วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

ฟิคกระเรียน: ตอนที่ 13

ฟิคกระเรียน = เกรียนฟิค

#ฟิคกระเรียน


-13-
MAY BE



          จึก จึก


          ผมเอานิ้วชี้เรียวยาวของตัวเองสะกิดแขนพี่มัน เอาดีๆกูกำลังเขี่ยแขนมันอยู่.. แม่งไม่สนใจกูเลยเถอะ กูต้องเรียกร้องความสนใจด้วยวิธีไหน ลองบอกกูมาดิ๊!


          “พี่มาร์คคคค” ผมเอาหน้าตัวเองแนบลงกับโต๊ะแล้วมองหน้าพี่มัน มันเหล่มองนิดหน่อยแล้วหันหน้าหนี... ฮ่วย! กูอุตส่าห์จะทำตาวิ้งๆส่งไปให้ เสือกไม่มองซะงั้น กูลงทุนเอาหน้าแนบโต๊ะที่ไม่รู้ว่ามีใครเอาน้ำลายหรือขี้มูกมาป้ายไว้รึเปล่าเพื่อมึงเลยนะเว้ย!!!


          ผมเลิกเอาหน้าแนบโต๊ะแล้วเอามือไปจับหน้าพี่แม่งให้หันมาตรงๆ ก่อนจะเบะปาก อมลมใส่ พี่มันนิ่งไปพักนึงก่อนจะจับมือผมออก... แล้วทำท่าจะลุกขึ้นยืน ผมเลยรั้งมันไว้ก่อนด้วยการล็อคที่แขนมันแล้วทิ้งน้ำหนักตัวตามแรงโน้มถ่วงของโลก


          “จะไปไหนอ่ะ... ไปด้วย” ผมใช้น้ำเสียงอ้อนๆเข้าใส่ สรุปกูต้องง้อแบบเปลืองตัวไปอีนานแค่ไหน ห๊ะ!!! ตอบ!!!


          “........”  ขอบคุณสำหรับเสียงปิดประตูเซเว่น


          จย้าาาาาา... นอกจากไม่ตอบกูยังค้อนกูอีก


          “พี่มาร์คหิวมั้ย ไปกินข้าวกัน” ผมทำท่าลุกแล้วดึงแขนมันให้ลุกตามแต่มันก็นั่งนิ่งเป็นหินเลย... 


          โอ้ยยยยยยยย กูจะทำไงกะมึงดีวะ บอกกูหน่อยเหอะ ตามใจไม่ถูกแล้วเนี่ย!


          “พี่โกรธผมเหรอ? โกรธผมเรื่องไร? ผมยังไม่ได้ทำไรให้พี่เลยนะ” มันมองผมหน้านิ่งแล้วกัดฟันกรามแน่น เชี่ยยยย เป็นสันกรามเลยมึง อย่าทำไรเค้านะเค้ากลัวแล้ว...


          “ชอบแบบนั้นเหรอ?” เย้ดดดด แม่งยอมพูดกะกูแล้ว!


          “หมายถึงชอบอะไร? แล้วแบบนั้นคือแบบไหน?” ผมนั่งลงข้างมันตามเดิมแต่มือก็ยังไม่เลิกล็อคแขนมันไว้นะ กลัวแม่งลุกหนี...


          “ไม่รู้จริงหรอที่ถามกลับมาแบบนี้น่ะ?” อู่ยยยยย ผมหนี เหยินขึนเหรยย~ *สำเนียงพี่เนียร์ของแบมแบม*


          จย้าาาาา กูไม่เล่นแล้วก็ได้... คราวนี้กูเอาจริงบ้างแล้วนะ หึ!


          “โอเค... ถ้าพี่หมายถึงพี่บีไอ ผมก็จะบอกพี่ไว้ตรงนี้เลยนะว่า... ถ้าการที่ผมอ้อนใครแปลว่าผมชอบคนนั้น... ป่านนี้ผมเป็นแฟนไอ้ยูคไปนานแล้ว”


          นี่ไม่ได้โม้นะว่าผมเคยอ้อนมันด้วยแหละ.. ตอนเด็กๆไง ผมอ้อนมันบ่อยตอนขอให้มันทำอะไรให้ แบบเด็กๆกะโหลกกะลา ยังไม่ประสีประสา ยังอ่อนต่อโลก... ตอนนั้นมันก็สูงกว่าผมแบบนี้แหละ มันตัวใหญ่กว่า ปกป้อง ดูแลผมได้ตลอดเลย


          แต่พอโตแล้ว เริ่มรู้เรื่องรู้ความกันแล้ว ก็อย่างที่เห็น.. ภาษาพ่อขุนมาเต็ม สาดคำหยาบใส่กันแทนการอ้อน... มือถึงตีนถึงกันไม่เว้นแต่ละวัน... นานๆทีถึงจะงัดเอามุกอ้อนมาใช้... พองัดมาทีนึงนะ... ต่อให้ปากมันจะด่าผมให้ตายยังไง สุดท้ายมันก็ยอมผมอยู่ดี...


