วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

Black Riddle 2


ก่อนที่จะรู้จักคนอื่น... ควรที่จะรู้จักตัวเองให้ดีเสียก่อน




          ขายาวก้าวมายังหน้าห้องพักครูก่อนจะล้วงกุญแจล็อคเกอร์ที่อาจารย์ให้ไว้ก่อนไปขึ้นมาไข... จัดแจงวางกระดาษคำตอบลงไปในล็อคเกอร์ก่อนจะปิดมันไว้ดังเดิม...


          “เดี๋ยวก่อน...” ผมชะงักมือข้างที่เสียบลูกกุญแจอยู่ที่ล็อคเกอร์ “นี่อีกแผ่นนึง” ว่าพลางหอบหายใจถี่ๆอยู่ด้านหลังผม... ไม่ต้องหันกลับไปมองผมก็รู้ว่าใคร... คุณหัวหน้าห้องม.5/1


          “ผมบอกแล้วว่าไม่รับ” ผมบิดลูกกุญแจล็อคทันทีที่พูดจบก่อนจะชักออกแล้วหมุนตัวหันมาเผชิญหน้ากับมาร์คตรงๆ เขาหน้าเสียไปหลังจากที่เห็นผมทำแบบนั้น


          “พี่ขอได้มั้ย... ไม่อยากให้มีเรื่องกันเลย” ผมหันหน้าไปอีกทาง... ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มนี่... เมื่อเห็นว่าผมไม่ตอบอะไร เขาก็เงียบไป... กระทั่งหางตาผมเหลือบไปเห็นว่าเขากำลังถืออะไรบางอย่างในมือ ก่อนจะยื่นมันมาที่หน้าผม ผมเอี้ยวหน้าหลบตามสัญชาติญาณก่อนจะจับข้อมือเขาไว้อย่างรวดเร็ว


          “จะทำอะไร?!” ผมถามเสียงแข็ง จ้องเขาอย่างกำลังจับผิด


          “พี่แค่จะเช็ดให้...” เขาตอบแล้วขยับมือที่ถูกผมจับข้อมืออยู่เล็กน้อย ผมจึงเห็นว่าในมือเขาถืออะไร...


          ผ้าเช็ดหน้า


          “เลือดออกน่ะ” เขาพยักเพยิดมาที่ใบหน้าผมอีกครั้ง มือก็ยื้อจะมาเช็ดหน้าผมให้ได้


          “ไม่ต้อง” ผมปล่อยมือเขาแล้วยื่นมือไปหยิบกระดาษในมือเขามา ก่อนจะหันหลังไขกุญแจล็อคเกอร์อีกหน... จะได้จบเรื่องสักที อะไรกันนักหนา...


          “พอใจแล้วนะครับ” หลังจากล็อคกุญแจเสร็จผมก็เอ่ยออกมาโดยที่ไม่ได้หันหลังกลับไปมอง ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรผมก็ผละออกมาจากตรงนั้นทันที


          “ขอบใจนะ” เขาเอ่ยเบาๆราวกับเสียงกระซิบเมื่อผมเดินผ่านเขาออกมา... โฮมรูมจะมีทำไมเช้าเย็นวะ เช้าอย่างเดียวก็ประสาทจะแดก นี่ผมต้องเจอกับอะไรแบบนี้ไปสองอาทิตย์เต็มๆเลยใช่มั้ยเนี่ย?




*

*

*



          เสียงออดดังบอกเวลาพักกลางวัน ก่อนจะตามมาด้วยเสียงเซ็งแซ่ของนักเรียนที่เริ่มหนาหูขึ้นเมื่ออาจารย์เดินออกจากห้องไป... บางคนก็เก็บของเตรียมจะลงไปกินข้าว บางคนก็ยังคงนั่งคุยกันเกี่่ยวกับเมนูอาหารที่อยากจะกิน... ผ่านไปไม่นานห้องทั้งห้องก็เข้าสู่สภาวะปกติ... เงียบสักที


          ภายในห้องเรียนกว้างใหญ่เช่นนี้ ตอนนี้เหลือเพียงแค่ผมที่ยังคงนั่งอยู่กับที่ เฉกเช่นทุกวัน... ผมไม่ได้ลงไปกินข้าวเหมือนคนอื่นๆ เหตุผลมันไม่ได้เดาอะไรได้ยากเลย...


