัดแจงลากเก้าอี้อีกตัวมาวางตรงข้ามกันแล้วเปิดกระเป๋าเอาของกินออกมาวางบนโต๊ะ
"ผมจะไปกินข้างนอก" ผมทำท่าจะลุกออกจากโต๊ะแต่เขาก็กดไหล่ผมให้นั่งลง...
ผมจิ๊ปากอย่างไม่พอใจ... คนๆนี้นี่มัน...
"รีบกินเถอะ เดี๋ยวมีคนเข้ามานะ" ผมกรอกตาไปมาด้วยความเหนื่อยใจก่อนจะถอนหายใจยาวๆ...
ให้ตาย ตื้อชะมัดยาก นี่ผมเลี่ยงไม่ได้อีกแล้วใช่มั้ย?
ผมเลยหยิบขนมปังกับน้ำผลไม้ที่เขาให้ผมเมื่อวานขึ้นมาวางบนโต๊ะ... เขาชะงักก่อนจะหยิบมันกลับคืนไป แล้วส่งขนมปังอันใหม่มาให้ผมแทน อันที่ใหญ่กว่าอันเดิม... แล้วตามด้วยน้ำผลไม้ เกลือแร่ และขนมอีกหลายห่อ
"ซื้อมาฝาก" ผมเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง แล้วมองหน้าเขาตรงๆ... เขามองผมกลับบ้างแล้วยิ้มให้
"ถามจริงๆ ทำแบบนี้กับผมทำไม?" ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคม... ถ้าเป็นคนอื่นคงจะหลบตาเพราะกลัวผมกันไปหมดแล้ว... แต่เขาไม่... เขาจ้องตาผมกลับอยู่นาน... จนเป็นผมเองที่อยากจะหลบสายตาคู่นั้นไป
"ไม่รู้สิ" เขาบอก... ผมหลุบตาลงต่ำ เพราะรู้ว่าหากเล่นเกมจ้องตากันต่อไป... ผมจะแพ้ "พี่อยากทำก็ทำอ่ะ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีหรอกนะ... พี่ไว้ใจได้!" เขาเอามือตบที่หน้าอกตัวเองเบาๆหลายที ผมหลุดหัวเราะกับท่าที่เขาทำ ก่อนจะปรับสีหน้าให้เรียบ ก็ผมขำเค้านิ่... คนอะไรชมตัวเองได้หน้าตาเฉย
แล้วผมก็ตัดสินใจถอดแมสออกเพราะถ้าไม่รีบกินตอนนี้ผมก็จะหิวไปตลอดคาบบ่ายเลย
“นายชอบกินอะไรบ้างอ่ะ?” จู่ๆเค้าก็ถามผมขึ้นมา... ผมกัดขนมปังเข้าปากแล้วมองหน้าเขานิ่งไม่ได้ตอบอะไรเพราะใช้การเคี้ยวเป็นข้ออ้าง... กระทั่งเขารอให้ผมเคี้ยวเสร็จและจะกัดคำต่อไป... เขาก็ถามย้ำขึ้นมาอีกรอบ... คนอะไร ขี้ตื้อชะมัด
“ขอผมกินก่อนได้มั้ย? เดี๋ยวคนอื่นมาเห็น” เขาพยักหน้ารับ ผมเลยจัดการขนมปังในมือต่อให้เสร็จ... ซึ่งเขาก็นั่งเงียบกินขนมปังของตัวเองไป และไม่ถามอะไรผมอีกเลยกระทั่งผมหยิบแมสขึ้นมาใส่ไว้ตามเดิม... เขาก็เริ่มยิงคำถามมาอีก...
โอยยย คนๆนี้นี่มัน... พูดมาก ขี้สงสัย ขี้ตื้อ กวนประสาท กวนสมาธิ และเข้าใจยาก
“ยังปวดอยู่มั้ย? หน้านายบวม ไปหาหมอเอายามาทากินเถอะ” ผมส่ายหน้า “นายไม่รักตัวเองเลยหรอ?” ผมเลิกคิ้วให้กับคำถามนี้... ทำไมถามอะไรแบบนั้น มีใครบ้างไม่รักตัวเอง...