          เอ้า! ก็มันชื่อ ยูคยอม มันก็ต้องยอมดิ


          ไม่งั้นจะมีแท็ก #ยูคยอมแบมคนเดียว ไปทำไมกัน?


          “แล้วทำไมต้องอ้อนด้วย”


          “ผมก็อ้อนมาตั้งหลายคนแล้ว... กับพี่ผมเคยอ้อนนะ” กูเตือนความจำมึงอยู่นะอีพี่มาร์ค! ได้ข่าวว่ากูอ้อนมึงเยอะที่สุดในสามโลกและ... กับพี่คุณกูยังไม่อ้อนเท่านี้เลย พูดถึงพี่คุณแล้วหิว... ตอนนี้น้ำย่อยกูจะเริ่มทำงานอีกแล้วสินะ


          “ก็แล้วจำเป็นมั้ยต้องไปอ้อนคนอื่น” เอ้า! อีเควี่ยย งั้นกูจำเป็นมั้ยที่ต้องมาอ้อนมึงอยู่ตอนนี้เนี่ย!


          “พี่มาร์ค.. ตอนนี้พี่โคตรจะทำให้ผมสับสนอ่ะ นี่ตกลงพี่จีบผม หรือว่าผมจีบพี่อยู่เนี่ย? ผมเหมือนแบบ ทำไรก็ผิดอ่ะ... ถ้าผมมันผิดมากกับไอ้เรื่องที่ไปอ้อนชาวบ้านเค้าเนี่ย... พี่โกรธผมมาก พี่รับไม่ได้ พี่ก็เลิกยุ่งกับผมไปเลย!”


          อินเนอร์จัดว่าเต็ม... แต่ในใจแล้ว.. คือ... อยากจะตีปากตัวเองให้มันรู้แล้วรู้รอดไป...


          ไอ่แบ๊มมมมม มึงพูดอะไรออกไป มึงจำได้มั้ยคราวก่อนไปใส่อารมณ์กับอีพี่มันในผับ แล้วเป็นไง เข้าโหมดดาร์กใส่กูเลย แล้วตอนนี้ล่ะ ผมนี่ร้องไห้ทันมั้ย?


          “.........” เงียบกริบ




          ความเงียบมันบอกอะไรได้หลายอย่างนะเว้ย...




          เงียบนานๆกูก็คิดนะ... ว่าบางทีมึงอาจจะทำแบบที่กูบอกจริงๆ...





          ผมเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหวิว


          “ผมหิวแล้ว ถ้าพี่โกรธผมต่อก็นั่งไป.. แต่ถ้าไม่... ก็ไปกินข้าวกัน” ผมมองมันอีกครั้งก่อนจะลุกขึ้นยืนอย่างเก้ๆกังๆ ในใจมันก็โหวงเหวงชอบกล... เมื่อเห็นว่ามันยังคงนิ่ง... ผมเลยตัดสินใจก้าวออกมา..


          หมับ


          ผมหันไปมองมือที่จับแขนตัวเองอยู่ตอนนี้ก็รู้สึกโล่งอย่างประหลาด... ไอ้เหรี้ยย กูจะร้อง.. เดินออกมาตั้งสี่ห้าก้าวแล้ว... คิดว่ามึงจะไม่ตามมาจริงๆ ผมไล่สายตาขึ้นไปจนเห็นหน้ามัน.. มันยิ้มให้ผมด้วย


          “หิวเหมือนกัน” มันยิ้มกว้างขึ้น ผมเลยอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม ไอ่ห่าเอ้ย! ทำกูขวัญเสียหมด อยากจะบอกว่าเวลามึงยิ้มแล้วหล่อมาก


          “ไม่ต้องมายิ้ม” มันบอกหน้าตึง.. แม่งขัดอารมณ์กูฟินความหล่อของมึงมากอ่ะ... หมดกัน! กูนี่หุบยิ้มแทบไม่ทันเลยครัช