          ผมไม่ชอบคนเยอะ... เสียงดัง... และผมก็ไม่ได้อยากจะให้ใครเห็นแผลบนหน้า...เวลาที่ผมต้องถอดแมสออกมาแล้วตักข้าวเข้าปาก


          ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋านักเรียนแล้วหยิบแซนวิชที่ทำเองมาด้วยเมื่อเช้าก่อนออกมาจากที่พัก และตามด้วยน้ำเปล่าหนึ่งขวด ก่อนจะมองไปรอบๆห้องอีกครั้งด้วยความระมัดระวัง... เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แล้วจริงๆ


          ผมจึงยกมือขึ้นเกี่ยวเอาสายแมสที่คล้องหูผมอยู่ออก... เฮ้อ... ค่อยหายใจได้สะดวกหน่อย บางทีผมก็เบื่อกับการที่ต้องใช้หน้ากากอนามัยนะ... มันอึดอัด


          ก่อนจะแกะแซนวิชที่อยู่ในถุงพลาสติกใสออกมาแล้วส่งมันเข้าปาก


          เวลานี้ทุกคนคงจะกินข้าวกันอยู่แบบที่ผมทำนี่แหละ อีกสักครึ่งชั่วโมงก็คงจะทยอยกันขึ้นมาบนห้อง ซึ่งผมก็คงจะจัดการแซนวิชนี่จนหมดไปได้พักใหญ่แล้ว...


          เสียงเคาะประตูดังขึ้นที่หน้าห้องทำเอาผมตกใจจนเกือบสำลักน้ำ.. ผมจะรีบหันหน้าไปอีกทางเพื่อไม่ให้คนที่เพิ่งเข้ามามองเห็นแผลบนใบหน้าข้างซ้าย... ผมไม่ได้มองว่าใครเข้ามา ก็คงจะเป็นเพื่อนคนใดคนหนึ่งในห้องที่บังเอิญวันนี้กินข้าวเร็ว... ดีนะที่ผมจัดการแซนวิชหมดไปแล้วน่ะ... ผมปาดปากเบาๆก่อนจะหยิบแมสบนโต๊ะมาถือไว้ และก่อนที่จะได้เกี่ยวแมสไว้ที่หูอีกครั้ง คนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ก็มาหยุดอยู่ที่โต๊ะด้านขวาของผมเสียแล้ว... ผมชะงักไปเล็กน้อยเมื่อหางตาผมเหลือบไปเห็นว่าเขากำลังลากเก้าอี้จากโต๊ะตัวหน้า แล้วหมุนเก้าอี้หันมานั่งลงที่ด้านหน้าผม... ผมไม่ได้หันมองเขาตรงๆ แต่เอาแมสในมือขึ้นมาใส่ด้วยความรวดเร็ว ขยับแมสนิดหน่อยให้มั่นใจว่าทุกอย่างโอเคแล้วจึงเงยหน้าขึ้นมองผู้มาใหม่...


          คุณหัวหน้าห้องม.5


          ผมหยิบขวดน้ำของตัวเองใส่ลงในกระเป๋านักเรียน ก่อนจะมองหน้าเขาที่ตอนนี้ก็กำลังมองหน้าผมอยู่...


          เขายื่นกล่องน้ำผลไม้มาให้ผม ก่อนจะตามด้วยขนมปัง และพลาสเตอร์ยาอีกหนึ่งแพ็ค


          ผมมองของตรงหน้าก่อนจะขมวดคิ้ว...


