วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

FIND I

Short Fiction : FIND 




          ร่างบางค่อยๆย่างกรายเข้ามาในห้องเรียนห้องหนึ่งที่ไม่ใช่ห้องเรียนของตนเอง เมื่อตรวจดูข้างนอกห้องแล้วพบว่าไม่มีใครผ่านมาจึงได้ค่อยๆปิดประตูห้องลง จากนั้นจึงเดินนำของที่ติดมือมาตั้งแต่แรกไปวางไว้บนโต๊ะตัวหนึ่งที่อยู่หลังห้อง


          “เรียบร้อยดีแฮะ” พึมพำกับตัวเองเบาๆพลางจัดของที่ตนเพิ่งวางไปให้เข้าที่เข้าทาง


          “นายเป็นใคร?” เสียงเข้มดังขึ้นข้างหลังทำให้ร่างบางหันกลับไปมอง


          “O O พี่มาร์ค”


          “รู้จักฉันด้วยเหรอ?” มาร์คสำรวจเครื่องแต่งกายของร่างบาง “ตึกม.ต้น ไม่ได้อยู่ที่นี่ไม่ใช่รึไง?”


          “เอ่อ คือ...” ร่างบางตะกุกตะกัก คิดหาคำตอบเพื่อเอาตัวรอดให้กับตัวเอง


          “นายมาทำอะไรในห้องนี้... หรือว่า มาขโมยของกันน่ะ!”


          “เปล่านะครับ ผมเปล่า... คือผมเข้าห้องผิดน่ะ! เอ่อ... งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ร่างบางพยายามเดินหนีไปตามแนวโต๊ะแต่ก็ไม่ทันมาร์คอยู่ดีนั่นแหละ


          “เดี๋ยวสิ! นายชื่ออะไร? แล้วนี่ของขวัญใครกัน?” นอกจากมาร์คจะดักทางหนีของร่างบางได้แล้ว ยังจับข้อมือเอาไว้เพื่อกันร่างบางดิ้นหนีไปได้อีก “บอกมาซะดีๆ”


           “คือผม...ผมชื่อแบม เอ่อ..แบมแบมฮะ... คือของขวัญเนี่ยผมไม่รู้ว่ามันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง แต่พี่มาร์คปล่อยผมเถอะนะครับ”


          “ไม่! จนกว่านายจะบอกว่านายเอาของขวัญกล่องนี้มาไว้บนโต๊ะฉันทำไม?”


          “O O ห๋า~ นี่ไม่ใช่โต๊ะพี่เจบีหรอกหรอครับ? งั้นผมคงเข้าใจผิด...”


          “อ๋อ~ เอามาให้ไอ้เจบีมันหรอกเหรอ? แล้วก็ไม่บอกแต่แรก ...โต๊ะมันอยู่โน่น เอาไปวางแล้วก็กลับไปได้แล้ว” แบมแบมพยักหน้ารัวๆแล้วทำตามที่มาร์คบอกก่อนจะรีบวิ่งปรื้ดออกมาจากห้องนั้นทันที


          “อุ้ย! ขอโทษครับ” แบมแบมไม่ทันระวัง วิ่งชนกับใครคนหนึ่งเข้าอย่างจัง


          “จะรีบไปไหนเนี่ยน้อง...” เสียงทุ้มของคนที่แบมแบมชนดังขึ้นอย่างหัวเสียเล็กน้อย


          “ขอโทษครับ พอดีผมรีบ พี่เป็นอะไรมากรึเปล่าครับ?” แบมแบมรีบก้มหัวขอโทษขอโพยรุ่นพี่เป็นการใหญ่


          “ช่างเถอะ รีบไม่ใช่หรอ? ก็ไปสิ”


          “ขอบคุณครับรุ่นพี่...เอ่อ พี่อะไรก็ไม่รู้ แต่ขอบคุณมากครับ” แบมแบมรีบวิ่งไปจากตรงนั้นโดยเร็วเพราะกลัวว่ารุ่นพี่อาจจะเปลี่ยนใจ