          “ตกลงยังไงเนี่ย? หายโกรธหรือไม่หาย?” ผมยู่ปากใส่แม่ง มึงจะเอายังไงกับกู.. อารมณ์แปรปรวนมากถึงมากที่สุด... พี่มันยักไหล่ ก่อนจะเลื่อนมือที่จับแขนผมอยู่ลงไปจับที่มือผมแทน


          “ไหนๆก็เปิดตัวคู่แข่งมาอีกหนึ่งแล้ว ต่อไปก็รับมือให้ดีแล้วกัน” ผมขมวดคิ้วเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่มันพูด


          “รับมือ? รับมือเรื่อง?” พี่มาร์คยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆก่อนจะพูดเบาๆ


          “จะรุกให้หนักเลย” ผมเบิกตาโพลงเมื่อมันพูดจบ อื้อหืออออ บอกกูอย่างงี้แล้วจะให้กูพูดอะไรได้... มึงจะให้กูยิ้มรับด้วยความภาคภูมิใจมั้ยล่ะ? 


          คือพูดก็พูดเถอะ.. ไอ้คำว่า ‘รุกให้หนัก’ ของมึงอ่ะ กูสงสัยมากเลย ตั้งแต่เจอกันมาเนี่ย... มึงไม่ได้รุกกูหนักอยู่แล้วหรอวะ? หรือนั่นแค่เบาๆ หืมมม?


          บางทีกูก็แอบกลัวมึงนะ... กูเดาทางมึงไม่ออกสักอย่าง ตกลงมึงเป็นคนยังไงกันแน่วะ? คนดี? เจนเทิลแมน? หรือแค่คนแก่หื่นๆ? -*-


          “คิดว่าทำได้ก็ลองดู” ผมแสยะยิ้มใส่มัน แบบมั่นหน้ามากอ่ะ.. มึงจะมาไม้ไหนอีกกูไม่รู้... แต่บอกไว้ก่อน... กูไม่ใช่ขี้ๆหรอกนะ เดี๋ยวรู้เลยว่าใครจะต้องเตรียมรับมือใครกันแน่! พี่กันต์จะจัดหนักให้!


          ส่วนมันน่ะหรอ... หัวเราะหึหึใส่กูจย้าาา อีหอยย มึงหยามกูมาก ได้... กูจะจัดหนักให้เลย


          ครืดดด


          แต่เดี๋ยวก่อนจะจัดอะไร.. จัดอาหารไปให้น้ำย่อยกูสักหน่อยเถอะ อีเควี่ยย ท้องเสือกมาร้องเอาตอนนี้ ร้องดังด้วยมึง อายพี่แม่งมั้ยล่ะ พอได้ยินเสียงท้องกูร้องก็หัวเราะหนักเข้าไปอีก.. ตลกมากมั้ยพ่อคุณ? กูไม่ได้เป็นญาติกับโก๊ะตี๋นะ แล้วกูก็ไม่ได้อยู่แก๊งสามช่าด้วย... แค่ท้องร้องเพราะน้ำย่อยกูทำงานได้ดี(เกินไป) นี่ก็หัวเราะอย่างกับจะเอาแชมป์


          “หัวเราะสะใจแบบนี้ เลี้ยงข้าวเลยด้วย” ผมค้อนใส่มันไปหนึ่งดอก เชี่ยยย กูหิวด้วย อายด้วย อยากแดกของฟรีด้วย


          “ไปสิ จะเลี้ยงให้อ้วนเลย แบบนี้ผอมไป เว...” ผมหันไปเลิกคิ้วใส่มัน เพราะมันเหมือนจะพูดอะไรต่อ แต่ก็ไม่พูดออกมา


          “ผอมไปแล้วทำไม?” พี่มันไม่ตอบ ส่ายหน้าให้แล้วออกแรงฉุดให้ผมเดิน แต่ผมยื้อไว้ก่อน มึงยังพูดไม่จบอ่ะ กูอยากรู้! “เมื่อกี้พี่จะพูดอะไรต่อ?”