          "พี่ไม่เห็นเราลงไปกินข้าวที่โรงอาหารเลย... คิดว่าอาจจะอยู่บนห้อง พอมาแล้วก็เจอจริงๆ ก็เลยซื้อมาฝาก" เขาบอกผมเมื่อเห็นว่าผมยังคงเงียบ "แต่เมื่อกี้แอบเห็นว่ากินแซนวิชไปแล้วอันนึง" ผมหลุบตาลงต่ำทันทีที่เขาพูดจบ... เขาเห็นผมกินแซนวิช นั่นแปลว่าเขาเห็นผมมาสักพักแล้ว... เขาจะเห็นแผลที่หน้าผมมั้ยนะ? ผมขยับแมสขึ้นมาอีกเพราะเริ่มไม่มั่นใจ


          "แผลที่หน้า..."


          "ผมอิ่มแล้วขอบคุณ" ผมรีบสวนออกไปทันที่ที่เขาเอ่ย... เห็นสินะ


          "พี่ซื้อมาแล้ว รับไว้เถอะ..." เขาเลื่อนพลาสเตอร์ยามาทางผม "เอานี่ไปแปะซะนะ แผลจะได้ไม่ติดเชื้อ" ผมเหลือบไปมองหน้าเขา


          "ที่โดนกระดาษบาดน่ะ ยังเจ็บอยู่มั้ย?" ผมลอบถอนหายใจทันทีที่เขาพูดจบ แปลว่าแผลที่เขาหมายถึงก็คือแผลที่โดนกระดาษบาดเมื่อเช้าสินะ... ผมเม้มริมฝีปากเข้าหากันอย่างรู้สึกโล่งอก...


          "ขอโทษแทนเพื่อนคนเมื่อเช้าด้วย... มันชอบหาเรื่องแบบนี้แหละ แต่พี่จัดการมันไปล้ะ เรียบร้อย!" เขาเอ่ยยิ้มๆ ผมจึงพยักหน้าเบาๆ


          ผมไม่ชอบรับของจากคนอื่นฟรีๆ... แต่คราวนี้ถ้าไม่รับก็คงจะไม่จบง่ายๆ เพราะเขาคงจะตื้อให้ผมรับอีกเป็นแน่


          "ขอบคุณ...คราวหน้าผมจะซื้อใช้ให้" ผมรับเอาทั้งน้ำผลไม้ ขนมปัง และพลาสเตอร์ยามาไว้ใกล้ตัวมากขึ้น... ที่ผมบอกจะซื้อใช้ให้ก็เพราะไม่อยากติดหนี้ใคร ผมไม่ชอบอะไรที่มันไม่แฟร์


          "เปลี่ยนจากซื้อใช้มาเป็นเลี้ยงข้าวหน่อยสิ" ผมเลิกคิ้วขึ้น "นะ... สักมื้อ เย็นนี้เลย"


          "ผมไม่ว่าง" ผมบอกปัดออกไป ...เพราะไม่เคยกินข้าวกับคนที่เพิ่งรู้จัก และตอนนี้ผมก็ไม่สะดวกด้วย...


          "งั้นเย็นพรุ่งนี้... มะรืนก็ได้" เขายังคะยั้นคะยอไม่เลิก ผมได้แต่กรอกตาไปมา... ให้ตายสิ


          ผมถอนหายใจอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขายังคงทำตาปริบๆมาทางผม


          "มื้อเดียวนะ" ในที่สุดผมก็ต้องรับปากสินะ "วันนี้เย็นหน้าโรงเรียน" ผมเอ่ยบอกเขาที่ตอนนี้ยิ้มกว้างจนปากจะฉีกอยู่ล้ะ


          "โอเค!" ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ เสียงกลุ่มนักเรียนก็ดังเอ็ดตะโลมาจากหน้าห้อง... พวกนักเรียนเริ่มกลับมาที่ห้องกันแล้วสินะ


          "งั้นพี่ไปก่อนนะ... เจอกันตอนเย็นนะกันต์พิมุกต์" ผมพยักหน้าเบาๆ ก่อนที่เขาจะก้าวออกจากห้องสวนกับนักเรียนที่เดินเข้ามา... พวกนั้นมองเขากับผมสลับกันไปมาก่อนจะเริ่มหันไปซุบซิบกันตามประสานักเรียนขี้เม้าท์... ไม่นินทาใครสักวันจะตายมั้ย? เฮ้อ...


