วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2558

FIND II

Short Fiction : FIND




          มาร์คเดินลงไปที่โรงอาหารอย่างเซ็งๆ ทั้งรุ่นน้องและรุ่นพี่ที่เจอเขาบ้างก็ยิ้มทักทาย บ้างก็โค้งคำนับ แต่ไม่มีใครเลยสักคนที่กล้าเข้ามาคุยกับมาร์ค ...นี่เขาน่ากลัวขนาดนั้นเลยรึไงกันนะ คนที่ยิ้มน่ะก็แค่ยิ้มแห้งๆ คนที่โค้งก็แค่โค้งเพื่อหลบหน้าหลบตา เฮ้อ...


          “พี่มาร์คคคคคคคคคค” มาร์คหยุดเดินเมื่อได้ยินคนเรียกชื่อของตน แต่ไม่นานก็ก้าวเดินต่อเพราะคิดว่าตนเองคงหูฝาดไป


          “พี่มาร์ค...แฮ่กๆๆ จะรีบเดินไปไหนของพี่เนี่ย?” แบมแบมวิ่งเข้ามาขวางหน้ามาร์ค “ผมเหนื่อยนะ” แบมแบมใช้มือยันขาของตัวเองพลางก้มหน้าหอบ


          “นาย!... เหอะ แล้วนี่มีอะไร?” มาร์คกอดอกรอฟังร่างบางพูด


          “ก็... คือ ผมฝากนี่ให้พี่เจบีด้วยครับ” แบมแบมยื่นซองสีชมพูให้กับมาร์ค แต่มาร์คไม่รับ


          “ฉันไม่รับฝาก! อยากให้ก็เอาไปให้เองสิ!” มาร์คเอ่ยจบก็ทำท่าจะเดินหนี


          “แต่พี่ต้องรับ!” แบมแบมรีบยัดซองสีชมพูใบนั้นใส่มือมาร์คแล้วรีบวิ่งหนีไป


          “เหอะ!! เด็กบ้าเอ้ย!!” มาร์คสบถออกมาอย่างหัวเสีย มองดูซองในมือ “นี่มันเรื่องของแก ทำไมต้องเอาฉันเข้าไปเกี่ยวด้วยวะเนี่ย ไอ้เจบี...” มาร์คถอนหายใจเฮือกใหญ่และตัดสินใจเดินเอาซองขึ้นไปให้เจบีที่ห้อง


          “อ้าว! ไหงขึ้นมาเร็วอย่างนี้ล่ะ” เจบีเอ่ย


          “อ่ะนี่” มาร์ควางซองสีชมพูลงบนโต๊ะของเจบีอย่างแรง “แบมแบมฝากมาให้แก”


          “แล้วทำไมต้องรุนแรงกับซองนี่ด้วยวะ... หรือแกไม่พอใจ?” เจบีอดไม่ได้ที่จะแซวเพื่อนรักของตน แต่เขาก็หยิบเอาซองนั่นขึ้นมาตรวจดู


          “เออ! ไม่พอใจ ทำไมฉันจะต้องเป็นสะพานรักให้พวกแกด้วยวะ! จะรักกันก็รักกันไปดิ่ อย่าเอาฉันไปเกี่ยว” มาร์คพูดซะยาวเหยียด แต่เจบีก็ไม่ได้สนใจฟังอะไรมาก เพราะมัวแต่ให้ความสนใจกับซองสีชมพูนั่นอย่างเดียว


          “เออน่า...แกก็หงุดหงิดไปได้” เจบีค่อยๆบรรจงเปิดปากซองออกและหยิบกระดาษสีขาวข้างในออกมาคลี่ดูพร้อมกับอ่านข้อความที่ถูกเขียนด้วยลายมือในกระดาษใบนั้น


          “ยังหากุญแจเปิดบันทึกไม่ได้สินะ นายคงต้องพยายามให้มากกว่านี้...” เจบียังคงจ้องมองตัวหนังสืออย่างไม่วางตา


          “เด็กนี่มัน!!” มาร์คนึกฉุนกับข้อความในกระดาษ แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเจบีต้องทำสีหน้ามุ่งมั่นเกินความจำเป็น  


          “ฉันคงต้องพยายามให้มากกว่านี้สินะ!” มาร์คถึงกับตบหน้าผากตัวเองทันที


          “เฮ้อ~ แกจะหาเรื่องใส่ตัวไปทำไมวะ? ในเมื่อเจ้าของสมุดบันทึกเล่มนั้นก็คือ ไอ้เด็กหน้าหวานแบมแบม”


          “เดี๋ยวก็รู้ว่าใช่หรือไม่ใช่...”