          “หิวไม่ใช่หรอ? ไปกินข้าวเร็ว” มันยิ้มให้แล้วลากผมเดิน แต่ผมก็ตีแขนพี่มันไปทีนึง


          “พี่มาร์ค!!! นิสัยไม่ดีว่ะ เมื่อกี้จะพูดอะไรก็พูดต่อให้จบดิ.. มาค้างไว้ให้คนอื่นเค้าอยากรู้ทำไม? ถ้าพี่คิดจะไม่พูด ทีหลังก็ไม่ต้องหลุดปากอะไรออกมาเลยนะ รู้มั้ยว่าคนที่เค้าได้ยินเค้าอยากรู้แค่ไหน? พูดไม่เคลียร์แบบนี้มันใช้ได้หรอ!?..”


          “...เบา”


          “ผมจะ.. เดี๋ยว! เมื่อกี้พี่พูดอะไรนะ ผมไม่ทันได้ฟัง” ก็มัวแต่บ่นพี่มันเลยไม่ได้ยินที่มันพูดเมื่อกี้เลย... แล้วแม่งเสือกมาพูดอะไรตอนกูกำลังร่ายยาวล่ะวะ? สัส ได้ยินแต่คำหลังอ่ะ อะไรเบาๆ หมายถึงให้กูพูดเบาๆหรอ?


          มันหัวเราะแล้วยิ้มแปลกๆ ก่อนจะเปลี่ยนจากจับมือผมมาเป็นโอบไหล่แทน


          “เมื่อกี้พี่พูดว่า...” มันเลื่อนหน้าเข้ามาใกล้หูแล้วพูดเบาๆ “เวลายกแล้วมันเบา


          ผมนี่อึ้งไปเลยครับ...


          ไอ้เหรี้ยยย ยกอะไรของมึง!!!! พูดจาสองแง่สามง่ามแบบนี้ ใครไม่คิดกูคิดนะเว้ย!


          “ทะลึ่งนะพี่มาร์ค ยกเยิกอะไร!!” ผมแกะมือมันออกจากไหล่แล้วทุบมันไปหลายที ไอ้เชี่ยยย




          “เวลายกแล้วมันเบา”


          ไอ้สัสเอ้ยยยย ประโยคนี้ของมึงแม่งทำกูหน้าร้อนผ่าว


          “เขินอะไร ก็พูดเรื่องจริง” มันยกมือขึ้นมารับกำปั้นผมไว้ทั้งสองข้างก่อนจะล็อคมือผมไว้เลย


          “ก็พี่อ่ะ ทะลึ่งว่ะ!”


          “ทะลึ่งอะไร? ก็คนผอมมันก็ต้องเบาอยู่แล้วเป็นเรื่องธรรมดา”


          “ไม่ใช่ดิ!! แล้วมาย้งมายกอะไร!”


          “ก็เวลา... ‘ยก’...” มันเน้นเสียงคำว่ายกแล้วยิ้มมุมปาก “ขึ้นเอว..


          “ไอ้พี่มาร์ค!!!!”


          ไอ้เหี้ยยย ยกขึ้นเอวพ่องงงงง


          “โวยวายอะไร? ยกขึ้นเอวก็อุ้มไง หรือจะยกขึ้นหลังก็ขี่หลังไง” มันบอกด้วยสีหน้านิ่งๆ ราวกับคำว่ายกคำนี้ใช้กับคนมานานแล้วเป็นเรื่องปกติ... แต่ด้วยสายตามึง กูไม่คิดว่าไอ้สิ่งที่มึงพูดกับสิ่งที่มึงคิดจะเป็นเรื่องเดียวกัน


          ผมนี่หมดคำพูดเลยครับ...


          ไอ้เชี่ยยย มึงเริ่มแล้วใช่มั้ย? อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ...ไอ้สัส  อุ้ม เค้าใช้คำว่า ยกขึ้นเอว ได้ที่ไหน? มึงจะอุ้มมึงก็ใช้อุ้มเลย อิสัส อย่ามาตลก! ยกขึ้นเอวแม่งไม่ใช่อ่ะมึง มันไม่ใช่!!! กูรู้มึงคิด เพราะกูก็คิด!!


          “ไอ้พี่มาร์คบ้า!!!!!” โอ้ยยยย กูอยากด่า กูอยากด่า หน้ากูร้อนมากกกกก หน้ากูชามากกกก ฮือออออ พี่คุณ ไอ้พี่มาร์คมันแกล้งผมอ่ะ จัดการให้เลย โอ้ยยย กูคลั่ง! กูเขินด้วยเอาดีๆ แต่กูทำอะไรไม่ได้!! เป็นคนอื่นพูดแบบนี้กับกู.. กูด่าเช็ดเม็ดไปแล้ว กูจะบอกมึงตรงนี้อีกรอบนะ


          กูไม่ได้โง่!!!!