          “ไอ้เด็กบ้านี่ ไม่รู้จักชื่อฉันรึไงนะ? ...ฉันเจบีเว้ย! เจบี!!” เจบีตะโกนกลับไปแต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะร่างบางได้วิ่งไปไกลเกินกว่าจะได้ยิน


          “เสียงดังอะไรของแกวะไอ้เจบี” มาร์คเดินออกมาจากห้องเพราะได้ยินเสียงเพื่อนรักของตนเองตะโกนโหวกเหวกโวยวายอยู่นอกห้อง


          “เด็กบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ว่ะ เดินชนฉัน”


          “เด็กที่ว่าเนี่ยอยู่ ม.ต้น หน้าหวานๆ ตัวผอมๆเล็กๆ หน้าขาวๆ ปากอิ่มๆ มีใฝใต้ตา น่ารักๆ ใช่ป่ะวะ?”


          "เออ! เว้ย พูดเหมือนเห็นจริงเลยว่ะ"


          “ก็เห็นจริงไง... น้องเค้าเอาของขวัญมาให้แกอ่ะ โน่น” มาร์คพยักเพยิดไปทางของขวัญบนโต๊ะเพื่อนสนิท


          “ให้ฉันเนี่ยนะ? ให้ทำไมวะ?” เจบีทำหน้างงๆ แต่ก็หยิบกล่องของขวัญขึ้นมาเขย่าดู


          “เอ้า! น้องเค้าก็ชอบแกมั้ง ถึงได้ให้”


          “บ้ารึเปล่ามาร์ค เด็กนั่นยังไม่รู้จักแม้แต่ชื่อฉันด้วยซ้ำ”


          “เค้าจะไม่รู้จักชื่อแกได้ยังไง ในเมื่อเค้าบอกกับฉันเองว่าเอามาให้พี่เจบี”


          “เหรอวะ? แต่เมื่อกี้ตอนที่ชนกัน เค้าไม่ได้เรียกชื่อฉันสักคำ แถมยังไม่ได้มีปฏิกิริยาว่าเจอหน้าคนที่ชอบอะไรเทือกๆนั้นเลย” เจบีเกาหัวอย่างงงๆ


          “น้องเค้าคงเขินแกแหละ... แกะดิ๊ๆ อยากรู้ว่าข้างในมันคืออะไร?” มาร์คแย่งกล่องของขวัญจากมือเจบีแล้วทำท่าจะฉีกกระดาษห่อออก


          “เฮ้ยๆ อย่าฉีกดิ่วะ เอามานี่เลย” เจบีแย่งกล่องของขวัญกลับไปได้สำเร็จ “รู้มั๊ย? ว่าเราต้องดูแลของขวัญของคนที่เค้าให้เรามาให้ดีที่สุด แม้กระทั่งกระดาษห่อของขวัญนี่ ก็ต้องดูแลให้ดี!” เจบีพูดทำเอามาร์คอ้าปากค้างทันที


          “แกเป็นคนดีจริงๆ หรือว่าเป็นคนดีกับเฉพาะบางคนวะ? แหนะๆ แกชอบน้องเค้าอ่ะดิ่”


          “เปล่า! เด็กนั่นไม่ใช่เสป็คฉันว่ะ” เจบียิ้มกรุ้มกริ่มก่อนจะบรรจงแกะกล่องของขวัญอย่างเบามือ


          “ห่อกี่ชั้นวะเนี่ย? นี่แกแกะมาสามชั้นแล้ว ยังไม่เจอของสักที”


          “เออน่า~ แสดงว่ามันต้องมีความหมายสิ” เจบียังคงแกะต่อไปเรื่อยๆ จนปรากฏกล่องกระดาษให้เห็น


          “เจ็ดชั้นพอดีเป๊ะเลย! แถมสีกระดาษก็ยังกะรุ้งกินน้ำ เรียงไปเลย ม่วง คราม น้ำเงิน เขียว เหลือง แสด แดง...ไหนวะความหมายที่แกบอก” เจบีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย แต่ในใจก็ยังคงเชื่อว่ามันคงต้องแฝงความหมายอะไรบางอย่างแน่นอน


          “ต้องอยู่ในกล่องแน่ๆเลย แกรอดูแล้วกัน” เจบีค่อยๆแกะกล่องกระดาษออก ก็พบกับสมุดบันทึกเล่มหนึ่ง เป็นสมุดที่ดูภายนอกก็ไม่ต่างจากสมุดทั่วๆไป แต่จะต่างก็ตรงที่ด้านหน้าของสมุดเล่มนี้ มีรูสำหรับใช้กุญแจไขเพื่อเปิดออก แต่...