          ตอนเย็นผมเข้าไปทำหน้าที่โฮมรูมพร้อมกระเป๋านักเรียนที่ห้องม.5อีกครั้งในคาบก่อนเลิกเรียน... ที่เอากระเป๋ามาด้วยเพราะนี่มันคาบสุดท้ายแล้วผมขี้เกียจเดินกลับไปที่ห้องอีก...


          วันนี้อาจารย์ไม่ได้สั่งงานไว้สำหรับโฮมรูมตอนเย็น...เธอเขียนบอกเอาไว้แค่ว่าให้นักเรียนเอางานค้างขึ้นมาทำ...


          เท่ากับว่าคาบนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายเลย ผมแค่ต้องไปคุมให้นักเรียนทบทวนบทเรียนที่เรียนไปวันนี้ หรือไม่ก็ให้เอางานค้างของตัวเองขึ้นมาทำก็เท่านั้น... พอเข้าห้องไป ผมเหลือบไปมองคู่กรณีเมื่อเช้าหน่อยๆ ก็เห็นว่าเขาดูสงบเสงี่ยมขึ้นกว่าตอนเช้า... ตอนนี้ทุกคนในห้องก็ทำงานของตัวเองไป เมื่อไหร่ที่เริ่มเสียงดัง คุณหัวหน้าห้องก็จะตะโกนสั่งให้เสียงเบาๆ... แล้วทุกคนก็เบาเสียงลงจริงๆ... ดูๆไปก็มีอำนาจใช่เล่นนะ


          ผมนั่งที่โต๊ะตัวเดิมกับที่เมื่อเช้าคนข้างๆบอกให้นั่ง แต่ผมไม่ได้นั่งเฉยๆหรอก มันน่าเบื่อเกินไป ผมหยิบเอาหนังสืออ่านเล่นที่ผมซื้อมาเมื่ออาทิตย์ก่อนขึ้นมาอ่าน... ไม่ค่อยได้มีเวลาอ่านเสียที หน้าที่ถูกคั่นเอาไว้ก็ยังอ่านไปไม่ถึงครึ่งเล่ม


          "เก่งนะเนี่ย อ่านหนังสือภาษาอังกฤษด้วย" เสียงจากคนข้างๆไม่ได้ทำให้ผมหันไปมอง สายตายังคงจดจ้องอยู่กับตัวหนังสือตรงหน้า... ไม่เห็นแปลก ถ้าหนังสืออ่านเล่นของผมจะเป็นภาษาอังกฤษ


          ขณะที่สายตาผมกำลังจดจ้องกับบรรทัดที่สองของหน้าหนังสือ ผมก็ต้องละสายตามายังกระดาษแผ่นเล็กๆที่ถูกวางลงทับบรรทัดที่ผมกำลังอ่านอยู่พร้อมกับข้อความบนกระดาษ...


          'วันนี้กินอะไรดี'


          ผมเหล่ไปมองคนข้างๆผู้ที่เป็นเจ้าของกระดาษ


          "ข้าว" ผมตอบสั้นๆพลางหยิบกระดาษออกจากหนังสือแล้ววางไว้ที่โต๊ะ


          'กินยารึยังวันนี้?' ไม่นานนักกระดาษแผ่นที่สองก็ถูกส่งมาบังบรรทัดที่ผมอ่านอีกครั้ง


          ผมขมวดคิ้วก่อนจะจิ๊ปากเบาๆ... อะไรนักเนี่ยคนข้างๆ งานค้างไม่มีทำแล้วหรือไง?