          ไอ้ ‘ยก’ คำนี้อ่ะ มันใช้แค่ตอนทำเรื่องอย่างว่าเท่านั้นแหละมึง!


          “นี่โมโหหรือเขิน?” มันอมยิ้มก่อนจะยักคิ้วให้


          เขินดิ!!” อุ้ปส์ เชี่ยยย หลุดปากกกก ฮือออ อีเชี่ยพี่แม่งง กูจะเอาคืนมึงแน่บอกไว้เลย บอกตรงนี้อีกรอบ กูจะต้องเอาคืนมึงให้ได้ ฮือออออ กูยอมรับว่ากูเขิน โอเค รอบนี้กูแพ้...


          ผมเลยเบะปากใส่มันไปทีนึงแก้เขิน เชี่ยยยย กูต้องแก้เขินด้วยการกินหรือระบายอารมณ์ลงสิ่งของใดๆสักอย่างนึงอ่ะ อย่างตอนที่อยู่ผับกูแก้เขินด้วยการเตะล้อรถเชี่ยยูคมัน แต่ตอนนี้กูจะทุบพี่มันเป็นการแก้เขินก็ไม่ได้เพราะพี่มันจับมือกูอยู่สองข้างเลย เดี๋ยวกูก็ตีเข้าใส่แม่งเลยดีมั้ยเนี่ย!!!!


          “ไม่แกล้งแล้วก็ได้... หิวไม่ใช่หรอ?” ผมไม่ตอบแต่อมลมเข้าแก้มอีก มันเลยปล่อยมือผมแล้วกลับมาโอบไหล่ตามเดิม “อยากกินอะไร?” มันถามก่อนจะพาเดิน ผมก็ยังเคืองๆมันอยู่เลยพยายามแกะมือมันออกจากไหล่ตัวเอง แต่แม่งก็ไม่ยอมให้ทำได้ ผมเลยปล่อยแม่ง อยากทำไรก็ทำไป


          “ชาบู” ผมพูดง๊องแง๊งกับพี่มันระหว่างที่เดิน... คือก็เขินอยู่ไง แต่ในหัวนี่กูคิดเมนูอาหารไว้แล้ว พี่มันหัวเราะในลำคอ


          “อย่ากินเยอะนะ” ผมหันไปค้อนมันทันที อ้าวเชี่ยย ตกลงมึงยังไงเนี่ย? ไหนบอกกูผอมไป จะขุนให้กูอ้วนเลยไม่ใช่หรอ? แล้วนี่อะไรอีก?


          “ทำไม? เมื่อกี้พี่ยังบอกว่าผมผอมไป ยกแล้วเบาไม่ใช่?”


          “นี่คือยอมให้ ‘ยก’ แล้วใช่มั้ย?” มันยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ผม


          ผมเลยรู้ตัวเองอีกแล้ว... ว่า กูพลาดแล้ว 


          ไอ้เชี่ยยย มึงก็รุกกูเร็วเกิ๊นน รุกกูหนักด้วย กูยังไม่ทันตั้งรับเท่าไหร่เลย กูยอมมึงก็ได้รอบนี้ ถือว่ากูแพ้บาย ขอกินก่อน เดี๋ยวท้องอิ่ม สมองกูก็จะแล่น แล้วกูจะเอาคืนมึงแน่ สาบานต่อหน้าเจ้าพ่อปิกาจูยู้ฮู


          “เดี๋ยวจะกินให้ยกไม่ขึ้นเลยคอยดู” ผมวาดมือตัวเองไปโอบเอวพี่มัน 


          “พาไปกินติมต่อด้วย” มันหัวเราะอีกแล้ว 


          เห้ยยยย มึงเป็นอะไรมากป้ะ หัวเราะบ่อยไปแล้ว ยิ้มบ่อยขึ้นด้วย... มันก็ดีนะ แต่กูก็อดแปลกใจไม่ได้ หรือมึงจะมาไม้ไหนกับกูอีก... เชี่ยยย... ขอกูพักบ้าง TT’ พี่กันต์เหนื่อยกับการรับมือพี่ต้วนมากบอกเลย... 