          “ไม่เห็นต้องยุ่งยากเลย... น่ารำคาญชะมัด!” มาร์คยังคงไม่หยุดบ่น ในขณะที่เจบีได้แต่อมยิ้มอย่างกับคนบ้า






          เช้าวันรุ่งขึ้น


          “เอาจริงเหรอวะไอ้เจบี! ฉันเสียนะเว้ย” มาร์คโวยวายเมื่อเพื่อนรักขอให้ช่วย ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากช่วย... แต่มันลำบากใจที่จะช่วยมากกว่า เพราะสิ่งที่เจบีขอให้ช่วยเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำ และไม่เคยคิดที่จะทำมาก่อน


          “เสียบ้าเสียบออะไรของแกวะ! เอาน่า~ แค่ขึ้นไปอบรมน้องๆ พี่ๆ ตามประสาลูกเจ้าของโรงเรียน แค่นี้ไม่ตายหรอก”


          “ไม่ตายกับผีน่ะสิ!! แกก็รู้ว่าฉันไม่ถูกกับไมโครโฟน”


          “แกไม่ได้แค่ไม่ถูกกับไมโครโฟนอย่างเดียวนะ... แต่แกยังกลัวการถูกจับจ้องจากคนเยอะๆอีกด้วย” เจบีพูดเสริม


          “รู้อย่างนี้แล้วแกยังจะให้ฉันทำอีก!!! ไอ้บ้า!!!”


          “ฉันจะขึ้นไปเป็นเพื่อนแกเอง...ไม่ต้องกลัวเพื่อนรัก” เจบีจัดการล็อคแขนมาร์คพลางฉุดมาร์คให้เดินตามเขาขึ้นไปยังเวทีหน้าเสาธง


          “ไม่นะเว้ย...” มาร์คทำท่าจะโวยวาย แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะเจบีลากเขามายังกึ่งกลางของเวทีเป็นที่เรียบร้อย


          “สู้ๆเว้ย!” เจบียื่นไมโครโฟนให้มาร์ค ซึ่งมาร์คก็จำใจรับไมโครโฟนมาถือไว้ในมือ “พูดตามฉันนะ” เจบีกระซิบมาร์คเบาๆ


          “ฮึ่ย!” มาร์คอารมณ์เสียแต่ก็ออกอาการมากไม่ได้เนื่องจากว่าทุกสายตากำลังจ้องมองมายังเขาอยู่


          “เอ่อ...สะ สวัสดีทุกๆคนนะครับ” มาร์คเริ่มพูดตามที่เจบีกระซิบบอก “นี่เป็นครั้งแรก...ที่ผมได้มีโอกาสขึ้นมาพูดคุยกับทุกคน” นักเรียนทุกคนที่ยืนเข้าแถวอยู่ข้างล่างต่างพากันลุ้นระทึกว่ามาร์คกำลังจะพูดอะไรต่อไป “คือ...เอ่อ วันนี้อากาศดีนะครับ แหะๆ” คำพูดของมาร์คเรียกเสียงหัวเราะจากนักเรียนทุกคนจนเขาเริ่มรู้สึกอาย แต่ก็ทำได้เพียงแค่ตีสีหน้าขรึมซึ่งส่งผลให้นักเรียนทุกคนหยุดหัวเราะและพากันยืนตัวตรงไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหน


          “อะแฮ่ม!” มาร์คกระแอมไอเพื่อส่งสัญญาณให้ไอ้คนข้างๆมันเลิกหัวเราะสักที ก็เป็นเพราะเจบีนี่แหละที่ไม่ยอมกระซิบบอกประโยคต่อไปสักที ทำให้เขาต้องหาคำพูดอื่นพูดไปแทนเพราะเว้นช่วงไปนานเกินไป


