Short Fiction : FIND
เช้าวันรุ่งขึ้น
“ทำไมยังไม่มาอีกนะ?” เสียงทุ้มว่าพลางมองไปที่นาฬิกาข้อมืออย่างร้อนรน... ก็ตอนนี้มันน่าจะเป็นเวลาที่มาร์คต้องมาถึงที่โรงเรียนแล้วนี่ แต่ทำไมยังไม่มาอีกนะ!
“พี่เจบีคะ... ฮานึลว่า... รีบไปเถอะค่ะ ฮานึลเตรียมเจ้าหัวขโมยเอาไว้ให้พี่แล้ว!”
“อืม...” เจบีถอนหายใจ แต่ก็เดินตามสาวน้อยคนนั้นไปยังหลังโรงเรียน ซึ่งเป็นสถานที่ลับที่แฟนคลับของเจบีกับเจบีได้นัดกันไว้
“เห้ย! นี่มันอะไรกัน!” เจบีอุทานออกมาด้วยความตกใจ ภาพที่เขาเห็นคือ เด็กหนุ่มคนหนึ่งถูกรุมตบตีโดยบรรดาแฟนคลับของเขาเอง แล้วไหนจะนักเรียนคนอื่นๆอีก ไม่ช่วย แถมยังส่งเสียงตะโกนเชียร์ไม่หยุดปาก “นี่! หยุด! ฉันบอกให้หยุดไง!!” เจบีตวาดเสียงดังจนทุกคนหยุดการกระทำทุกอย่างลง เจบีก้าวเข้าไปหาผู้ถูกกระทำช้าๆ บรรดาแฟนคลับของเจบีก็ค่อยๆเปิดทางให้ และวิ่งไปรวมกลุ่มกันอยู่อีกฝั่งรอดูเหตุการณ์
“นาย...” เจบีนั่งลงและค่อยๆขยับตัวของเด็กหนุ่มที่นอนกองอยู่กับพื้นขึ้นมา “นาย... ไหวรึเปล่า?” เจบีโอบร่างบางกว่าไว้ในอ้อมแขน
“หึ! แค่นี้ไม่ตายหรอก...” เจ้าของใบหน้าขาวซีดที่เต็มไปด้วยรอยนิ้วมือ รอยเล็บ รอยเลือด รอยถลอกต่างๆนาๆ แสยะยิ้มใส่เจบี
“นายคือ...เจ้าของสมุดบันทึกเล่มนั้นใช่รึเปล่า?” เจบีเอ่ยถาม และหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋าของตนเองขึ้นมาเช็ดเลือดที่มุมปากให้คนเจ็บ ซึ่งร่างบางในอ้อนแขนก็ไม่ได้ผลักไส
“นายทำกับฉันถึงขนาดนี้แล้ว... ฉันคงจะไม่มีสิทธิ์ได้ปฏิเสธอะไร” เจบีขมวดคิ้ว “ใช่! ฉันเองที่เป็นเจ้าของบันทึกเล่มนั้น... ฉันเอง... อยากได้นักใช่มั้ย กุญแจเปิดบันทึกนั่นน่ะ...เอาไปสิ” ร่างบางในอ้อมแขนค่อยๆเอื้อมมือไปหยิบสร้อยที่คล้องอยู่ที่คอของตนออกมา ก่อนจะปรากฏลูกกุญแจที่ห้อยอยู่กับสายสร้อยนั่น “นายชนะ...” แล้วสติของเด็กหนุ่มคนนั้นก็ดับวูบไป
“นาย! นาย!” เจบีเขย่าตัวร่างบางเบาๆ แต่ก็ไม่เกิดผลอะไร เขาจึงอุ้มคนตัวเล็กตรงไปยังห้องพยาบาลทันที
“เจบี! เจบี...” บรรดาแฟนคลับของเจบีต่างพากันวิ่งตามพ่อเทพบุตรของตนมายังห้องพยาบาล สร้างความวุ่นวายให้กับห้องพยาบาลเป็นอย่างมาก เจบีจึงตัดสินใจปล่อยร่างบางไว้ให้อาจารย์ประจำห้องพยาบาลดูแล ส่วนตัวเขาเองก็ออกมาจัดการกับกลุ่มแฟนคลับ
“หยุด! หยุดได้แล้วพวกเธอ!” เจบีตะโกนเสียงดังเพื่อสยบเสียงโวยวายของเหล่าแฟนคลับ
“เจบี...ผลงานของพวกเราเป็นยังไงบ้าง” หญิงสาวหนึ่งในบรรดาแฟนคลับของเจบีเอ่ยขึ้น
“เหอะ! พวกเธอทำอะไรลงไปรู้บ้างมั๊ย? ฉันบอกแล้วไงว่าห้ามทำอะไรเค้า ให้พามาแล้วเจรจาอย่างสงบ... แต่นี่อะไร! ไปทำร้ายเค้า รู้มั๊ย? ถ้าพ่อแม่เค้าเอาเรื่องขึ้นมาพวกเธอซวยแน่ๆ”
“พวกเรารู้ว่าเจบีไม่อยากทำไอ้หัวขโมยนี่ แต่พวกเรายอมไม่ได้ที่มันไม่ได้รับโทษที่มันสมควรได้รับ...”