          กูเหนื่อยกว่าตอนอ่านหนังสือสอบไฟนอลอีก แถมยังมีเรื่องให้ตกใจยิ่งซะกว่าตอนเกรดออกอีก -*-






          แล้วพี่มันก็พาผมไปหาไรกิน... แหงล่ะ ก็ต้องชาบูอยู่แล้ว หิหิ พอมาถึงก็สั่งอาหารทันทีทันใด เร็วยิ่งกว่าแคชเชียร์คิดตังค์ในเซเว่นอีก พอสั่งเสร็จเชี่ยยูคแม่งก็โทรมาเลยจ้ะ ดีเนอะ ดีออกกกกก...


          (เชี่ยแบม กลับหอยัง? กูยืมอ่านนารูโตะมึงหน่อยดิ เดี๋ยวกูเข้าไปเอา) ไอ้เชี่ยยยูค ไอ้เพื่อนเลวว ไม่เคยคิดจะซื้อเองอ่ะ อาจารย์มาซาชิ คิชิโมโตะ เค้าอุตส่าห์เขียนจนจบไปแล้ว700ตอน มึงก็อุดหนุนเค้าหน่อยไม่ได้ไง๊ นี่มันของสะสมเลอค่ามากเลยนะเว้ยย!! เชี่ยย ทุกวันนี้กูก็รอให้วันพีชถึงจุดๆนี้บ้างอะไรบ้าง... ทุกตอนกูสงสารทุกคนนอกจากลูฟี่ -*- แม่งง ภาระหนักเหี้ยๆมีกัปตันแบบนี้ แต่ถ้ากูเป็นลูกเรือ กัปตันแบบนี้แหละที่กูอยากได้ J


          “เดี๋ยวพรุ่งนี้กูเอาไปให้ที่ม.แล้วกันมึง ตอนนี้กูไม่ได้อยู่หอ”


          (แล้วมึงอยู่ไหน? เคลียร์รู้เรื่องแล้วยัง ทีมมาร์คแบม ทีมบีไอแบม ของมึงอ่ะ)


          “ทีมเทิมไรของมึงกูไม่สน... ตอนนี้กูอยู่ทีมชาบูแบม” ผมแลบลิ้นใส่พี่มาร์คไปทีนึง พี่มันมองผมนิดหน่อยก่อนจะสั่งเนื้อมาเพิ่ม


          (แดกชาบูไม่ชวนกูหรอ? คราวก่อนมึงก็หนีไปแดกข้าวหน้าปลาไหลคนเดียว ชวนกูสักคำก็ไม่มี)


          “ใครจะไปรู้ว่ามึงว่างหรือไม่ว่างอ่ะ... อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะมึง.. ชิชะ แอบไปหลีสาวบัญชี”


          (หลีเหี้ ยไร นั่นญาติกู เพิ่งโอนหน่วยกิตมาเว้ย!)


          “อ้าวเชี่ย! ญาติมึงสวยป้ะ? แล้วทำไมมึงไม่บอกกูสักคำ?”


          (บอกเพื่อ? นั่นญาติกูป้ะไม่ใช่ญาติมึง)


          “สัสยูค!” ผมด่ามันด้วยเสียงที่เบาที่สุด เพราะอีเชี่ยพี่มาร์คแม่งเริ่มหน้าตึงใส่กูอีกแล้ว กูทำอะไรผิดอีกวะเนี่ย? กูคุยโทรศัพท์เสียงดังไปหรือยังไง?


          (สั่งเผื่อกูด้วย) แล้วแม่งก็ตัดสายทิ้งไปเลย ไอ้สัสยูค ไอ้เพื่อนเลว กูยังไม่ได้บอกมึงสักคำว่ากูจะให้มึงมากินด้วย..


          “ยูคยอมจะมาด้วยใช่มั้ย?” ผมเลิกคิ้วใส่พี่มัน.. นี่กูคุยโทรศัพท์กับเชี่ยยูคเสียงดังจนพี่มันรู้เลยหรอวะ? 