          “เออๆ ต่อๆนะ” เจบีกระซิบเบาๆ


          “ผมมีเรื่อง...จะขอความช่วยเหลือ...จากทุกคนครับ” มาร์คค่อยๆผ่อนลมหายใจออกช้าๆเพื่อไม่ให้ตัวเองตื่นเต้นจนเกินไป “คือว่า...เพื่อนผมคนนี้... ชื่อเจบีครับ” ชื่อของเจบีเรียกเสียงฮือฮาจากนักเรียนได้เป็นอย่างดี ก่อนจะตามด้วยเสียงกรี๊ดเมื่อเจบีทักทายทุกคนโดยการโบกมือน้อยๆ บวกกับรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ทำเอานักเรียนหญิงบางคนถึงกับเป็นลมล้มพับไป(เว่อร์ไปมั๊ยน้อ?) เจบีจึงเริ่มกระซิบต่อ


          “เขามีอะไรอยากจะบอกทุกคนครับ” มาร์คส่งไมโครโฟนให้เจบีตามที่เจบีกระซิบบอก


          “ผมอยากจะขอความช่วยเหลือจากทุกคนครับ... คือ เจ้าของสมุดบันทึกเล่มนี้...” เจบีหยิบสมุดบันทึกออกมาแล้วชูขึ้นเพื่อให้ทุกคนได้เห็น


          “เค้า...ได้ขโมยของๆผมไป ถ้าใครมีเบาะแส หรือข้อมูลอะไรช่วยกรุณาแจ้งให้ผมทราบด้วยนะครับ ขอบคุณมากครับ” เมื่อเจบีเอ่ยจบก็เดินนำมาร์คลงไปจากเวที แต่บรรดานักเรียนทั้งหลายต่างก็พากันซุบซิบ พูดคุยกันจนเกิดเสียงดังระงมจนอาจารย์ต้องสั่งให้นักเรียนเข้าชั้นเรียนได้


          “ทำไมแกไปพูดอย่างนั้นวะ? อย่างนี้คนที่โดนกล่าวหาเค้าก็กลายเป็นขโมยน่ะสิ!” มาร์คเริ่มโวยวายทันทีหลังจากลงมาจากเวทีแล้ว


          “ไม่หรอก...ฉันลองคิดๆดูนะ ในเมื่อตัวช่วยฉันออกจะเยอะแยะ ฉันจะเสียเวลาไปตามหาด้วยตัวเองทำไม” เจบีพูดตามที่คิด... ก็เขาน่ะ ออกจะฮอตในหมู่สาวๆหนุ่มๆในโรงเรียนจะตายไป แค่บอกว่าเป็นความต้องการของเจบี มีเหรอจะไม่ได้น่ะ!


          “แต่แกทำแบบนี้ไม่ถูกนะเว้ย! นี่ถ้าแฟนคลับแกเกิดหาตัวเจ้าของสมุดบันทึกนั่นเจอ..ไม่สิ! ถ้าแฟนคลับแกรู้ว่าแบมแบมเป็นเจ้าของสมุดบันทึกแล้วไปรุมทำร้ายเขาล่ะ มันไม่แย่เหรอ?” มาร์คเริ่มกระวนกระวาย


          “เออใช่! ฉันลืมคิดถึงข้อนี้ไป ...แต่แกจะห่วงอะไรนัก ฉันเคยบอกแกไปแล้วไง ว่าแบมแบมไม่ใช่เจ้าของสมุดบันทึกเล่มนั้น!!” เจบีพูดจบก็เดินจากไป


          “แย่แน่ๆคราวนี้! แล้วเด็กนั่นจะมีปัญญาสู้ใครเค้าได้ล่ะ บอบบางซะขนาดนั้น...เฮ้อ~” มาร์คอดไม่ได้ที่จะรู้สึกห่วงแบมแบมขึ้นมา พลันก็นึกขึ้นได้ว่า ต้องเตือนให้แบมแบมระวังตัวเอาไว้


          มาร์คเดินตามหาแบมแบมในตอนพักกลางวัน แต่ก็ไม่เจอ เขาจึงตรงไปยังห้องประชาสัมพันธ์ เพื่อประกาศเรียกแบมแบมให้มาพบที่นี่ เมื่อมาถึงเขาก็ถือวิสาสะเปิดประตูเข้าไปโดยไม่ได้ขออนุญาตหรือส่งสัญญาณบอกคนในห้องก่อน


