วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

Black Riddle 6


สิ่งที่ผมกลัวมีอย่างเดียว... คือการสูญเสีย...






          มาร์คดึงแบมแบมเข้ามากอดแน่นจนคนที่โดนกอดตัวเกร็ง... เขากอดแบมแบมแน่นขึ้นพร้อมๆกับลูบหัวแบมเบาๆ หมัดที่แบมแบมกำค่อยๆคลายออก...


          “อย่าทำแบบนี้เลยได้มั้ย?” เขาเอ่ยเสียงแผ่วข้างหูผม... “พี่ขอร้อง”


          “แค่ใช้ชีวิตของตัวเองแบบที่เคยเป็นก่อนจะรู้จักกัน... มันไม่ยากหรอก” ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ผมก็ยังไม่มั่นใจตัวเองเลย... ว่าสิ่งที่พูดออกไป ผมจะทำได้จริงๆมั้ย?


          “มันไม่ยาก...” เขากอดผมแน่นขึ้น “แต่พี่ไม่อยากทำ...”


          “เลิกยุ่งกับผมเถอะ” ผมหลับตาลงแน่นเมื่อพูดจบ... ผมกำลังรู้ความรู้สึกของตัวเองชัดเจนก็ตอนนี้... หัวใจมันเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน... แต่ผมไม่ควรให้ใครรู้... โดยเฉพาะเขา


          “ผมไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกับคุณ” ผมกลั้นใจพูดออกไป...


          เคยได้ยินมั้ย?... การปกป้องที่ดีที่สุด ก็คือการทำร้าย


          มาร์คคลายอ้อมกอดก่อนจะมองหน้าผม ใบหน้าเขาดูผิดหวัง 


          ผมเข้าใจ... และผมขอโทษ






          “ถึงปากนายจะบอกว่าไม่ชอบพี่... แต่รู้มั้ย? แววตานายมันไม่ใช่” พูดจบมาร์คก็ล็อคท้ายทอยแบมแบมแล้วดันหลังอีกคนให้แนบชิดผนังห้องทันที ก่อนจะกดริมฝีปากลงบนริมฝีปากอีกคนหนักๆ...


          แบมแบมยกมือขึ้นมาหวังจะผลักอีกคนออก แต่มันกลับกลายเป็นเกาะแขนอีกคนไว้แน่น เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้น เขาคงได้ทรุดลงไปนั่งที่พื้นแน่ๆ มาร์คยกมือขึ้นโอบรั้งเอวบางให้แนบชิดกับตัวเองมากขึ้น จูบหนักๆแปรเปลี่ยนมาเป็นจูบที่เนิบนาบไม่ได้ลุกล้ำ ก่อนที่มาร์คจะผละริมฝีปากเขาออกมา ก็ยังไม่วายกดจูบย้ำลงไปที่ปากอิ่มของอีกคนอีกหลายที..


          “เห็นมั้ย? นายโกหกไม่เก่งจริงๆ” มาร์คเอ่ยก่อนทำท่าจะจูบอีกรอบ แต่แบมแบมไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น เขาเอาหน้าซบลงกับไหล่มาร์คเพื่อหนีการจูบ ก่อนจะโกยอากาศเข้าปอด


          “อยาก...โดนฆ่า.. จริงๆ.. ใช่มั้ย?” ผมขู่ไปพร้อมกับหอบไป ก็รู้ว่าขู่ไปก็ไม่ได้อะไร... แต่... ผมไม่รู้จะพูดอะไรในเวลาแบบนี้


          มาร์คหัวเราะเบาๆก่อนจะจูบลงบนใบหูของผมซ้ำแล้วซ้ำอีกจนผมต้องร้องห้ามให้เขาหยุด... แค่นี้ผมก็อายจะแย่อยู่แล้ว..