“ผมชินแล้ว เดี๋ยวมันก็หาย”
“ทำไมนายต้องสู้กับพวกนั้นด้วย...”
“ไหนบอกจะไม่ยุ่งเรื่องนี้ไง” เขานิ่งไป ผมถอนหายใจทันที... รู้สึกไม่ค่อยดีเลยที่มีคนมารับรู้อะไรที่ผมทำ... เพราะนั่นไม่ใช่แค่ผมที่ไม่ปลอดภัย... เขาก็อาจจะไม่ปลอดภัยไปด้วย
“กลับห้องไปเถอะ แล้วอย่าทำแบบนี้อีกเลย... ต่างคนต่างอยู่” ผมหันหน้าหนีไปอีกทาง...
จริงๆมันก็มากพอแล้วที่ผมยอมฟังเขา... ยอมพูด... ยอมตอบคำถามเขาขนาดนี้... ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ คนที่ผมพูดด้วยมากที่สุดก็คืออาจารย์ประจำชั้น... เพราะเธอชอบเรียกผมไปช่วยงาน... ด้วยความที่ผมเป็นคนหัวไว เรียนดี และไม่เคยเกี่ยงงานที่อาจารย์มอบหมายให้ไปทำเลย... แต่มันก็แค่บางเวลาเท่านั้น...
แต่กับคนๆนี้ ผมว่าผมยอมเค้ามากไปแล้วล่ะ... เห็นทีคงจะต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม... ผมจะให้เขาเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผมไม่ได้...
ถ้าเขาทำแบบนี้ต่อไปทุกวัน... ผมจะชินกับมัน และเขาจะกลายเป็นข้อยกเว้นสำหรับผม...
ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องดีเลย... ไม่ใช่ว่าผมดูคนไม่เป็น... เพราะผมดูคนออก ว่าใครมาดีหรือมาร้าย... ผมรู้ว่าเขาไม่ได้คิดร้ายอะไรกับผม... ผมเลยปล่อยให้เขาเข้ามายุ่งกับชีวิตผมทีละนิด... เพราะคิดว่าไม่เป็นไร... แต่ดูเหมือนมันจะค่อยๆมากขึ้น...
จนมันเริ่มจะมากเกินไปด้วยซ้ำ...
นั่นมันไม่ดีเลย... ทั้งกับตัวผมเอง... ทั้งกับภาระหน้าที่ๆผมทำ... และกับตัวเขาเอง
“ขอโทษนะ...” เขาเอ่ยเรียกผมให้หลุดจากความคิดของตัวเอง... มาร์คขยับยื่นหน้าเข้ามาใกล้เล็กน้อย... ผมเหลือบตาไปมองเขาและก่อนที่จะได้เอ่ยไล่อะไรอีกรอบ... เขาก็หอมเข้าที่แก้มผมไปแล้ว
“นี่!!!” ผมลุกขึ้นกระชากคอเสื้อเขาแล้วถลึงตาใส่อย่างเอาเรื่อง... ผู้ชายคนนี้มันบ้าจริงๆนั่นแหละ... อยู่ดีๆก็มาหอมแก้มคนอื่นเค้าเฉยเลย รู้จักกันก็เพิ่งรู้จัก สนิทหรือก็ไม่... ไอ้!
“ขอโทษนะ...” เขาเอ่ยออกมาอย่างหน้าตาเฉย... เป็นคำขอโทษอีกครั้ง
“แต่พี่เลิกยุ่งกับนายไม่ได้หรอก...” ผมขมวดคิ้วเป็นปมแน่น แต่เขากลับยกมือขึ้นมาจับมือผมที่กำปกคอเสื้อเค้าอยู่ตอนนี้
“ก็คนมันชอบไปแล้ว”
#ฟิคสั้นมาร์คแบม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น