          “ไหนกุญแจวะ? อย่าบอกนะว่าให้แกหาเอาเองน่ะ ประสาท!” มาร์คหัวเราะน้อยๆกับเรื่องไร้สาระที่เกิดขึ้นกับเพื่อนรักของตนเอง


          “ฉันจะต้องหาให้เจอ... กุญแจอันนั้น ฉันจะต้องหาให้เจอ!” มาร์คมองหน้าเจบีอย่างทึ่งๆ ที่เพื่อนของตนทำหน้าตามุ่งมั่นมากกว่าครั้งไหนๆ


          “ฉันว่าแกคงประสาทยิ่งกว่า” มาร์คพูดจบก็หันหน้าหนีเจบีทันที


          เย็นของวันเดียวกัน ขณะที่มาร์คกำลังเดินกลับบ้าน ก็มีสิ่งที่ทำให้เขาสนใจและหยุดยืนมองอยู่นาน เป็นภาพที่นักเรียนโรงเรียนของเขากำลังพากันล้อมหน้าล้อมหลังเด็กชายคนหนึ่งอยู่


          “ไม่ยุ่งดีกว่า” มาร์คพึมพำกับตัวเองและกำลังจะก้าวขาออกเดินไปจากตรงนี้


          “พี่มาร์ค!” เสียงเล็กดังขึ้นส่งผลให้มาร์คหยุดเดินแต่ไม่ได้หันหลังกลับไปมอง


          “....” มาร์คทำท่าไม่รู้ไม่ชี้แล้วก่อนจะออกเดินอีกครั้ง ...เพราะเขาไม่อยากยุ่งเรื่องของใคร จึงได้ตัดสินใจทำแบบนี้


          “น้องแบมแบม อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลยน่า พี่จีบน้องมาตั้งหลายวันแล้ว ยอมๆคบซักทีสิ!” เสียงเข้มของใครคนหนึ่งในกลุ่มคนที่ยืนล้อมแบมแบมอยู่ดังเข้าโสตประสาทของมาร์คอย่างจัง ...อาจเป็นเพราะชื่อของเด็กชายคนนั้นก็เป็นได้ ‘แบมแบม’


          “ไม่! ผมขอร้องเถอะครับพี่... เลิกยุ่งกับผมเถอะ ผมไม่ได้ชอบพี่จริงๆ” เสียงหวานฟังดูอ้อนวอนเต็มที


          “ก็ให้ท่าซะขนาดนั้น อย่างนี้เรียกว่าไม่ชอบหรือไง?”


          “ผมเปล่านะ! ผมเคยให้ท่าพี่ที่ไหนกัน?” แบมแบมปฏิเสธเสียงแข็ง ก็เขาไม่เคยให้ท่าใครจริงๆนี่


          “ไม่ต้องมาทำหน้าใสซื่อเลย... น้องเป็นคนนัดให้พี่ไปหาที่ห้องเองไม่ใช่เหรอ? แล้วทีอย่างนี้ทำมาเล่นตัว”


          “พี่พูดอะไรของพี่เนี่ย  ชื่อพี่ผมยังไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำแล้วผมจะนัดพี่ได้ไง?”