          “นี่เธอ! ประกาศเรียกแบมแบมมาหาฉันที่นี่ทีสิ” เขาเอ่ยกับนักเรียนสาวที่ทำหน้าที่เป็นประชาสัมพันธ์ประจำโรงเรียน ซึ่งเธอทำหน้าตกใจปนกับสงสัย


          “แบมแบม... ไม่ทราบว่าแบมแบมที่ว่านี่เรียนอยู่ชั้นอะไร ห้องอะไร แล้วตามมาพบทำ...” นักเรียนสาวซักถามจนมาร์คเริ่มมีน้ำโห เพราะเธอถามมากเสียเหลือเกิน


          “นี่เธอ!! อย่าถามมากจะได้มั๊ย? แค่ประกาศเรียกคนจะอะไรกันนักหนา มานี่! เดี๋ยวฉันจะประกาศเอง ส่วนเธอ... จะไปไหนก็เชิญ ฉันไม่ได้ไล่นะ! ฉันเชิญ!!!” มาร์คว่าพลางปรายมือออกเป็นเชิงไล่กรายๆ


          “เอ่อ...ค่ะ! -,.-” หญิงสาวจึงรีบจรรีไปโดยเร็ว


          มาร์คจัดการเปิดสวิตช์เครื่องเสียงให้ทำงาน ปรับวอลุมนิดหน่อย และเอื้อมมือไปหยิบไมโครโฟนตัวน้อยขึ้นมาแล้วกดสวิตช์เพื่อเปิดไมค์


          “แบมแบม... แบมแบม ได้ยินเสียงนี้มั๊ย? ถ้าได้ยินมาพบฉันที่ห้องประชาสัมพันธ์ด่วนเลย” มาร์คปิดไมโครโฟน แล้วถอนหายใจ แต่ไม่นานเขาก็ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงกดเปิดไมโครโฟนอีกครั้ง


          “แบมแบม ถ้านายไม่มาภายใน 1 นาทีนี้ นายโดนแน่! ...รู้ใช้มั๊ยว่าฉันคือมาร์ค!!”


          “O[]O;;” นี่คือสีหน้าของนักเรียนทั้งโรงเรียนรวมถึงแบมแบมด้วย


          “อ๊ากกกกก แบมแบ๊มมมมมมม!!!!! ทำไมพี่ต้วนมันเรียกแกวะ รีบไปดิ่เดี๋ยวโดนไล่ออกนะเว้ยยยยยย” เพื่อนสนิทของแบมแบมตื่นตระหนกตกใจเป็นอย่างมากที่ชื่อของแบมแบมถูกประกาศตามหาโดย มาร์ค ต้วน ลูกชายเจ้าของโรงเรียนที่เข้มงวด+บ้าอำนาจ เอ้ย! น่าเกรงขามมมมมม


          “พี่มาร์คประกาศเรียกฉันทำไมวะ!!!!” แบมแบมเริ่มกระวนกระวาย


          “ฉันจะไปรู้แกเรอะ!!! แกไปทำไรให้เค้าไม่พอใจป่าววว?!!!”


          “ฉันเปล่านะ!!!...”


          “เหลือเวลาอีก 30 วินาทีสุดท้าย... แบมแบม” เสียงของมาร์คดังขึ้นอีกครั้งทำเอาแบมแบมถึงกับร้อนรนหนักเข้าไปใหญ่


          “ไม่ทันแล้วววว ฉันไปก่อนน้าาาาาาาาา โอ้ย!!! แล้วห้องประชาสัมพันธ์มันอยู่ไหนกันล่ะเนี่ย!!!!!!!!” แบมแบมทำอะไรไม่ถูกได้แต่วิ่งไปวิ่งมา อ้อมหน้าอ้อมหลังคนนู้นที คนนี้ที


          “โธ่เว้ย!!! แล้วเมื่อไหร่จะถึงล่ะเนี่ย!!” แบมแบมดึงสติของตนกลับมาได้ จากนั้นจึงรีบวิ่งตรงไปยังห้องประชาสัมพันธ์ด้วยความเร็วสปีด แต่เขาไม่ทันระวัง สะดุดขาตัวเองล้มไถลลงไปนอนกับพื้น ทำให้หัวเข่าของเขาถลอกเป็นแผลกว้าง และมีเลือดออก ส่วนใบหน้าของเขาก็เกิดรอยแดงและมีเลือดซึมออกมาเนื่องจากไถลไปกับพื้นเช่นกัน