          ผมปิดหนังสือลงทับกระดาษแผ่นนั้นไปด้วย ก่อนจะวางมันลงไปบนโต๊ะ แล้วหันไปมองหน้าเขาตรงๆ... สงสัยคงจะไม่ได้อ่านแล้วล่ะมั้ง... นับถือเลยจริงๆกับความพยายามในการรบกวนสมาธิผมเนี่ย


          "ไม่มีงานทำหรอครับ?" ผมเอ่ยถาม เขายักไหล่ให้แทนคำตอบ... ไม่มีสินะ


          "กันต์พิมุกต์ แปลว่าอะไรหรอ?" เขาถามผมอีกครั้งหลังจากเงียบไป และผมก็ไม่ได้ตอบเขาอีกเช่นกัน "แค่อยากคุยด้วยเฉยๆ" เขาเอ่ยเบาๆพลางทำหน้าหงอยๆ...  นั่นทำเอาผมรู้สึกผิดขึ้นมาหน่อยๆ


          "เก็บของเถอะครับ จะหมดเวลาแล้ว" ผมเอ่ยเบาๆ ก่อนจะหยิบเอาหนังสือใส่กระเป๋า และส่งกระดาษแผ่นแรกที่เขียนว่า ‘วันนี้กินอะไรดี’ ไปทางเขา... เขาเลิกคิ้วเล็กน้อย ขณะที่ผมคลายความสงสัยให้เขาในประโยคถัดมา


          "อยากกินอะไรล่ะครับ?" และนั่นทำให้เขายิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้


          ผมเดินก้มหน้าตามความเคยชินออกมาหน้าโรงเรียน พร้อมๆกับคุณหัวหน้าห้องม.5ที่เดินอยู่ไม่ไกลจากกันเท่าไหร่... ปกติผมว่าคนก็มองผมเยอะพอควรนะ ยิ่งมาเดินกับคนอื่นแบบนี้ คนยิ่งมองผมกันใหญ่ ผมเลยต้องเดินให้เร็วขึ้นกว่าเดิม... เบื่อที่จะฟังอะไรๆที่ออกมาจากปากคนพวกนั้น... น่ารำคาญ


          ไม่นานผมก็เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่งไม่ไกลนักจากโรงเรียน


          'กินข้าว' เขาบอกผมอย่างนั้น ผมก็เลยมานี่ไง


          ผมก้าวเข้ามานั่งที่โต๊ะฝั่งติดกำแพงภายในร้าน ก่อนที่คนที่มาด้วยกันจะนั่งลงตามมาทางด้านตรงข้ามกัน... ผมยื่นเมนูให้เขา... ร้านนี้ผมเคยมาแล้วครั้งนึงตอนเข้าเรียนที่นี่แรกๆ แล้วก็ไม่ได้มาอีกเลยกระทั่งวันนี้


          "นายสั่งก่อนเลย" เขายื่นเมนูกลับมาให้ผม พร้อมๆกับที่ป้าเจ้าของร้านเดินเอาแก้วน้ำมาให้สองแก้ว


          "แก้วเดียวพอครับ" ผมเอ่ย


          "ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ" ป้าว่าดังนั้นผมเลยก้มหัวขอบคุณ "กินอะไรดีจ้ะ?"


          "นายไม่กินหรอ? กันต์พิมุกต์..." เขาเอ่ยถามผม... ผมส่ายหน้าให้ เขาก็หันไปบอกป้าเจ้าของร้านเมื่อเห็นว่าป้ารอรับรายการอาหารอยู่... "งั้นผมเอาข้าวผัดกิมจิครับ" ป้าพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินไปทำอาหาร


          "ทำไมไม่กินล่ะ?"


          "ผมไม่หิว" ผมไม่ได้ตั้งใจจะกินด้วยตั้งแต่แรกแล้ว แค่รอจ่ายตังจะได้จบเรื่องสักที


          "อย่างนี้ก็แย่สิ" เขาเอ่ยทำเอาผมต้องขมวดคิ้ว... แย่อะไรวะ "ให้พี่นั่งกินคนเดียวมันไม่ดีเลยนะ"


          ผมกรอกตาไปมา... ยังไงผมก็ตัดสินใจไปแล้วว่าจะไม่ยอมถอดแมสออกมาแล้วนั่งกินข้าวกับคนที่เพิ่งรู้จักวันนี้แน่ๆ


          "ผมไม่หิวจริ..." ยังพูดไม่ทันจบประโยคดี สายตาผมก็ดันเหลือบไปเห็นกลุ่มคนท่าทางแปลกๆทางด้านหลังของมาร์คยืนคุยกันอยู่นอกร้าน


          'พวกนั้น'


          ผมลอบมองกลุ่มคนพวกนั้นอย่างระมัดระวัง จนลืมมองไปว่าคนที่นั่งอยู่ตรงหน้า ก็กำลังนั่งมองหน้าผมอยู่เช่นกัน


          เสียงสั่นเตือนที่มือถือทำให้ผมรู้ว่ามีข้อความเข้า ผมล้วงมือลงไปหยิบโทรศัพท์ออกมาก่อนจะละสายตาจากพวกนั้นไปยังหน้าจอแทน


          'แบมแบม พวกนั้นอยู่แถวโรงเรียนนาย ฉันกำลังไป'


          ผมกดตอบข้อความอย่างไม่ลังเล


          'ฉันเห็นแล้วยูค จะรีบไป'


          พลันสายตาผมก็หันมาสบกับคนตรงหน้าที่เงียบมาสักพักแล้ว...


          "ผมมีธุระด่วน... ผมจ่ายเงินค่าข้าวให้เลยนะ" แล้วผมก็รีบผละออกไปจากโต๊ะพร้อมกับหยิบแบงค์ในกระเป๋าตังวางไว้ให้ป้า "ค่าข้าวครับ" ผมเอ่ยก่อนจะรีบเดินออกจากร้านไปโดยเร็ว


          มาร์คที่จะลุกเดินตามไปก็ต้องชะงักเมื่อป้ายกจานข้าวมาให้เขาเสียแล้ว... รีบไปไหนของเค้านะ


          "นี่เงินทอนจ้ะ" ป้าเอ่ยก่อนจะส่งเงินให้มาร์ค... ว่าแต่...ทำไมทอนเงินเยอะจัง? พอนับๆดูก็ต้องตกใจ... ให้ตายนี่เด็กนั่นเอาแบงค์หมื่นจ่ายค่าข้าวจานเดียวเนี่ยนะ... ไปรวยมาจากไหน


          "ป้าครับผมขอโทษทีนะแต่ช่วยห่อข้าวใส่กล่องให้ผมทีนะครับ" ผมบอกป้าอย่างเกรงใจ แต่ป้าก็ไม่ได้ว่าอะไรเอาข้าวใส่กล่องให้ผมตามที่ผมขอ


          ผมเดินออกจากร้านมองซ้ายขวาเผื่อจะเห็นคนที่เพิ่งรีบร้อนออกจากร้านไป แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงา...


          มาร์คเดินออกไปตามทางเพื่อที่จะเดินกลับบ้านของตัวเอง ในใจก็นึกถึงดวงตากลมโตนั่น... ครั้งสุดท้ายที่เขาเห็น ดูเหมือนเจ้าของดวงตาคู่สวยจะมีความกังวลอะไรบางอย่าง... ก่อนที่จะเปลี่ยนมันเป็นความเรียบเฉยเมื่อรู้ตัวว่าถูกจ้องมองอยู่


          เด็กคนนี้ดูลึกลับ... น่าค้นหา



#ฟิคสั้นมาร์คแบม



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น