          “เปลี่ยนไปนั่งโต๊ะตรงนู้นกัน” พี่มาร์คเอ่ยก่อนจะชี้ไปทางโต๊ะอีกฝั่งของร้านที่ใหญ่กว่าโต๊ะที่พวกเรานั่งกันอยู่ตอนนี้สองเท่า... ก็แหงล่ะโต๊ะที่กูนั่งอยู่มันนั่งได้4คน แต่โต๊ะนู้นมันโต๊ะยาว พี่มันเรียกพนักงานมาจัดการทันที


          “นั่งนี่ก็ได้มั้งพี่มาร์ค ไอ้ยูคแค่คนเดียวเอง” พี่มันส่ายหน้า


          เจบี จูเนียร์ ยองแจ แจ็คสัน ไลน์มาบอกว่ากำลังมา ถ้ายูคยอมมาด้วย ตอนนี้ก็รวมเป็น7คน” ผมนี่อ้าปากค้างเลยครัช... ไอ้เชี่ยยย แค่สัสยูคคนเดียวกูก็กุมขมับแล้ว นี่มีหน่วยกลองแต๊กมาเพิ่มอีก... จย้าาา เอาที่พวกมึงสบายใจกันเลยจย้าาา


          ผมเลยต้องยอมจำนน ทำอะไรไม่ได้ และดูเหมือนพี่มาร์คแม่งก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน... ก็ใครใช้ให้มึงเช็คอินล่ะวะอีพี่หัวแด๊งงงงง เป็นไงล่ะ!


          พอทุกอย่างเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยดีแล้ว ผมก็ลงมือกินทันที นี่ไม่ได้หิวเท่าไหร่หรอกนะ ไม่หิวเล้ยยย จริงจริ๊งงงง พี่มาร์คแม่งก็โคตรดีอ่ะ บริการกูทุกอย่าง คีบเนื้อให้กูหมด ตัวเองได้แดกสักชิ้นยังเถอะ.. เดี๋ยวจะหาว่าผมใจร้าย ทรมานคนแก่... ผมเลยคีบเนื้อในจานตัวเองแล้วไปจ่อหน้ามัน มันยิ้มให้แล้วอ้าปากรับอย่างว่าง่าย ปากมึงก็เคี้ยวตุ้ยๆ แต่สายตาที่มึงมองมาที่กูนี่มันแปลกๆพิกล


          นี่กูเริ่มจะแยกไม่ออกและนะ ว่ามึงอยากกินเนื้อหรืออยากกินกูกันแน่? เฟดเฟ่


          “มองอะไรพี่มาร์ค...” ผมเลิกคิ้วขึ้นกวนๆ


           “หิว” มันตอบ


          “หิวก็กินสิ พี่ไม่ต้องตักให้ผมหรอก”


          “ก็บอกแล้วไงว่าผอมไป..” แล้วมันก็ยิ้มกรุ้มกริ่มมาให้...


          สัส นี่มึงยังไม่จบเนอะ อ๊ากกกกกก แม่งเป็นอย่างที่กูคิดจริงๆด้วย!


          กูบอกแล้วไง.. ว่าพี่แม่งมองเหมือนอยากกินกูมากกว่าเนื้อย่างในจานอีก -*- พ่องงงงส์


          “พี่มาร์ค! ยังไม่จบอีกนะ...”


          พี่มาร์ค! สวัสดีครับ” ผมยังพูดไม่ทันจบประโยคดีก็มีใครคนนึงเดินเข้ามาโค้งให้อีพี่มาร์คด้วยท่าทางดีใจ พอผมมองดีๆ... อ้าว นี่มันเพื่อนในเอกนี่หว่า... ชื่อห่าไรนะ... กูจำไม่ได้ว่ะ =*= พี่มาร์คมันก็มองอย่างงงๆ แต่ก็ยิ้มตอบกลับไป


          “พี่มาร์คมาทานข้าวหรอครับ” พ่องงง นั่งอยู่ร้านแบบนี้มาซื้ออะไหล่รถยนต์มั้ง สาสส ก็เห็นอยู่ว่านั่งแดกอยู่เนี่ย!


           “ครับ” พี่มันตอบแล้วยิ้มๆ ในใจแม่งคงจะคิดเหมือนกูนี่แหละ ถามห่าไรไม่ได้เมคเซนส์เล้ยยย แล้วมันคนนั้นก็หันมามองหน้าผมที่นั่งอยู่ตรงข้ามพี่มาร์คมัน


          “อ้าวแบมแบม! โทษทีพอดีเพิ่งเห็น” มันทักผมด้วยความตกใจ 


          อีเชี่ย! ช้าไปมั้ยที่มึงจะตกใจ กูนั่งอยู่ตรงนี้นานมากแล้วเถอะ แล้วมึงรู้จักชื่อกูด้วยหรอ? ทำไมกูจำชื่อมึงไม่ได้วะ ผมหัวเราะหึหึใส่มัน... แบบกูว่ามันเสียมารยาทนะ มีอย่างที่ไหนกูนั่งหัวโด่อยู่นี่ แต่เพิ่งมาเห็นกู.. อีสลิดดกเอ้ย


          “มาด้วยกันกับพี่มาร์คหรอ?” ดูแต่ละคำถามที่มันถามนะ...