          “10 วินาทีสุดท้าย 9...8” มาร์คเริ่มนับเวลาถอยหลัง แต่แบมแบมก็ยังพยายามที่จะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นและวิ่งต่อไป ถึงความเร็วจะตกไปมาก แต่เขาก็ยังพยายาม


          “3...2...1...0... หมดเวลาสำหรับนายแล้ว แบมแบม!!” ถึงมาร์คจะพูดอย่างนั้น แต่แบมแบมก็ยังไม่หยุดวิ่ง จนกระทั่งเขาวิ่งไปถึงห้องประชาสัมพันธ์ได้สำเร็จ เขาผลักประตูเข้าไปแล้วก็ล้มฟุบลงไปตรงหน้ามาร์คด้วยความเหนื่อยบวกกับความเจ็บจากแผลที่ได้รับ


          “แบมแบม!” มาร์คตกใจนิดหน่อยที่จู่ๆแบมแบมก็ทรุดลงไปตรงหน้าของตน แต่ก็วางฟอร์มทำเป็นแกล้งปิดไมโครโฟน ปิดเครื่องเสียงทั้งๆที่เขาก็ได้ปิดมันไปตั้งแต่นับถอยหลังจบแล้ว


          “ทำไมถึงเพิ่งมาเอาป่านนี้” มาร์คหันมาสนใจกับเด็กน้อยที่นอนหอบอยู่หน้าเขา


          “ผม แฮกๆ ขอโทษครับ แฮกๆๆ ที่มา ช้า” แบมแบมพยายามจะลุกขึ้นยืน มาร์คเห็นใจจึงเอื้อมมือไปดึงแขนของแบมแบมให้ลุกขึ้นมา แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าแก้มของแบมแบมมีเลือดออก


          “หน้านาย!! ไปทำอะไรมา!” มาร์คใช้สายตาสำรวจร่างกายของแบมแบมจนทั่ว ก็พบว่าที่หัวเข่าก็มีแผลขนาดใหญ่อีกแผล ที่สำคัญคือมีเลือดออกมากจนน่ากลัว


          “ผม ล้ม แฮกๆ นิดหน่อย เฮ้อ~” แบมแบมหายใจเข้าออกยาวๆ เพื่อให้หายเหนื่อย


          “นิดหน่อยบ้านนายสิ! ไปนั่งโน่นก่อน” มาร์คว่าพลางพยุงแบมแบมไปนั่งบนโซฟา เป็นจังหวะเดียวกับที่หญิงสาวประจำห้องประชาสัมพันธ์คนเดิมเปิดประตูเข้ามา เธอตกใจที่เห็นว่ามาร์คยังอยู่ในห้อง จึงจะหันหลังจะกลับออกไปอีกรอบ


          “นี่เธอ!!” มาร์คเอ่ยเรียกเธอไว้ก่อน


          “คะ...?” เธอชะงักก่อนจะทำหน้าหวาดผวา “คือว่าดิฉันไม่ได้ตั้งใจเข้ามาโดยไม่ขออนุญาตเลยนะคะ คือดิฉันขอโทษค่า ขอโทษ...” เธอโค้งให้มาร์ค 90 องศาพร้อมกล่าวขอโทษ


          “ฉันจะถามว่า ห้องนี้มีกล่องทำแผลมั๊ย?” มาร์คถอนหายใจ


          “กล่องทำแผล?... เอ่อ ไม่มีค่ะ!” เธอส่ายหน้ารัวๆ


          “ช่วยไม่ได้ล่ะนะ!” มาร์คมองหน้าแบมแบมแล้วนั่งคุกเข่าหันหลังให้จนแบมแบมถึงกับทำหน้าเหวอ


          “พี่ทำอะไรอ่ะพี่มาร์ค!!!”