          “ไม่ต้องพูดมาก ไปกับพี่เดี๋ยวนี้เลย” ว่าแล้วก็กระชากต้นแขนของแบมแบม จนแบมแบมเซไปกระแทกเข้ากับหน้าอกของชายคนนั้นอย่างจัง


          “นี่ก็เรียกว่าให้ท่าเหมือนกันนะ” พูดจบก็กอดแบมแบมจนแน่น แบมแบมพยายามดันตัวเองออกจากอ้อมกอดอันแสนน่ารังเกียจนี่ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเรี่ยวแรงที่มีมันน้อยนิดเหลือเกิน


          “ปล่อยซะทีสิ่ไอ้เด็กเวร!” มาร์คยืนจ้องบรรดานักเรียนอันธพาลเหล่านั้น ...ในใจคิดว่าถ้าไม่ช่วยก็คงจะใจร้ายไปหน่อยแล้วนะเนี่ย


          “แกเป็นใครวะ? อย่ายุ่งเรื่องของคนอื่นหน่อยเลยน่า ใช่มั๊ยจ้ะน้องแบมแบม” ว่าพลางเอามือไปลูบแก้มของแบมแบมจนแบมแบมรู้สึกขยะแขยงเต็มทน


          “ถ้ายังไม่หยุด พรุ่งนี้พวกแกโดนหนักแน่ๆ ไม่รู้หรือไงว่าขัดคำสั่งลูกชายอาจารย์ใหญ่จะต้องเจอกับอะไรบ้าง?” มาร์คพูดจบก็หันมาเผชิญหน้าพลางใช้สายตาเฉียบคมมองจนเด็กพวกนั้นถึงกับสะดุ้งเฮือก


          “ลูกชายอาจารย์ใหญ่... ก็พี่มาร์คอ่ะดิ่มึง” เพื่อนไอ้หน้าจิ้งจกกระซิบเบาๆ


          “เฮ้ย!!... พะ พี่มาร์ค” ไม่นานนักไอ้หน้าจิ้งจกที่จับตัวแบมแบมไว้ก็รีบปล่อยแบมแบมแล้ววิ่งกระฉูดนำบรรดาลูกน้องอีกสามคนสลายโต๋ไปทันที


          “ไอ้เด็กเวรเอ้ย!” มาร์คสบถก่อนจะหัวเราะเยาะเด็กกลุ่มนั้นที่วิ่งหางจุกตูดไป


          “พี่มาร์ค ...ขอบคุณครับ ที่กลับมาช่วยผม” เสียงเล็กดังขึ้นก่อนจะตามด้วยแรงปะทะเบาๆจากด้านหน้า ทำเอามาร์คถึงกับเซไปข้างหลังเล็กน้อยแต่ก็ยังพอตั้งหลักได้ ...แบมแบมกำลังกอดมาร์ค


          “นี่นาย! มากอดฉันทำไมกันเล่า” มาร์คพยายามแกะมือแบมแบมออกแต่ดูเหมือนจะยากกว่าที่คิดไว้ เลยได้แต่ยืนอยู่เฉยๆ ไม่ได้ผลักไส แต่ก็ไม่ได้กอดตอบ จนกระทั่งแบมแบมเป็นฝ่ายคลายมือออกจากเอวของเขาเอง


          “พี่มาร์ค...ผมขอโทษครับ” แบมแบมก้มหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิวด้วยความกลัวว่ามาร์คจะโกรธ แต่ในความคิดของมาร์คตอนนี้ แบมแบมกลับเหมือนเด็กที่กำลังกลัวความผิด ไม่กล้าแม้แต่จะสบตา ...เด็กน้อยเอ้ย


          “นี่แหละน้า~ ไอ้เด็กเวรนั่นมันถึงได้บอกว่านายให้ท่ามันน่ะ” มาร์คพูดพลางเอามือล้วงกระเป๋าและเตรียมตัวหันหลังกลับ


          “ผมเปล่านะ!! ผมไม่ได้ให้ท่าใครซะหน่อย” แบมแบมยืนยันหนักแน่นจนมาร์คเองยังแปลกใจ ...เมื่อตะกี้ยังไม่กล้าอยู่เลย


          “ถ้างั้น... นายก็คงทำตัวไร้สาระไปวันๆสินะ กลับบ้านไปได้แล้ว” มาร์คไม่สนใจแบมแบมแถมยังเดินออกไปอย่างไม่คิดที่จะหันหลังกลับมามองอีกด้วย


          “ผมไม่ได้ไร้สาระนะ... แล้วผมก็ไม่ได้ให้ท่าใครด้วย ...ผมก็ให้แค่พี่คนเดียวนั่นแหละ แต่ไม่เคยจะให้สำเร็จสักที” แบมแบมบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆก่อนจะเอามือล้วงกระเป๋าเดินกลับบ้านแบบเดียวกับที่มาร์คทำ