“สมควรได้รับงั้นเหรอ?! พวกเธอบ้าไปแล้วรึเปล่า? โทษที่เค้าควรจะได้รับ ให้พวกเธอมาตัดสินได้เหรอ!!!” เจบีตวาดออกไปอย่างเหลืออด
“เจบี...แต่เรา...หวังดีนะ มันขโมยของของเจบี ไม่สมควรได้รับการอภัย!!!”
“ขโมยน่ะใช่! แต่เค้าขโมยหัวใจของฉันไป...อย่างนี้ พวกเธอยังคิดว่าเขาสมควรได้รับการลงโทษอยู่อีกมั๊ย?!”
“........”
มาร์คขยับเปลือกตาขึ้น พลางขยี้ตาเบาๆ ความรู้สึกหนักที่บริเวณหน้าอกทำให้เขานึกขึ้นได้ว่า ตัวเองนั้นกำลังนอนกอดแบมแบมที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย มาร์คค่อยๆแกะมือแบมแบมออกจากเอว และเลื่อนตัวเองออกมาจากแบมแบมช้าๆ จนกระทั่งเขาสามารถลงจากเตียงได้ เขามองดูแบมแบมอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อจัดการธุระส่วนตัว
ผ่านไปสักพักมาร์คก็ออกจากห้องน้ำโดยนุ่งแค่บอกเซอร์ตัวเดียว เพราะเขายังไม่แน่ใจว่าแบมแบมจะหายดีและพร้อมไปโรงเรียนพร้อมกับเขาแล้วหรือยัง?
“ตัวก็ไม่ร้อนแล้วนี่...” มาร์คว่าหลังจากที่ตนเองได้ใช้หลังมือทาบลงบนหน้าผากของแบมแบมแล้ว “แต่ก็ยังไม่อยากปลุก... นอนต่อไปเถอะ” มาร์คปล่อยให้แบมแบมได้นอนต่อแล้วตนเองจึงเดินไปหยิบเสื้อกล้ามสีขาวมาสวม จากนั้นก็เดินลงไปชั้นล่างเพื่อทำอาหารเช้าให้แบมแบม
“ว่าแต่...ฉันจะทำอะไรดีนะ? นายเพิ่งจะหายป่วย...อืม” มาร์คมองดูวัตถุดิบในตู้เย็น
“อาหารอ่อนๆคงจะดี ทำข้าวต้มนี่แหละ!” มาร์คว่าพลางหยิบเนื้อหมูและผักออกจากตู้เย็น “เพราะนายชมว่าข้าวต้มฉันอร่อย” มาร์คพูดไปยิ้มไป เขาจัดการหุงข้าว และเตรียมอุปกรณ์สำหรับทำข้าวต้ม
มาร์คมองไปที่นาฬิกาบนผนังห้องครัวก็ต้องตกใจ เมื่อเข็มนาฬิกากำลังจะชี้ไปที่เลขแปด ...แสดงว่าวันนี้เขาคงไม่ได้ไปเรียนแล้วล่ะ แต่ยังไงก็ต้องโทรบอกเจบีซะหน่อย
‘หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’
“ปิดเครื่องทำไมวะไอ้นี่นิ่” มาร์คขมวดคิ้วเพราะความกังวล เมื่อวานนี้เจบีบอกเค้าว่า จะเปิดตัวแบมแบม แต่ว่าแบมแบมอยู่ที่นี่ ฉะนั้น คงจะยืดเวลาออกไปได้อีกวัน