          “ขึ้นมาสิ! หมายถึงขี่หลังฉันน่ะ จะพาไปทำแผล” มาร์คเอ่ยเสียงเรียบ


          “มะ...ไม่เป็นไรหรอกครับ แผลแค่นี้เอง” แบมแบมปฏิเสธเพราะเกรงใจ แต่นั่นก็ทำให้มาร์ครู้สึกหงุดหงิด... นี่เขาทำขนาดนี้แล้วยังกล้าปฏิเสธ เสียเซลฟ์ชะมัด!!! มาร์คลุกขึ้นหันหน้ามองแบมแบม


          “ขัดคำสั่งฉันนักใช่มั๊ย?!” มาร์คก้มลงช้อนตัวแบมแบมขึ้นมาจากโซฟาแล้วอุ้มในท่าเจ้าสาว


          “พี่มาร์คคคค ปล่อยผมลงน้าาาาา~” แบมแบมทั้งดิ้นทั้งร้องให้มาร์คปล่อย แต่มาร์คก็ทำเป็นหูทวนลม


          “เธอ! เปิดประตูซิ” มาร์คออกคำสั่งกับหญิงสาวที่ยืนอึ้งอยู่ แต่เธอก็ทำตามมาร์คอย่างว่าง่าย


          มาร์คอุ้มแบมแบมมุ่งหน้าไปยังห้องพยาบาล ระหว่างทางนั้นก็มีนักเรียนจำนวนมากจ้องมาที่พวกเขาแถมยังซุบซิบนินทา จนเขาเริ่มรู้สึกรำคาญ แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา


          “นี่พี่มาร์ค...” แบมแบมเอ่ยเรียกด้วยน้ำเสียงเบาหวิว


          “อะไร?” คำตอบรับสั้นๆห้วนๆเป็นอะไรที่ฟังแล้วจี๊ดมากสำหรับแบมแบม แต่เขาก็ไม่ได้คิดจะวีนใส่มาร์คเลย แค่รู้สึกน้อยใจเท่านั้นเอง


          “พี่ประกาศเรียกผมทำไมอ่ะ?”


          “ใช่! ฉันประกาศเรียกนายนี่นา” มาร์คหยุดเดินพลางมองหน้าแบมแบม แต่เขาเห็นเลือดที่แก้มของแบมแบมยังไม่หยุดไหลจึงได้เดินต่อไปยังห้องพยาบาล


          “แล้วพี่ประกาศเรียกผมทำไมกันเล่า!” แบมแบมโวยวาย


          “ฉันแค่จะเตือนให้นายระวังตัวไว้” มาร์คเอ่ย


          “ระวังตัว?... ไม่ทันแล้วมั้งครับ” มาร์คได้ฟังดังนั้นก็ถอนหายใจ... มันไม่ทันแล้วจริงๆนั่นแหละ เพราะแบมแบมได้แผลก่อนที่เขาจะเตือนเสียอีก


          “พี่ทำไมชอบถอนหายใจจังนะ?”


          “มันเรื่องของฉัน!”


          “ผมก็ไม่อยากยุ่งเรื่องของพี่นักหรอก!!” แบมแบมสะบัดหน้าใส่มาร์คแล้วทำจมูกยื่น


          “คิดว่าน่ารักนักหรือไงถึงได้กล้าทำแบบนี้ใส่ฉันน่ะ”


          “......” แบมแบมเลือกที่จะเงียบ


          “เป็นไรไป? พูดแค่นี้ทำไมต้องเงียบด้วย”


          “ผมไม่พูดแล้วพี่น่าจะดีใจนะที่ผมเงียบซะได้นะ” แบมแบมอดไม่ได้ที่จะพูดจาเหน็บแนม


          “อืม” คำตอบสั้นๆทำเอาต่อมปรี๊ดแตกของแบมแบมเริ่มทำงาน


          “พี่วางผมลงเลยนะ! ผมไม่ไปไหนกับพี่ทั้งนั้นอ่ะ!!!” แบมแบมดิ้นแรงขึ้นๆเรื่อยๆ มาร์คเลยต้องเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่งเพื่อให้แบมแบมหยุดดิ้น และมันก็ได้ผล แบมแบมหยุดดิ้นแต่เปลี่ยนมากอดคอมาร์คจนแน่นเพราะกลัวตก