          อีเชี่ยย ต่อไปนี้กูขอเรียกมึงว่านอนเซนส์ ไหนๆกูก็จำชื่อมึงไม่ได้และ -*- ไอ้ห่า ก็นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันขนาดนี้ นั่งตรงข้ามกันขนาดนี้ แถมนั่งกันอยู่สองคนขนาดนี้ ให้กูมากับพ่อกูมั้ง?


          “อืม มาด้วยกัน” ผมจำใจต้องตอบไปเพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาท.. นี่เป็นคนอื่นกูคงชวนนั่งกินด้วยกันแล้วอ่ะ แต่มึงนี่ กูไม่ไหวนะ... ถามคำถามได้เหี้ยมาก


          อยากมอบแท็กให้มึงจัง


         #มึงนี่เองที่ทำให้ประเทศไทยยังไม่เป็นเมืองหนังสือโลก


          “ทำไมถึงมาด้วยกันล่ะ?” 


          เอ้า อีเชี่ย! นี่กูจำเป็นต้องตอบคำถามนี้ของมึงมั้ย? แล้วคือ... มึงจำเป็นต้องรู้หรอ? กูจะมาด้วยกันหรือไม่ได้มาด้วยกันมันใช่เรื่องที่มึงต้องเสือกมั้ยล่ะ?


          ขอมอบให้มึงอีกแท็กแล้วกัน


          #ไม่เกี่ยวอย่าเสือก


          “ก็แล้วมาด้วยกันไม่ได้หรอ?” ผมเลิกคิ้วถามมัน มือวางตะเกียบเตรียมตบ เดี๋ยวๆ มันไม่ใช่และ.. คือมึงจะถามอะไรอีก กูจะตอกกลับให้หมดเลยทีนี้.. กูว่ามึงจะอยู่ตรงนี้นานเกินไปแล้วนะ.. รู้มั้ยว่ารบกวนเวลากินของกูมากเลยอ่ะ แล้วคำถามเหี้ยๆนี่อยากจะถามมึงกลับเหลือเกิน.. เอาเหี้ยอะไรคิด?


          มันนี่สตั๊นไปเลย... เอาสิมึง ถามมาอีก ถามมาเลย... ผมตั้งท่าเตรียมตอบคำถามมันเต็มที่อ่ะ แต่โชคดีไปที่พวกพี่เจบีกับไอ้ยูคเข้ามาขัดเสียก่อน มันเลยหันไปบอกพี่มาร์คว่าขอตัวก่อนแล้วเดินหายไปเลย..


          ดีนะที่มึงรีบไปก่อน ถ้ามึงเจอไอ้พวกที่มาใหม่นี่ครบแก็งค์ บอกเลย! คำถามของมึงจะเป็นคำถามที่มึงต้องจำฝังใจไปตลอดชีวิตว่าไม่ควรถามคำถามแบบนี้กับใครอีก... กูว่ากูนี่ยังเบาะๆนะ ไม่ต้องเอาใครที่ไหนหรอก ใกล้ๆตัวกูนี่แหละ เชี่ยยูคไง... แค่มึงเจอเชี่ยยูคคนเดียวมึงก็จอดแล้ว.. ของอย่างงี้มึงต้องลอง


          แต่กูจะปล่อยมึงไปนะ เพราะตอนนี้เรื่องอื่นสำคัญกว่า เชี่ยยูคแม่งมาถึงก็แย่งกูกินเลยอ่ะ!! ไอ้แสส เพื่อนเลว! ขอตัวไปไฝว้กับแม่งก่อนนะ




.
.
.



#ฟิคกระเรียน




3 ความคิดเห็น:

  1. ฮอตกันจริง
    ฮ่าๆๆ

    ตอบลบ
  2. อิพี่มาร์ค แกหื่นมากกกกกกกกกก ใจเย็ดๆได้ป้ะล่ะ แบมน้อยมันตัวจะแตกแล้ว 55555555555

    ตอบลบ
  3. “จะรุกให้หนักเลย” 😳😳
    ตายๆอินี่คือเขินมาก ยิ้มจนแก้มปริ ฟินาเล่~

    ตอบลบ