“ช่างเถอะ! เดี๋ยวมันมีปัญหาอะไรมันก็โทรมาเองนั่นแหละ” มาร์คส่งข้อความไปยังเบอร์ของเจบีว่าวันนี้ตนเองไม่ได้ไปเรียน ถ้าเจบีเปิดเครื่องก็คงจะรู้เอง
เขากลับมาวุ่นวายอยู่กับอาหารเช้าอีกครั้งโดยไม่ได้สนใจว่ามีใครเดินมาหยุดอยู่ข้างหลังตน
“หอมจังเลยครับ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นข้างหลังทำเอามาร์คถึงกับสะดุ้งตกใจจนมือเฉียดไปโดนหม้อข้าวต้มเข้า
“โอ้ย!” มาร์คชักมือขึ้นแล้วเป่าแรงๆจากนั้นก็เอื้อมมือขึ้นไปจับหูตัวเอง
“พี่มาร์ค!! เจ็บมากมั๊ยครับ! ผมขอโทษ” แบมแบมดึงมือของมาร์คมาเป่าพลางจับมือของมาร์คมาแนบเข้ากับใบหน้าของตัวเองเพราะคิดว่าทำอย่างนั้นแล้วเขาจะหายเจ็บ...เด็กน้อยเอ้ย!
“เจ็บๆ แบมแบมเป่าหน่อยสิ” มาร์คแสร้งทำเป็นเจ็บมากๆ ทั้งๆที่เริ่มหายแล้ว แต่เขาก็ยังอยากแกล้งแบมแบมอยู่ดี
“ฟู่~” แบมแบมเป่ามือมาร์คครั้งแล้วครั้งเล่า... โดยไม่รู้เลยว่า มาร์คนั้นกำลังยิ้มอย่างมีความสุข
“พอแล้วแบมแบม... ฉันหายแล้ว” มาร์คตัดสินใจเลิกแกล้งร่างบางเสียที เพราะกลัวว่าแบมแบมจะเป็นลมล้มพับไป เพิ่งหายไข้แท้ๆ
“ผมขอโทษนะครับ! สร้างความเดือดร้อนให้พี่อีกจนได้” แบมแบมโค้งเก้าสิบองศา
“ไม่เป็นไร...ฉันไม่ระวังเอง” แบมแบมเงยหน้าขึ้นมองมาร์คอย่างรวดเร็วทำให้เขาเกิดอาการหน้ามืด และล้มลง แต่โชคยังดีที่มาร์คคว้าตัวเขาไว้ได้ทัน “ให้ท่าฉันเหรอ?” มาร์คยังไงก็เป็นมาร์คอยู่วันยังค่ำ ปากเสียยังไงก็ยังเสียอยู่อย่างนั้น
“.......” แบมแบมเงียบเพราะความเขินอาย ก็ใบหน้าของเขาอยู่ห่างจากมาร์คไม่ถึงคืบ
“ไม่ตอบก็แสดงว่าให้ท่าฉันจริงๆสินะ” แบมแบมดันตัวเองออกจากมาร์คก่อนจะเอ่ยเบาๆ แต่มาร์คกลับไม่ได้ยินที่แบมแบมพูด “เมื่อกี้นายว่าไงนะ?” มาร์คถามย้ำ
“ผมบอกว่า... พี่เพิ่งรู้เหรอว่าผมให้ท่าพี่น่ะ” มาร์คได้ยินก็ขมวดคิ้ว “โกรธเหรอ? แต่ผมพูดจริงๆนะ พี่น่ะความรู้สึกช้าชะมัดเลย” แบมแบมต่อว่า
“อะ...เอ่อ...หิวมั๊ย?” มาร์คเฉไฉเปลี่ยนเรื่องสนทนา
“เฮ้อ~” แบมแบมถอนหายใจเบาๆ เพราะหมดหวังเมื่อมาร์คมีทีท่าว่าไม่สนใจในสิ่งที่ตนเองพูดไปเมื่อครู่ “ผมไม่หิวอ่ะ พี่ทานไปเถอะ” แบมแบมหันหลังเดินออกมาจากห้องครัว