          กระทั่งมาร์คพาแบมแบมมาถึงห้องพยาบาล แต่อาจารย์ประจำห้องพยาบาลดันไม่อยู่ เขาเลยจำเป็นต้องทำแผลให้แบมแบมด้วยตัวเอง


          “อยู่นิ่งๆนะ ไม่งั้นฉันจะเอาทิงเจอราด” มาร์คขู่แบมแบมไว้ก่อนที่เขาจะเริ่มทำแผล


          แบมแบมนิ่งตามที่มาร์คสั่งจริงๆ ขนาดแสบแผลยังไม่คิดที่จะส่งเสียงร้องออกมาจนมาร์คเองยังแปลกใจ แต่เขาก็ยังก้มหน้าก้มตาทำแผลที่หัวเข่าอย่างเบามือที่สุด


          แต่เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมาก็ต้องตกใจเพราะน้ำใสๆของแบมแบมไหลอาบสองข้างแก้ม... แบมแบมร้องไห้ แต่ไม่มีเสียงสะอื้นให้เขาได้ยินเลยแม้แต่น้อย


          “เฮ้อ~” ลมหายใจก้อนโตถูกพ่นออกมาอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง “ขอโทษนะ” มาร์คเอ่ยเบาๆ


          “ฉันทำแผลให้นายแรงไปใช่มั๊ย? เจ็บมากรึเปล่า? ฉัน...ขอโทษนะ” มือของมาร์คสั่นระริกด้วยความกลัวว่าแบมแบมจะร้องไห้หนักกว่านี้ “ฉันขอโทษ...” เขาดึงแบมแบมเข้ามากอดไว้ ส่งผลให้แบมแบมยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม


          “ฉันขอโทษน้า...ฉันขอโทษ” มาร์คได้แต่พร่ำคำขอโทษออกไป เพราะเขาไม่รู้ว่าควรจะพูดคำไหนออกไปเพื่อที่จะปลอบแบมแบมดี


          เวลาผ่านไปแบมแบมเริ่มหยุดร้องไห้ แต่แบมแบมก็ไม่ยอมพูดยอมจาอะไร มาร์คจึงเริ่มทำแผลให้แบมแบมต่อด้วยอาการเก้ๆกัง จนกระทั่งอาจารย์ประจำห้องพยาบาลเข้ามาในห้อง เขาจึงได้ขอความช่วยเหลือจากเธอเพื่อทำแผลแบมแบมต่อให้เสร็จ แล้วเขาก็ขอตัวออกมา


          “เฮ้อ~ วันนี้ฉันถอนหายใจเพราะนายไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย แบมแบม” มาร์คบ่นพึมพำกับตัวเองแล้วถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า


          เย็นของวันเดียวกันซึ่งเป็นเวลาเลิกเรียน มาร์คเดินไปส่งเจบีที่สนามฟุตบอลหลังโรงเรียน จากนั้นก็ตัดสินใจที่จะกลับบ้าน แต่จู่ๆหน้าของแบมแบมก็ลอยเข้ามาในสมอง


          “นายจะเป็นไรมากรึเปล่านะ? จะเดินไหวมั้ย?” มาร์คมุ่งหน้าไปยังห้องพยาบาลทันทีเพื่อถามอาการของคนที่ตัวเองอุ้มมาส่งเมื่อกลางวัน... บางทีเด็กนั่นอาจจะกลับไปแล้ว แต่ถึงงั้นก็เหอะ ขอไปถามอาการจากอาจารย์ที่ทำแผลสักหน่อยว่าอาการเป็นยังไง


          “เอ่อ ขอโทษนะครับอาจารย์” เขากล่าวกับอาจารย์ประจำห้องพยาบาลอย่างสุภาพ


          “ว่าไงจ๊ะมาร์ค” อาจารย์สาวตอบรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


          “คือ... ผมอยากทราบว่า เอ่อ...แบมแบมน่ะครับ เค้าเป็นยังไงบ้าง?” มาร์ครู้สึกว่าอยากตัดมือของตัวเองทิ้งเสียจริงๆเลยที่มันอยู่ไม่สุก หยิบนู่น จับนี่ ไปเรื่อย


          “แบมแบม? อ๋อ...เธอหมายถึงกันต์พิมุกต์ใช่มั้ยจ้ะ เขากลับไปเมื่อกี้นี้เองจ้ะ” อาจารย์สาวยิ้ม “แต่ครูว่าน่าเป็นห่วงนะ”


          “น่าเป็นห่วง? ทำไมครับ?”