          “พอแล้ว...” ผมพยายามเอี้ยวตัวหลบเขา แต่ไม่ว่าจะหลบยังไง เขาก็สามารถตามมาจูบผมได้ทุกครั้ง ทีนี้ไม่ใช่แค่ที่ใบหู แต่มันเป็นทุกส่วนที่ใกล้กับปากเขาเลยล่ะ... ผมล่ะอยากจะตีเข่าใส่จริงๆเลย หมั่นไส้


          “ถ้าไม่หยุดไม่ต้องมาคุยกันอีก” มาร์คชะงัก ผมเลยได้แต่โล่งใจ.. ให้ตาย คนประเภทนี้นี่มัน...


          “หยุดแล้ว...” เขายิ้มแฉ่งออกมาจนเห็นเขี้ยว พลางกระชับมือที่กอดเอวผมอยู่ให้แน่นขึ้น “ทีนี้คุยกันได้แล้วใช่มั้ย?” แบมแบมเงยหน้าขึ้นมองมาร์คตาขวาง แต่มาร์คกลับมองว่าท่าทางแบบนี้มันช่างน่ารัก ถึงตาจะค้อนแต่หน้าแดงเป็นลูกตำลึงขนาดนี้ใครๆก็ดูออกว่าพยายามกลบเกลื่อนเต็มที่


          “โกหกไม่เก่งเลยนะแบมแบม”


          “ผมไม่ชอบโกหก... แต่ผมพูดจริงๆ อย่ายุ่งกับผมเลย ผมอันตรายเกินไป” แววตาของแบมแบมดูเศร้าลง แม้จะแค่เล็กน้อยแต่มาร์คก็ยังสังเกตได้


          “พี่ไม่กลัว...”


          “แต่ผมกลัว...” แบมแบมหลบตามาร์คเพราะไม่อยากให้เขาเห็นว่าแววตากำลังสั่นไหวแค่ไหน... มาร์คใช้มือเชยคางอีกคนขึ้นมา แบมแบมขืนเล็กน้อยแต่สุดท้ายก็ยอมเงยหน้าขึ้น... พวกเขามองลึกลงไปในดวงตาของกันและกัน จนแบมแบมรู้สึกว่า... เขาสูญเสียคนๆนี้ไปไม่ได้...


          “ผมไม่อยากสูญเสียอะไรไปอีกแล้ว” ยิ่งคิดว่าชีวิตจะต้องสูญเสียอะไรไปอีก ผมยิ่งทนไม่ไหว... ถ้าให้ผมต้องเสียเขาไปอีก ผมรับไม่ไหว...


          ทุกวันนี้ผมพยายามทำตัวเองให้เข้มแข็งขึ้น สร้างเกราะต่างๆนานๆขึ้นเพื่อปกป้องตัวเองจากความเสียใจ... ภายนอกผมเป็นแบบนั้น... เข้มแข็ง เพื่อให้ทุกคนที่เป็นห่วงผมสบายใจ... แต่จะมีใครรู้ว่าจริงๆแล้ว ใจผมมันไม่ได้แกร่งตามเลย... ผมยังคงฝันร้ายทุกคืน... ฝันถึงแต่เรื่องเดิมๆ เหตุการณ์เดิมๆซ้ำๆ


          น้ำใสๆเอ่อล้นดวงตากลม เขาไม่ได้เก็บซ่อนความรู้สึกอีกต่อไป... ต่อหน้าคนๆนี้ เขาอยากจะบอกทุกสิ่ง ทุกความรู้สึก...


          มาร์คยกมือขึ้นประคองใบหน้าหวานก่อนจะปาดน้ำตาเบาๆ แบมแบมมองลึกเข้าไปในดวงตาของมาร์ค... เขารู้สึกอบอุ่นใจอย่างประหลาด ก่อนที่มาร์คจะจูบลงบนหน้าผากอีกคนเบาๆเพื่อปลอบประโลม แบมแบมหลับตาลงรับการปลอบของมาร์คอย่างเต็มใจ...


          “เล่าให้ฟังได้มั้ย? ระบายมันออกมาบ้าง”


          “ผม... ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน” มาร์คจับมือแบมแบมเอาไว้แน่นเป็นเชิงให้กำลังใจอีกคน แบมแบมสบตามาร์คก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ “ผม...”


          ก็อก ก็อก


          เสียงเคาะประตูที่หน้าห้องเรียกสติแบมแบม เขาผละออกจากมาร์คก่อนจะใช้ความคิด ใครจะมาเคาะประตูห้องเขาได้อีก... นอกจากยูคและคุณอา ก็ไม่มีคนอื่นแล้วที่รู้จักที่นี่ หรือว่าจะเป็น... ยูค


          ถ้าเป็นยูคจริงล่ะ...


          RRRrrrr


          ไม่ทันให้ได้คิดอะไรต่อก็ต้องสะดุ้งกับแรงสั่นเตือนจากโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง พอหยิบออกมาดูก็พบกับเบอร์คนที่ตัวเองกำลังกังวลอยู่... ไม่รอช้าแบมแบมก็กดรับสายทันที


          (แบม ทำอะไรอยู่? ตอนนี้ฉันอยู่หน้าห้องนาย เปิดประตูให้ฉันหน่อย)


          “เอ่อ.. ทำไมนายยังไม่กลับบ้านอีกล่ะ”


          (นายเป็นอะไรรึเปล่าแบม? ทำไมเสียงแปลกๆ) แบมแบมปาดคราบน้ำตาลวกๆและพยายามทำเสียงตัวเองให้ปกติที่สุด... ก็คนกำลังร้องไห้ เสียงแปลกๆก็ไม่ผิดหรอก


          “ไม่ได้เป็นอะไร พอดีเพิ่งอาบน้ำเสร็จ” ผมจำเป็นต้องโกหกคำโตออกไป... ยูคเงียบ... ผมเลยชิงพูดต่อ “ฉันง่วงแล้วล่ะ แค่นี้ก่อนนะยูค” แบมแบมกลั้นใจรอฟังคำตอบของยูค กระทั่งได้ยินประโยคที่คุ้นเคยเขาก็โล่งใจ


          (พักผ่อนเยอะๆนะ นายเหนื่อยมาหลายวันแล้ว) แบมแบมรับคำก่อนจะกดวางสาย เขาถอนหายใจออกมาอย่างเสียไม่ได้... รู้สึกโล่งใจที่ยูคไม่ติดใจสงสัยอะไรมาก อีกอย่างที่โล่งคือ... อีกคนที่อยู่ในห้องของเขาตอนนี้ ถ้ายูครู้... เรื่องใหญ่แน่ๆ ไม่ทันให้แบมแบมได้รู้สึกโล่งใจได้ดีนัก เขาก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกคนที่ว่า เอามือมารวบเอวตัวเองไว้จากทางด้านหลัง จนเขาต้องหันไปค้อนใส่


          “เมื่อกี้คุยกับใคร?” มาร์คเอ่ยถามพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น


          “ปล่อยก่อน” แบมแบมเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุ และพยายามแกะมือปลาหมึกของผู้ชายที่ชื่อมาร์ค ต้วน ออกไปจากเอว... แต่อีกคนก็ทำหูทวนลม แถมยังเอาหน้ามาเกยไหล่บางไว้อีกด้วย “ผมบอกให้ปล่อยไง.. อยากเจ็บตัวใช่มั้ย?” มาร์คหัวเราะขำกับท่าทางของแบมแบมที่ตอนนี้ทำฮึดฮัด.. แต่จริงๆแล้วหน้าแดง หูแดงเพราะเขินเขาอยู่


          แบมแบมจิ๊ปากอย่างขัดใจ อยากจะถองศอกใส่คนข้างหลังจะแย่.. มาร์คยิ่งเห็นก็ยิ่งอยากแกล้ง เขาจึงจูบลงบนไหล่บางเบาๆ นั่นก็ทำให้แบมแบมถึงกับหน้าชา


          “นี่!!!!” แบมแบมโวยวาย ขณะที่มาร์คได้แต่ยิ้มขำ “ปล่อยผมได้แล้ว! ถ้าไม่ปล่อย พรุ่งนี้ผมจะให้หัวหน้าห้องผมไปโฮมรูมแทน” คราวนี้คำขู่ของแบมแบมได้ผล... มาร์คค่อยๆคลายอ้อมกอดออกช้าๆอย่างไม่อยากปล่อย


          แบมแบมจึงหันหน้ามาเผชิญกับมาร์คตรงๆ พลางส่งสายตาดุมาให้ มาร์คจึงยกมือขึ้นเป็นเชิงว่ายอมแพ้ แบมแบมเลยได้แต่ถอนหายใจ... ผู้ชายคนนี้นี่มัน..


          “กลับไปได้แล้ว” มาร์คส่ายหน้ารัว ทำท่างอแงเหมือนเด็กๆที่ร้องจะเอาขนมแล้วไม่ได้ “กลับไปเถอะครับ ก่อนที่จะค่ำไปกว่านี้”


          “แต่พี่ยังไม่อยากกลับเลย... น้ำตาแบมยังติดตาพี่อยู่” มาร์คเดินเข้าไปใกล้แบมมากขึ้นก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นเกลี่ยที่หางตาแบมแบมเบาๆ “มีอะไรอยากเล่าให้พี่ฟังมั้ย?” แบมแบมยกมือของตัวเองขึ้นมาจับมือมาร์คเอาไว้ ไม่ได้เป็นการปัดมืออีกคนออกจากใบหน้าตัวเอง แต่เป็นการจับมืออีกฝ่ายอย่างตั้งใจ


          “สิ่งที่ผมกลัวมีอย่างเดียว... คือการสูญเสีย...” ทั้งสองคนมองลึกลงไปในดวงตากันและกัน


          “แบมแบม... มันไม่มีอีกแล้วนะ การสูญเสีย พี่สัญญาว่าจะไม่ไปไหน” มาร์คบีบมือแบมแบมแน่น


          “มันไม่เหมือนกัน... การสูญเสียแบบที่ผมหมายถึง ไม่ใช่การเลิกรา... หรือหนีหายไปจากชีวิตผม... แต่มันหมายถึงหายไปจากโลกนี้.. หายไปแบบไม่มีวันกลับมาอีกเลย”


          “ถ้าเป็นเรื่องนั้น... ให้มันเป็นเรื่องของอนาคตได้มั้ย? ปัจจุบันมันสำคัญกว่าไม่ใช่หรอ?”


          “แต่...”


          “ไม่มีใครรู้สิ่งที่มันยังไม่เกิดหรอกนะ วันข้างหน้าจะเป็นยังไงก็ช่างมันสิ ขอแค่ทำวันนี้ให้มีความสุขมันก็พอแล้วไม่ใช่หรอ?”


          “แต่ผมอันตรายนะ” แบมแบมมีสีหน้ากังวลอย่างเห็นได้ชัด... ผมอันตรายจริงๆนะ รอบๆตัวผมมีแต่เรื่องเสี่ยงๆ มีแต่เรื่องไม่ปลอดภัย.. ลำพังแค่ตัวผมเองก็ยังไม่รู้ว่าชีวิตนี้จะอยู่ไปได้อีกนานแค่ไหน... ดังนั้นผมประกันชีวิตให้ใครไม่ได้เลย แม้กระทั่งตัวเอง...


          “ก็แค่เด็กดื้อ ไม่เห็นจะอันตรายตรงไหน” มาร์คว่าพลางใช้มืออีกข้างบีบจมูกแบมแบม “ดื้อมากๆต้องโดนลงโทษนะรู้มั้ย?” มาร์คชิงหอมแก้มแบมแบมฟอดใหญ่ จนคนโดนหอมตีเข้าให้ที่แขน...


          “หยุดเลยนะ! เห็นผมไม่สู้นี่ไม่ใช่ว่านึกอยากทำอะไรก็ทำนะ” แบมแบมชี้หน้าอย่างคาดโทษ แต่สุดท้ายก็พ่นลมหายใจอย่างปลงๆ “กลับบ้านเถอะครับ มืดแล้วนะ”


          “ยังไม่อยากกลับเลยยยย” มาร์คทำท่างอแงใส่แบมแบมไม่เลิก ทั้งทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ ทำตัวเหมือนเด็กๆจนแบมแบมเริ่มทนไม่ไหว


          “กลับไปเดี๋ยวนี้นะ... พี่มาร์ค” มาร์คหยุดงอแงทันทีที่ได้ยิน เขายิ้มจนตาหยีเห็นฟันเขี้ยวทั้งสองข้าง เป็นรอยยิ้มที่มีความสุขอย่างปิดไม่มิด... แบมแบมเรียกเขาว่า พี่มาร์ค


          “พรุ่งนี้เรายังเหมือนเดิมใช่มั้ยแบมแบม?” คนที่โดนถามเลิกคิ้วขึ้นพลางเมินไปทางอื่น ไม่ใช่อะไร... ผมแค่เขินแปลกๆ


          “เหมือนปกติ แล้วก็ห้ามเรียกผมว่าแบมแบมด้วย” มาร์คพยักหน้ารับ


          “พรุ่งนี้ให้มารับมั้ย?”


          “ไม่ต้อง! ผมบอกแล้วไงว่าเหมือนปกติ”


          “ก็อยากเจอเร็วๆนี่... นี่ก็ไม่อยากจากแล้ว” แบมแบมทำหน้าเอือมระอากับผู้ชายที่ชื่อมาร์ค ต้วน อย่างสุดขีด คนแบบนี้เพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก.. จนกระทั่งมาร์คยอมกลับบ้านแต่โดยดี... เพราะเห็นสายตาเด็ดขาดของอีกคน


          แบมแบมเปิดประตูให้มาร์คออกจากห้อง แต่ก็ต้องตกใจเพราะที่หน้าประตู คนที่เขาคิดว่ากลับบ้านไปแล้วยืนอยู่ด้วยท่าทางเคร่งเครียด มาร์คที่กำลังเดินตามแบมแบมมาที่ประตูก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นบุคคลที่สาม


          ไม่ทันให้ได้พูดอะไร... ยูคยอมก็ตรงเข้ามากระชากคอเสื้อของมาร์คทันที เขาผลักมาร์คกระแทกกับโต๊ะจนข้าวของบนนั้นหล่นลงมากองอยู่ที่พื้น.. ดีที่ของที่หล่นลงมาเป็นแค่หนังสือ ไม่ใช่กระเบื้องหรือแก้ว ไม่อย่างนั้นคงได้มีคนเหยียบจนเลือดอาบกันไปบ้างล่ะ


          “ยูค อย่า!!” แบมแบมร้องห้ามพลางพยายามดึงตัวยูคยอมออกจากมาร์ค ถึงจะมีวิชาการต่อสู้พอๆกัน... แต่ยังไงยูคก็มีแรงมากกว่าแบมแบมอยู่ดี..


          ยูคยอมง้างหมัดขึ้นเตรียมจะต่อยหน้ามาร์ค


          “อย่าทำนะยูค” แบมแบมเอ่ยแผ่วเบา ราวกับเสียงกระซิบ... ราวกับคำขอร้อง...


          ยูคยอมลดมือลงพร้อมกับคลายมือที่กำคอเสื้อของมาร์คออกช้าๆ แบมแบมเดินเข้ามาดูมาร์ค เพราะเมื่อกี้ยูคผลักมาร์คไปกระแทกโต๊ะอย่างแรง... ยูคมองแบมแบมและมาร์คด้วยสายตาที่แบมแบมเองไม่เคยเห็นจากยูค


          “ขอบคุณนะ” แบมแบมเอ่ยเบาๆกับเพื่อนรัก ก่อนจะพามาร์คไปนั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆกัน ยูคยอมยังคงยืนอยู่ที่เดิม จนแบมแบมเดินเข้ามาหา


          “นายโกหกฉัน” สีหน้าผิดหวังของยูคทำเอาแบมแบมรู้สึกผิด... ตั้งแต่รู้จักกันมา หลายครั้งที่ผมไม่พูด... หรือพูดไม่หมด... หรือแม้แต่คิดที่จะโกหก... แต่ยูคยอมมักจะบอกผมอยู่เสมอว่า.. อย่าโกหกเค้า...