          เช้าวันรุ่งขึ้น ข่าวของนักเรียนกลุ่มหนึ่งซึ่งถูกทำโทษให้ล้างห้องน้ำชายเป็นเวลา 2 อาทิตย์ ก็แพร่กระจายไปทั่วโรงเรียน สาเหตุคงไม่พ้นเรื่องเมื่อวาน


          “นี่ยังน้อยนะ! แต่ถ้าคราวหน้าพวกแกไม่เชื่อฉันอีก เจอหนักกว่านี้แน่!” มาร์คสั่งเสียงแข็ง ทำเอาผู้ฟังถึงกับหน้าซีด เหงื่อตกเป็นน้ำเลยทีเดียว


          “ครับพี่มาร์ค พวกผมจะไม่ทำอีกแล้ว”


          “ดี! ไปได้แล้ว ... อ้อ แล้วก็อีกอย่างนึงนะ เทอมนี้พวกแกต้องทำเกรดให้ถึง 3 ไม่งั้น เตรียมหาโรงเรียนอื่นอยู่ได้เลย” มาร์คเดินจากไปทิ้งไว้เพียงแค่กลุ่มเด็กชายที่นั่งช็อกอยู่ท่าเดิม


          “ทำไมถึงลงโทษเด็กสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้วะ ถ้าพ่อแกรู้มีหวังโดนฟาดกะบาลยุบแน่!” เจบีพูดพร้อมกับทำสีหน้าสยดสยอง


          “พ่อไม่รู้หรอกไปฮันนีมูนกับแม่ที่แคนาดา...กว่าจะกลับเรื่องก็ซาแล้ว” มาร์คยักคิ้วให้เพื่อนรักของตนสองทีก่อนจะนั่งผิวปากอย่างสบายอารมณ์


          “ถามจริงเหอะ... เด็กมันทำอะไรให้แกวะ ถึงได้ลงโทษมันแบบนี้อ่ะ”


          “ไม่รู้ดิ่วะ ...ก็แค่หมั่นไส้.... ล่ะมั้ง” มาร์คขมวดคิ้วพลางใช้ความคิด ...แล้วทำไมฉันต้องลงโทษไอ้เด็กเวรพวกนั้นด้วยวะ ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ


          “เอาเข้าไปเพื่อนฉัน! ข้อหาหมั่นไส้นี่มันหนักหนาเสียจริงๆเลย” เจบีส่ายหัวเล็กๆ


          “เออน่า~ แล้วนี่ตกลงแกเปิดบันทึกเล่มนั้นได้ยังอ่ะ” มาร์คได้ทีเปลี่ยนเรื่อง


          “ยังเลยว่ะ... แต่ก็นะฉันซะอย่าง ยังไงก็จะหาทางเปิดมันให้ได้” คราวนี้เป็นเจบีที่ยักคิ้วแทน


          “นี่ถ้าแกอยากรู้ว่าข้างในมันคืออะไร ฉันไปถามเด็กแบมแบมนั่นให้ก็ได้นะเว้ย”


          “เชื่อฉันซักทีสิ่ ว่าน้องแบมแบมไม่ได้ชอบฉันหรอก!”


          “อย่ามาเถียง...”


          “แกนั่นแหละอย่ามาเถียง ฉันฟันธงเลย ชัวร์ป้าบ!”


          “เออ ช่างแก! ไม่สนใจแล้วเว้ย ไปหาไรกินดีกว่าว่ะ” มาร์คพูดจบก็เดินหัวเสียออกมา ทิ้งให้หนุ่มหล่อนั่งงงอยู่คนเดียว...


          “อะไรวะ? แค่นี้ต้องฉุนด้วย” เจบีเกาหัวแกรกๆ แต่ก็ยังไม่วาย หยิบสมุดบันทึกเล่มเดิมขึ้นมาดู พลางลูบไปบนหน้าปกเบาๆ ... อยากรู้จริงๆเลยว่าข้างในนี้ เขียนอะไรไว้



#ฟิคสั้นมาร์คแบม

1 ความคิดเห็น: