Mark’s Memories
สวัสดีครับผมชื่อ มาร์ค ต้วน อยู่มัธยมปลายปีสอง ผมเป็นนักฟุตบอลของโรงเรียน ตั้งแต่เข้ามาอยู่ชมรมกีฬา ผมก็เป็นที่รู้จักมากขึ้น เพราะได้ลงเป็นตัวจริงแข่งกับโรงเรียนอื่นอยู่หลายครั้ง และทุกๆครั้งที่ผมลงแข่ง ทีมผมก็ชนะด้วยฝีมือการทำประตูของผมเสียด้วยสิ ชีวิตผมก็เป็นแบบนี้เรื่อยมากระทั่งขึ้นมัธยมปลายปีสองนั่นแหละ...
วันนั้นเป็นวันเลือกชมรมหลังจากเปิดเทอมใหม่มาแล้วหนึ่งสัปดาห์ ผมถูกวานจากเพื่อนผมเอง ประธานชมรมบาสฯ อิมแจบอม หรือที่ทุกคนรู้จัก และขนานนามมันว่า เจบี ...ที่ไม่ค่อยมีคนเรียกมันว่าแจบอมก็เพราะคนชื่อนี้ ในโรงเรียนนี้มันเยอะมาก ชื่อมันโหลไงครับ... เวลาพูดถึงมันเพื่อให้เข้าใจตรงกันได้ทุกฝ่ายว่ากำลังพูดถึงแจบอมประธานชมรมบาสฯ ก็เลยต้องมีฉายาให้มันหน่อย เรียกไปเรียกมาจนกลายเป็นทุกคนในโรงเรียนต่างก็เรียกมันแบบนั้น...
มันให้ผมมาดูแลรุ่นน้องที่จะมาสมัครเข้าชมรมแทนมัน เพราะมันต้องไปทำเรื่องส่งตัวนักกีฬาไปแข่งบาสฯกันที่อินชอน ในงานสานสัมพันธ์อะไรสักอย่างที่มีอีกโรงเรียนเป็นเจ้าภาพ เพราะไม่มีการแข่งบอลรวมอยู่ด้วยผมเลยไม่ค่อยรู้รายละเอียดเท่าไหร่
บรรยากาศตอนนี้ดูคึกคัก มีนักเรียนปีสองหลายคนมาช่วยกันดูแลน้องๆที่มาสมัคร ผมก็ไม่เข้าใจว่าไอ้เจบีมันจะให้ผมมาทำไมอีก... ผมเลยเลือกหลบผู้คนมากมายมานั่งลงบนอัฒจรรย์ชั้นบนสุดแทน มองไปรอบๆก็เห็นแต่ความวุ่นวาย...
แต่แล้วสายตาผมก็ไปสะดุดตากับคนๆหนึ่งเข้า เขากำลังเดินเข้ามาจากทางหน้าประตูแล้วต่อแถวเข้าคิวรับใบสมัคร ใบหน้าหวานบวกกับรอยยิ้มสดใสนั่นกำลังสะกดผมไม่ให้ละสายตาไปไหน ใบหน้าผมปรากฏรอยยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้…
ผมก้าวลงจากอัฒจรรย์ทันทีแล้วเดินเลียบๆเข้าไปแถวๆที่เค้ากำลังแจกใบสมัครกัน เป็นเวลาเดียวกับที่ถึงคิวน้องคนนั้นพอดี
“สวัสดีครับ... ผมชื่อแบมแบมครับ ขอสมัครเข้าชมรมด้วยคนนะครับ” เสียงหวานเอ่ยพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้ม...
นั่นทำให้ผมรู้แล้วว่า... คนนี้แหละที่ผมรอมานาน
ให้ตายสิ ถึงผมจะพูดอย่างนั้น... แต่ผมก็ปอดแหกเกินกว่าที่จะเดินเข้าไปทำความรู้จักกับน้องเค้าตอนนั้นเลย เพราะมัวแต่ไม่กล้า ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมาจนใกล้จะหมดปีการศึกษา...
ผมมีโอกาสหลายต่อหลายครั้งมากนะที่จะเดินเข้าไปหาแบมแบม แต่ก็เป็นผมเองที่ทำลายโอกาสดีๆเหล่านั้นไปเพียงเพราะคำว่า...
ไม่กล้า
ผมชอบมาขลุกอยู่ที่ชมรมบาสฯ ตอนเย็นทุกวันศุกร์ เหตุผลก็คงไม่พ้น น้องแบมแบม... ที่มักจะมาซ้อมที่ชมรมวันนี้ แต่พอผมเห็นน้องผมก็เลือกที่จะหลบอยู่ในห้องกระจกที่เป็นห้องของประธานชมรมบาสฯอย่างไอ้เจบีมัน ห้องนี้เป็นกระจกทึบ ข้างนอกมองเข้ามาไม่เห็น แต่ข้างในมองออกไปเห็นชัดเจนเลย ทุกท่วงท่าการเดิน การวิ่ง การเดาะลูกบาสฯ การชู้ต ทุกอิริยาบถ ทุกการกระทำของน้อง มันอยู่ในสายตาของผมเสมอ...
ผมทำแบบนี้ทุกอาทิตย์จนเพื่อนๆผมทุกคนเริ่มสงสัย และจับสังเกตได้ว่าผมมาทำอะไร... ผมโดนล้ออยู่นานและก็ขู่พวกมันไว้ว่าห้ามแซว ห้ามล้อ ถ้าหากน้องเค้ารู้ว่าผมชอบ.... ผมจะเลิกคบกับพวกมัน พวกมันก็เลยพากันเงียบไป ไม่ค่อยกล้าแซวผมเท่าไหร่
แต่แล้ววันนึง อายอน ลูกพี่ลูกน้องของไอ้จินยองเพื่อนสนิทผมที่อยู่ชมรมฟุตบอลด้วยกันเดินเข้ามาต่อว่าผม... ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าผมไปทำอะไรให้เธอโกรธ... ทั้งที่ผมกับเธอก็คุยกันไม่บ่อยนัก แต่พอฟังเธอเล่าแล้วผมถึงกับพูดไม่ออกเลย...
“พี่ไปจัดการแฟนคลับพี่เลยนะพี่มาร์ค! บอกให้พวกนั้นเลิกแกล้งเพื่อนอายอนได้แล้ว!” ผมขมวดคิ้ว
“หมายความว่าไง? ใครแกล้งใครนะ?”
“ก็แฟนคลับพี่อ่ะแหละแกล้งแบมแบมอยู่ได้” แค่ชื่อก็เรียกความสนใจจากผมได้แล้ว... แต่ที่บอกว่าแบมแบมโดนแกล้งนั่นทำเอาผมนั่งไม่ติด
“แบมแบมโดนแกล้งอะไร? เรื่องมันเป็นยังไงเล่ามา” แล้วอายอนก็เริ่มเล่าให้ผมฟัง เธอกับแบมแบมเป็นเพื่อนสนิทกันเรื่องนี้ผมไม่รู้มาก่อน รู้แค่ว่าอยู่ห้องเดียวกัน... แต่ก็ไม่เคยถามอายอนเรื่องแบมแบมเลย เหตุผลก็เหมือนเดิม
ผมไม่กล้า...
“ก็เพื่อนพี่แหละตัวดี... พี่แจ็คสันอ่ะ ไปบอกแฟนคลับพี่อ่ะดิ่ว่าพี่ชอบแบมแบม พวกคนที่อิจฉาแบมแบมก็พากันมาแกล้ง... เพราะพี่แหละ! นี่ถ้าอายอนไม่ไปเข้าห้องน้ำแล้วบังเอิญได้ยินพวกนั้นคุยกันนะ ตอนนี้อายอนก็ยังไม่รู้หรอกว่าทำไมแบมแบมถึงโดนแกล้ง”
“แบมแบมโดนแกล้งอะไร? บอกพี่มา”
“โหยพี่... สารพัดสารเพ แรกๆก็คิดว่ามันเป็นอุบัติเหตุนะ แต่หลังๆมันเริ่มไม่ใช่” อายอนถอนหายใจ “แล้วพักนี้แบมแบมต้องอยู่คนเดียวบ่อยขึ้นด้วยเพราะอายอนมีซ้อมร้องเพลง โดนแกล้งอะไรบ้างก็ไม่รู้ แบมก็ไม่เคยปริปากบอกอายอนเลย พอมารู้อีกทีก็ตอนที่เพื่อนในห้องเอามาพูดกันนั่นแหละ”
“......”
“ไม่รู้แหละ! พี่ต้องจัดการให้อายอนด้วย อายอนสงสารแบมแบม ถ้าพี่ไม่ทำ... อายอนจะยกแบมแบมให้คนอื่นไปเลย” อายอนพูดจบก็สะบัดตัวจะเดินออกไป
“เฮ้ยยยยยย” ผมรีบเดินไปขวางหน้าเธอไว้ก่อน “อย่าทำแบบนั้นนะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง”
“อย่านานนักนะ... สงสารแบมแบม”
หลังจากที่อายอนมาบอกผม อีกวันนึงตอนพักเที่ยงผมก็ได้ยินนักเรียนสองสามคนคุยกันเรื่องมีคนน่าสงสารโดนน้ำปลาหกใส่เหม็นไปหมด แต่ผมจะไม่สนใจเลยหากชื่อคนที่โดนไม่ใช่... ‘แบมแบม’
ผมรีบวิ่งออกตามหาแบมแบมทันที ผมถามคนที่ผมวิ่งผ่านไปแทบทุกคนว่ามีใครเห็นแบมแบมมั้ย และโชคดีที่มีคนบอกว่าเห็นเดินไปทางชมรม... ผมเดาว่าน้องเค้าต้องมาเอาเสื้อผ้าไปเปลี่ยนแน่ๆ พอวิ่งมาถึงผมก็รีบเปิดประตูเข้าไปอย่างไม่ทันคิด แล้วภาพที่ผมเห็นก็ทำผมอึ้งไปชั่วขณะ
หลังขาวๆของแบมแบมกำลังปรากฏสู่สายตาผม ผมยกมือขึ้นปิดปากตัวเองด้วยความเขิน... คือผมไม่คิดว่าจะเห็นภาพอะไรแบบนี้นี่ครับ ก่อนที่น้องจะตกใจเมื่อเห็นผมแล้วหันมาโค้งให้ผมพลางขอโทษขอโพย แล้วรีบหยิบของวิ่งเข้าห้องอาบน้ำไป
คือผมก็ไม่เข้าใจว่าน้องเค้าจะขอโทษผมทำไม... ผมนี่สิควรจะขอโทษที่เข้ามาโดยไม่ได้เคาะประตูก่อน แล้วยังจะมาเห็นภาพน้องแบมเปลือย(?)ขนาดนี้อีก
พอน้องเข้าไปในห้องอาบน้ำแล้ว ผมก็ยกมือขึ้นมาจับที่หน้าอกของตัวเอง... ใจผมเต้นแรงมากจนมันจะหลุดออกมาอยู่แล้ว... โอ้ยทำไมผิวน้องแบมถึงขาวเนียนขนาดนี้วะ!
ผมนั่งลงที่ม้านั่งยาวกลางห้อง รอน้องอาบน้ำครับ เรียกว่านั่งเฝ้าน้องเลยจะดีที่สุด... ก็กลัวว่าน้องจะโดนแกล้งอีก แต่พอเสียงฝักบัวถูกปิดไปผมก็รีบออกมาจากห้องทันที... กลัวน้องจะออกมาเห็นว่าผมยังอยู่ แล้วผมจะทำหน้าไม่ถูก...
หลังจากออกจากห้องนั้นผมก็ไปตามหาคนที่บังอาจมาแกล้งแบมแบมของผม(?)... แต่ก็ไม่เจอหรอกครับ เจอแค่แฟนคลับบางคน ผมเลยฝากให้ไปบอกแฟนคลับคนอื่นๆด้วยว่าให้เลิกแกล้งแบมแบมได้แล้ว พวกเธอก็หน้าจ๋อยๆไป
ผมก็คิดว่าไอ้ที่ผมพูดกับแฟนคลับไปมันคงไม่เป็นผลเลยสินะ เพราะอายอนยังคงมาโวยวายใส่ผมว่าแบมแบมยังโดนแกล้งอยู่เลย เธอคาดโทษผมไว้ด้วย เพราะวันนั้นที่แบมแบมโดนน้ำปลา อายอนป่วยเลยหยุดไป เธอหาว่าผมไม่ดูแลแบมแบมให้ดี พอเธอมารู้อีกที...ก็จากปากคนอื่นอีกแล้ว เพราะแบมแบมไม่ยอมเล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังอีกเช่นเคย... เธอถึงกับร้องไห้เลยที่แบมแบมโดนแกล้งแบบนั้น แล้วเธอช่วยอะไรเพื่อนตัวเองไม่ได้เลย
“ไม่รู้ล่ะ... ถ้าพี่ไม่จัดการให้เด็ดขาด อายอนจะยกแบมแบมให้คนอื่นแล่ว!” ผมเลยยื่นคำขาดกับเธอไปว่าจะจัดการอย่างเด็ดขาด หลังจากวันนั้นผมก็คอยตามดูแบมแบมอยู่ห่างๆ และผมก็เห็นว่าแบมแบมโดนแกล้งจะๆ กับตาตัวเอง ผมโมโหมาก แล้วผมก็เห็นคนพวกนั้นที่แกล้งแบมแบมด้วย... ผมเข้าไปขู่พวกเธอว่าให้เลิกทำแบบนี้ ไม่งั้นผมจะแจ้งฝ่ายปกครองให้เรียกผู้ปกครองของพวกเธอมารับทราบความประพฤติ พวกเธอหน้าสลดและรับปากว่าจะไม่ทำอีก
กระทั่งวันหนึ่ง อายอนเธอมาบอกผมว่าผมทำดีมาก ตอนนี้ไม่ค่อยมีใครแกล้งแบมแบมแล้ว มันน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด ผมก็ค่อยโล่งใจหน่อย...
“พี่มาร์ค วันศุกร์นี้ตอนเลิกเรียนแล้วไปรออายอนตรงข้างตึกฟิสิกส์นะ” ผมขมวดคิ้วเป็นปม “ถ้าพี่ไม่ไปจะยกแบมให้คนอื่น” แล้วผมก็ต้องยอมไปแต่โดยดี... มุขนี้ใช้ได้ผลกับผมเสมอเลย
ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจว่าอายอนจะนัดผมมาเจอทำไม แต่ผมก็มา... ตอนนี้ผมอยู่ข้างตึกฟิสิกส์ที่เป็นทางผ่านไปยังชมรมดนตรีของอายอน โดยที่ผมลากไอ้แจ็คสัน หวัง เพื่อนสนิทตัวการที่ทำให้แบมแบมโดนแกล้งมาด้วย... จริงๆแล้วมันแอบชอบอายอนแหละครับ ผมเลยให้มันมาด้วยเพราะคิดว่าเดี๋ยวอายอนคงมา มันจะได้ฟินบ้างอะไรบ้าง...
แต่ผมก็ต้องอึ้งไปเมื่อคนที่มาไม่ใช่อายอนแต่กลับเป็นแบมแบม... หัวใจผมเต้นแรงอีกแล้วจนคนข้างๆมันสะกิดเบาๆให้เก็บอาการ ผมเลยต้องทำมาดขรึมใส่น้องทั้งๆที่น้องเองก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามองผมสักเท่าไหร่หรอก... น้องยื่นจดหมายมาให้ผมแล้วบอกว่าเพื่อนฝากมาให้ ผมงงอยู่สักพักก่อนที่ไอ้แจ็คสันมันจะสะกิดผมอีกรอบให้ผมยื่นมือออกไปรับ
ผมเอื้อมมือไปหยิบจดหมายมา แล้วก็ทำอะไรไม่ถูก... ผมเลยหันหลังแล้วลากไอ้แจ็คสันเดินออกมาทันที.... โอ้ย ทำไมมันเขินอย่างนี้นะให้ตายเถอะ! ผมเขินของผมอยู่อย่างนั้น ไม่ได้สนใจที่ไอ้แจ็คสันมันต่อว่าเลยว่าไม่ได้เจออายอน...
ผมเปิดจดหมายในมือออกมาอ่านอย่างไม่ค่อยเข้าใจอะไรนัก... จะให้เข้าใจอะไรในเมื่อจดหมายมันไม่มีอะไรเขียนไว้เลย มันเป็นกระดาษเปล่าๆ... ผมเลยต่อสายหาอายอนทันที
“พี่มาร์คงงอะไร... นี่อายอนช่วยสุดชีวิตแล้วนะ!”
“ช่วยเรื่อง?”
“ก็แบมแบมไง อายอนรู้ว่าพี่ชอบแบม แต่พี่ก็ควรรู้ไว้อีกอย่างนึงนะ ว่าแบมแบมมันก็ชอบพี่!” ผมอึ้งไป...
“ระ...รู้ได้ไง?”
“สังเกตมาพักนึงล้ะ... ตอนเทอมหนึ่งแบมชอบหายไปบ่อยๆตอนเย็นๆ วันนึงอายอนเลยแอบตามแบมไป ก็เลยรู้ว่ามาแอบดูพี่มาร์คซ้อมบอลนี่เอง... ที่ไม่ได้บอกเพราะแบมแบมไม่ได้เล่าให้ฟัง... และอายอนไม่แน่ใจว่าพี่มาร์คจะคิดยังไงกับแบม แต่พอรู้เรื่องจากแฟนคลับพี่พวกนั้นนะว่าพี่ชอบแบมแบม อายอนเลยอยากให้พี่จีบแบมได้แล้ว... เดี๋ยวก็ยกแบมให้คนอื่นซะหรอก... ไม่รู้แหละ แค่นี้ก่อนนะอายอนมีซ้อม”
ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าที่อายอนพูดคือเรื่องจริง... โอ้ย ผมดีใจอ่ะ แต่ผมก็ไม่กล้าจีบแบมแบมอยู่ดี ทำยังไงดีล่ะทีนี้
#ฟิคสั้นมาร์คแบม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น