          “ขอโทษนะ...” แบมแบมจับแขนเพื่อนรัก “แค่ไม่อยากให้นายเป็นห่วง ฉันขอโทษ...” ยูคยอมมองหน้าแบมแบมอย่างนึกโกรธ... แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามารถโกรธคนๆนี้ได้... แค่คิด เขายังไม่กล้าเลย...


          “นายอย่าโกหกฉันอีก... รับปากสิ” แบมแบมพยักหน้า ยูคจึงยิ้มบางๆให้ ก่อนจะหันมาส่งสายตาอำมหิตใส่มาร์คแทน “รู้มั้ยว่าเมื่อกี้ที่โดนมันยังน้อยนะ”


          “มันก็น้อยจริงๆอ่ะ” มาร์คพูดพลางยักไหล่... แบมแบมอยากจะเอามือตบหน้าผากตัวเองเสียจริงๆ นั่นปากหรอน่ะ... คนที่เค้าอารมณ์เสียอยู่แล้ว ยิ่งไปพูดจายั่วยุแบบนี้มันก็ยิ่งไปกันใหญ่น่ะสิ


          “นี่!!!” แบมแบมเอ่ยปรามมาร์ค จนมาร์คยิ้มแหยๆ ...เอากับเค้าสิ มาร์ค ต้วน ไม่กลัวยูคยอม แต่กลับกลัวแบมแบมซะอย่างนั้นไป


          แล้วจู่ๆยูคยอมก็หัวเราะออกมาเบาๆ แบมแบมและมาร์คจึงหันไปมองด้วยความไม่เข้าใจ


          “ขอโทษแล้วกันนะเมื่อกี้” แบมแบมแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยว่าจะได้ยินเพื่อนตัวเองพูดอะไรแบบนี้กับใคร “นี่เห็นว่ากล้าดีอยู่หรอกนะ! ใช้ได้!” มาร์คเองก็งงกับท่าทางของยูคยอมอยู่ไม่น้อย “ไม่ต้องมาทำหน้างงเลย ต่อจากวันนี้ไปนะ... ถ้าฉันรู้ว่านายดูแลแบมไม่ดี ฉันเอาตายแน่”


          “ยูค...” แบมแบมเอ่ยเบาๆ


          “ไม่ต้องสงสัยอะไรทั้งนั้น... แบมไม่เคยปิดบังอะไรฉันได้อยู่แล้วนี่... ท่าทางแบมมันฟ้องหมดทุกอย่าง... สายตาแบมมันบอกออกมาจนหมดเปลือก” ยูคยอมยิ้มให้แล้วดึงแบมแบมเข้าไปกอด


          “มีคนให้เชื่อใจเพิ่มอีกคนนึงแล้วนะแบม...”


          “ขอบคุณนะ”


          “พอและ เลิกซึ้ง” ยูคยอมตัดบทและผละออกจากแบม ก่อนจะชี้หน้ามาร์ค “ส่วนนายอ่ะ กลับเดี๋ยวนี้เลย อยู่นานเกินไปและ!”


          “ก็เพราะใครล่ะ?” มาร์คถามกลับด้วยท่าทางยียวน


          “เออ... ฉันผิดก็ได้... งั้นจะรับผิดชอบด้วยการไปส่งนายถึงบ้านเลย มาร์ค ต้วน!” แบมแบมจึงปล่อยให้ยูคไปส่งมาร์คที่บ้าน เพราะยูคบอกว่าโทรเรียกคนขับรถมารับตั้งนานแล้ว ตอนนี้รออยู่ข้างนอกมาสักพักแล้ว อีกอย่างมันก็มืดแล้วด้วย...


          แบมแบมคงไม่ปฎิเสธหรอกนะ ว่าตอนนี้เขารู้สึกดีแค่ไหน... ขอบคุณนะทั้งสองคน



#ฟิคสั้นมาร์คแบม


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น