“เอ้า! แล้วนั่นนายจะไปไหนกันน่ะ!” มาร์ควิ่งไปขวางหน้าร่างบางเอาไว้
“ผมจะไปอาบน้ำ... แล้วจะไปโรงเรียนครับ”
“เรื่องอะไรฉันจะให้นายไปล่ะ... วันนี้ฉันอุตส่าห์ตัดสินใจหยุดเรียนเพื่อมาดูแลนายเลยนะ!” พอแบมแบมได้ฟังดังนั้นก็ดีใจอยู่ลึกๆ แต่ถึงขนาดใช้คำว่า ‘อุตส่าห์’ อย่างนี้ก็แปลว่าไม่เต็มใจ
“ถ้าพี่ต้องอุตส่าห์หยุดเรียนเพื่อมาดูแลผม ผมก็ขอบคุณมากครับ... แต่ผมไม่อยากทำให้พี่ลำบากใจอีก” แบมแบมเบี่ยงตัวและเดินผ่านมาร์คไป
“ฉันเต็มใจ!” มาร์คพูดเสียงดังฟังชัดจนคนที่ได้ยินต้องหยุดชะงัก “ได้ยินรึเปล่าว่าฉันไม่ได้ลำบากใจที่จะทำ” แบมแบมหันหลังกลับมามองมาร์คช้าๆ
“จริงอ่ะ?” แบมแบมถามเพื่อความแน่ใจ
“อื้ม... กินข้าวกันเถอะ” มาร์คยิ้มบางๆพลางจับแขนแบมแบมเพื่อให้เดินไปนั่งที่เก้าอี้ พร้อมกับเตรียมตักข้าวต้มให้คนน่ารัก จากนั้นก็หันไปเทนมจืดใส่แก้วแล้วเอาเข้าเตาอบไมโครเวฟ ใช้เวลาสักพักจึงนำนมออกจากเตาแล้วยกมาวางไว้ข้างๆกับชามข้าวต้มตรงหน้าแบมแบม
“ผมมารบกวนพี่มาร์คจริงๆเลยนะฮะ ขอโทษด้วย” แบมแบมก้มหัวลงเพื่อแสดงการขอโทษมาร์คอย่างจริงใจ
“ฉันเป็นสาเหตุที่ทำให้นายต้องเจ็บตัวนี่...ฉันต้องรับผิดชอบ” มาร์คว่า จากนั้นจึงหันไปตักข้าวต้มใส่ชามตัวเองแล้วยกมาวางไว้หน้าที่นั่งข้างๆแบมแบม
“........” แบมแบมมองหน้ามาร์คนิ่ง แววตาแบบนี้เขาเองก็อ่านไม่ออก
“เป็นอะไรไป?”
“เปล่าครับ...” แบมแบมหลบสายตาเขาแถมยังเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวต้มโดยที่ไม่เป่าให้หายร้อนเสียก่อน เห็นทีจะไม่ได้การแล้ว...
“ไม่เป่าซะก่อนล่ะ เดี๋ยวปากก็พองกันพอดี” มาร์คขยับเก้าอี้ของตนเข้าไปใกล้กับแบมแบมให้มากขึ้น จากนั้นก็แย่งช้อนในมือแบมแบมมาตักข้าวต้มแล้วเป่า เขายื่นช้อนไปจ่อที่ปากของแบมแบม แต่คนน่ารักกลับไม่ยอมรับเอาข้าวต้มที่มาร์คป้อนเข้าปากเสียที
“ผมทานเองดีกว่าครับ” แบมแบมว่าพลางใช้มือจับไปที่มือของมาร์คเป็นการห้าม
“ไม่เอา! ฉันอยากป้อนนาย” แบมแบมถึงกับหน้าเหวอทันทีที่ได้ยินมาร์คพูดอย่างนั้น “อ้าปากสิ!” มาร์คออกคำสั่ง
“ฉันบอกให้อ้าปาก!”
“อ้า~” แบมแบมอ้าปากประชดมาร์ค แต่เขาก็ไม่ได้สนใจ กลับป้อนข้าวต้มแบมแบมไปกระทั่งหมดชาม ก่อนจะบังคับ(?)ให้แบมแบมดื่มนมให้หมด แล้วไล่(?)ไปอาบน้ำโดยที่เขาเองได้ทำการเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้ร่างบางอาบ
“เสื้อฉันตัวใหญ่หรือว่านายตัวเล็กเนี่ย?” มาร์คพึมพำหลังจากที่เห็นแบมแบมเดินสวมเสื้อผ้าของตนออกจากห้องน้ำ
“พี่ว่าอะไรนะครับ?” แบมแบมที่ไม่ทันได้ยินเอ่ยถาม
“เปล่า... นาย... จะทำอะไรมั๊ย?” แบมแบมขมวดคิ้วกับสิ่งที่มาร์คพูด “เอ่อ หมายถึง... อยากดูหนังหรืออ่านหนังสือหรือเปล่า?”
“..........” แบมแบมเงียบพลางเม้มปากใช้ความคิด
“หรือว่านายอยากกลับบ้าน ถ้างั้น...”
“ผมอยากดูหนังครับ... ไม่รู้ว่าจะรบกวนพี่มากไปรึเปล่า?” มาร์คยิ้มบางๆกับความใสซื่อของแบมแบม
“เอาสิ...” ผมว่าก่อนจะเดินไปเปิดโทรทัศน์และเครื่องเล่นดีวีดี ก่อนจะใส่แผ่นหนังเรื่องใหม่ล่าสุดที่เขาเพิ่งซื้อมาแต่ยังไม่มีโอกาสได้ดูเลยสักครั้ง
มาร์คและแบมแบมนั่งดูหนังอยู่ที่โซฟากันจนกระทั่งเที่ยง ท้องก็ร้อง ด้วยความที่ไม่อยากให้แบมแบมต้องทานเมนูเดิมซ้ำๆ จึงโทรสั่งพิซซ่ามากิน
“เอางี้ เล่นเกมกันดีกว่า” มาร์คว่าก่อนจะวางถาดพิซซ่าลงบนโต๊ะในห้องนั่งเล่น
“เกมอะไรหรอครับ?”
“เกมเป่ายิ้งฉุบตอบคำถาม” มาร์คยักคิ้วก่อนจะหยิบพิซซ่าในถาดขึ้นมาชิ้นหนึ่งแล้วส่งให้คนตัวเล็ก
“เล่นยังไงฮะ?”
“กติกาไม่มีอะไรมาก แค่เป่ายิ้งฉุบกัน ใครแพ้ต้องตอบคำถามคนชนะตามความจริง!”
“โอเคครับ” แบมแบมยิ้มกว้างและกัดพิซซ่าในมือแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ
“เริ่มนะ! เป่ายิ้งฉุบ” ครั้งแรกแบมแบมก็แพ้ซะแล้ว เขาออกกรรไกรแต่มาร์คออกค้อน “นายเคยโกรธหรือโมโหใครบ้างรึเปล่า?” มาร์คเริ่มถาม
“ก็มีนะฮะ”
“แล้วนายโกรธเรื่องอะไรเหรอ?”
“หนึ่งคำถามต่อหนึ่งครั้งนะพี่มาร์ค เป่าต่อได้แล้ว” แบมแบมยิ้มทะเล้นๆ
“ก็ได้ๆ เป่ายิ้งฉุบ” คราวนี้ทั้งสองคนออกกระดาษเหมือนกัน “เป่ายิ้งฉุบ” ปรากฏว่าคราวนี้มาร์คแพ้
“อืม...ผมถามอะไรพี่ดีนะ? ...อ่า รู้แล้ว! พี่ชอบสีอะไรอ่ะพี่มาร์ค”
“ถามคำถามเด็กๆมากเลยนะนายเนี่ย” มาร์คหัวเราะหึๆในขณะที่แบมแบมยู่หน้า “ฉันชอบสีแดง ต่อๆ เป่ายิ้งฉุบ” แบมแบมชนะอีกครั้ง
“คราวนี้ผมขอถามพี่ว่า... ตอนนี้พี่มีคนที่ชอบรึเปล่าครับ?” คำถามนี้ทำเอามาร์คอึกอักในการตอบ ครั้นเขาจะตอบว่าไม่มีก็เห็นจะไม่ได้ ในเมื่อยิ่งมองหน้าแบมแบมความรู้สึกมันก็ยิ่งชัดเจน
“อื้ม...มี” มาร์คเลือกที่จะตอบเพียงแค่นั้นแล้วจึงหยิบพิซซ่าชิ้นใหม่ขึ้นมากิน
“อ่อ... ครับ ละ...เล่นต่อเถอะ เป่ายิ้งฉุบ” มาร์คชนะ
“แล้วนายล่ะ มีคนที่ชอบอยู่แล้วใช่มั๊ย?”
“คะ...ครับ” แบมแบมตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนัก
“อ่อ...นั่นสินะ ฉันไม่น่าถาม” มาร์คลูบแก้มตัวเองเบาๆแก้เก้อ ...แบมแบมชอบเจบี เขาเองก็รู้อยู่แล้วจะถามให้มันได้อะไรขึ้นมานะ
“เป่ายิ้งฉุบ...” แบมแบมชนะ
“ผม...ขอถามได้รึเปล่าครับ ว่าคนที่พี่ชอบคือใคร?”
“คือ...” มาร์คอ้ำอึ้งทำสีหน้าไม่ถูก
“ผมขอโทษครับ พี่คงไม่สะดวกที่จะตอบ ผมเปลี่ยน...” แบมแบมยังพูดไม่จบประโยคมาร์คก็พูดขัดขึ้นเสียก่อน
“ฉันเองก็ไม่อยากจะเชื่อหรอก... ว่าเค้าคือคนที่ฉันชอบจริงๆ”
“.........”
“แต่นายจะว่าอะไรมั๊ย? ถ้าฉันจะบอกว่าคนๆนั้น คือ...”
“ผมชอบพี่...” มาร์คนิ่งอึ้ง “ผมทำใจฟังชื่อคนที่พี่ชอบไม่ได้ แต่ผม... ผมชอบพี่จริงๆ นี่คือสิ่งที่ผมอยากจะบอก” สมองของมาร์คประมวลผลกับสิ่งที่ได้ยิน เขาดีใจที่แบมแบมชอบเขา แต่มันคงจะผิดมาก ถ้าแบมแบมจะชอบทั้งเขาและเจบีไปพร้อมๆกัน
“นายจะบ้าเหรอ?... นายเป็นคนยังไงกันแน่นะแบมแบม! ฉันรับไม่ได้หรอกนะถ้านายจะจับปลาสองมือน่ะ!!”
“ผม...”
“นายมันแย่มากเลยนะแบมแบม” มาร์คลุกขึ้นพรวดพราดเดินออกไปโดยไม่ฟังแบมแบมพูดก่อน
“พี่มาร์ค! ฟังผมก่อนสิ” แบมแบมรีบวิ่งตามมาแต่ก็ไม่ทันเพราะมาร์คปิดประตูห้องไปแล้ว
“ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก!” สิ้นเสียงของมาร์ค แบมแบมก็ทรุดลงที่หน้าประตูห้อง น้ำตาคลอ...
“ผมขอโทษฮะ!!” แบมแบมตะโกนใส่ประตูห้องราวกับว่ามันจะส่งผ่านไปยังบุคคลที่อยู่ข้างในได้
ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างไร้ซึ่งการเคลื่อนไหว มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ยังคนเกิดขึ้นกับบุคคลทั้งสอง เวลาผ่านไปเนิ่นนาน แบมแบมตัดสินใจเดินออกจากบ้านไป เพราะคิดถึงคำพูดของมาร์ค
‘ฉันไม่อยากเห็นหน้านายอีก!’
“จบแล้วสินะ... โดนเค้าเกลียดซะแล้วสินะ... แบมแบมคนโง่ ฮึก นายมันแย่ที่สุดเลย ฮือๆ” แบมแบมพ่นคำต่อว่าตัวเองออกมามากมายขณะที่ตนเองเดินไปตามทางเท้า ซึ่งก็ไม่รู้จุดหมายปลายทาง
#ฟิคสั้นมาร์คแบม
จบกันอิพี่นกค่ะ กำลังจะได้เมียยุแล้ว5555
ตอบลบ