          “เหมือนเค้าจะเป็นไข้นิดๆด้วยน่ะ ครูจะไปส่งเค้าก็ไม่ยอม นี่ก็นอนตั้งแต่เราออกไปนั่นแหละ เพิ่งจะตื่นแล้วก็ขอตัวลากลับบ้านไปเลย” อาจารย์อธิบาย


          “ขอบคุณมากครับอาจารย์” มาร์คโค้งลาอาจารย์แล้วรีบวิ่งออกมาด้วยความเร็ว เขาคิดว่าแบมแบมคงยังเดินไปได้ไม่ไกล เมื่อเขาวิ่งออกมาจนถึงหน้าโรงเรียนเขาก็เจอแบมแบมที่ยืนพิงอยู่ข้างรั้วโรงเรียน


          “แบมแบม” มาร์ควิ่งเข้าไปช่วยพยุง


          “พี่มาร์ค...ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอครับ?” เสียงของแบมแบมเบาหวิวราวกับไร้แรงโน้มถ่วง มาร์คใช้หลังมือทาบไปกับหน้าผากของแบมแบมเพื่อวัดไข้ ตามที่อาจารย์บอกว่าแบมแบมเหมือนจะไม่สบาย


          “นายตัวร้อน เดี๋ยวฉันจะพานายไปโรงพยาบาล” มาร์คว่าพลางทำท่าจะอุ้มแบมแบมเพราะเห็นว่าแบมแบมคงเดินไม่ไหวแน่ๆ


          “พี่ไม่ต้องอุ้มผมหรอก...อายคนอื่นเค้าแย่เลย...” แบมแบมเอ่ย


          “ก็นายเดินไม่ไหว! ฉันไม่อายหรอกถ้าจะอุ้มนายน่ะ”


          “พี่อย่ามาโกหกผมหน่อยเลย... ยังไงผมก็ไม่ให้พี่อุ้มหรอก” มาร์คถอนหายใจอีกครั้ง


          “งั้นขี่หลังฉัน ห้ามขัดขืนด้วย” มาร์คหันหลังแล้วก้มลง พลางจับแบมแบมให้ขึ้นขี่หลังของตน ซึ่งแบมแบมก็ยอมแต่โดยดี


          “ผมไม่ไปโรงพยาบาลนะ ผมอยากกลับบ้าน” แบมแบมเอ่ยเสียงแผ่วข้างๆหูของมาร์ค


          มาร์คแบกแบมแบมไปเรื่อยๆตามทางที่แบมแบมบอกว่าเป็นทางกลับบ้านของตน แต่จู่ๆเสียงของแบมแบมก็เงียบไป มาร์คเรียกแล้วเรียกอีกแต่แบมแบมก็ไม่ตอบ เขาจึงตัดสินใจวางแบมแบมลงแล้วเปลี่ยนเป็นอุ้มคนน่ารักแทน เนื่องจากว่า แบมแบมเด็กน้อยได้หลับปุ๋ยไปแล้ว แต่ปัญหายังไม่หมดเพียงเท่านั้น ถ้าแบมแบมหลับ แล้วใครจะบอกทางกลับบ้านแบมแบมกันล่ะ


          “เฮ้อ~” มาร์คถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจอุ้มแบมแบมกลับไปยังบ้านของตน


          มาร์คอุ้มแบมแบมมาจนถึงบ้าน และอุ้มแบมแบมขึ้นไปที่ห้องนอนของตน ...ถ้าเขาวางแบมแบมเอาไว้ที่โซฟาในห้องรับแขก คงจะไม่เหมาะสมนัก


          เขาวางแบมแบมลงบนเตียงได้ไม่เท่าไหร่ เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ไม่ใช่มือถือของมาร์คแต่เป็นมือถือของแบมแบม มาร์คล้วงกระเป๋ากางเกงของแบมแบมและหยิบมือถือออกมา เขามองดูชื่อที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ


          ‘จูเนียร์’



          ...แฟนหรือไงนะ


#ฟิคสั้นมาร์คแบม

1 ความคิดเห็น: