ฟิคกระเรียน = เกรียนฟิค
#ฟิคกระเรียน
-5-
ABSINTHE
ตอนช่วงประมาณสองทุ่มครึ่งไอ้ยักษ์มันก็ขับรถมารับผมที่ห้อง วันนี้มันแต่งตัวได้หล่อมากบอกเลย เชี่ย คนหรือนายแบบวะ แค่มึงยืนเฉยๆมึงก็เท่แล้วอ่ะ กูล่ะอิจฉาส่วนสูงมึงจริงๆ
“มองกูงี้... หลงเสน่ห์กูอ่ะดิ๊” มันเอ่ยแซวผมเมื่อผมยืนสำรวจร่างกายมันอยู่นานกว่าจะขึ้นรถ
“ถุ้ย! กูแค่มองว่ามึงจะแต่งตัวเยอะไปไหนหรอก” ผมจิ๊ปากก่อนจะคาดเข็มขัดนิรภัย
“แล้วมึงไม่เยอะเลยนะครัช” ไอ้ยูคเหล่ตามองผมก่อนจะออกรถ ...
“เยอะตรงไหนวะ?” ผมบ่นกับตัวเองพึมพำ ก่อนจะมองสำรวจตัวเองอีกครั้ง... กูเนี่ยนะเยอะ นี่กูน้อยที่สุดแล้วจะบอก...
จริงๆนะ วันนี้ผมใส่เสื้อหนังสีดำด้านคลุมด้านนอก ส่วนด้านในเป็นเสื้อกล้ามสีขาวตัวบางๆ ก็ที่ใส่หนังดำทับมาเนี่ยเพราะเสื้อกล้ามมันบาง... ถ้าถามว่า บางแล้วจะใส่ทำไม?... ก็เพิ่งซื้อมาอ่ะ ยังไม่เคยใส่ เลยประเดิม จบป้ะ? และกางเกงก็แค่หนังดำขลับ รองเท้าผ้าใบสีดำ... นี่ไม่ได้จะไปงานศพใครนะถึงแต่งขาวดำ แต่เข้าใจป้ะ ขาวดำนี่แม่งไปได้ทุกงานจริงๆ ยิ่งงานกลางคืนนะ บอกเลย แซ่บ...
ใช้เวลาไม่นานรถของไอ้ยูคมันก็ขับมาจอดที่ลานจอดรถข้างตัวผับ... ตอนนี้ก็ใกล้จะสามทุ่มแล้ว แต่คนเยอะดีจริงๆ นี่มึงไม่คิดจะไปหลับไปนอนเลยรึไงครับ?
แล้วมึงล่ะ...
บอกเลย สามทุ่มมันไม่เคยเป็นเวลานอนของกรูวววว
ผมกับไอ้ยักษ์เดินเข้าไปด้านในผับที่ตอนนี้เปิดเพลงดังกระหึ่ม บีทหนักๆเล่นเอาผมอยากเต้น แต่ยังก่อน... ขอบิ้วท์อารมณ์ด้วยอะไรเบาๆสักสองสามแก้วก่อน...
ผมกับไอ้ยูคได้นั่งที่ด้านในหน่อยเป็นโซฟาซึ่งมันก็กว้างอยู่พอสมควร โซนตรงนี้เป็นโซนวีไอพี ดีนะที่ได้ตรงนี้เพราะไอ้ยักษ์มันจองไว้ ไม่งั้นคงได้นั่งเบียดๆกับคนอื่นแน่ๆ
“มึงนัดใครมาอีกป้ะเนี่ย?” ผมเอ่ยถามมันไปขณะยกแก้ว Dry Martini ในมือขึ้นจิบ
“ทำไมทีงี้ฉลาด” มันเอ่ย ผมถลึงตาใส่แม่ง
“จองที่นั่งได้เกือบสิบคนขนาดนี้ จะให้กูคิดว่ากูกับมึงมานั่งแดกเหล้าด้วยกันสองคนหรอ?” พ่องงงงง
“เออ ฉลาดก็ดี” มันหัวเราะชอบใจ “เดี๋ยวพี่มันก็มากันแล้ว สั่งไรแดกไปก่อน” ไอ้ยูคว่าพลางสั่งเมนูอาหารกับพนักงาน
“พี่หรอ? อย่าบอกนะว่าแก๊งค์เมื่อวาน” ผมเบะปากน้อยๆเมื่อคิดได้ว่าพี่ที่ไอ้เชี่ยยูคมันหมายถึงอาจจะเป็นแก๊งค์เมื่อวาน ถ้าใช่กูต้องรีบแดกล้ะ... เดี๋ยวพวกแม่งมาจะห้ามไม่ให้กูแดกอีก
“อือ” สินะ... กูจะไม่ทน ดังนั้น ขอจัดหนักเลย ณ จุดๆนี้
ผมยก Dry Martini ในมือกระดกเข้าปากรวดเดียวหมดจนไอ้ยูคหันมามอง ซึ่งผมก็ยักไหล่ให้มันไปก่อนจะสั่งแก้วที่สอง ไม่นานแก้วที่สองก็ถูกยกมาเสิร์ฟพร้อมๆกับอาหารที่ไอ้ยูคมันสั่งไป ผมกำลังจะยกแก้วขึ้นกระดก ไอ้พวกพี่เวรมันก็เดินเรียงหน้ากันเข้ามา
ชิบหายแล้ว... กูเพิ่งขึ้นแก้วที่สองเอง อย่าเพิ่งห้ามกูนะ
ผมจำใจต้องวางแก้วในมือลงแล้วลุกขึ้นยืนโค้งให้พวกพี่แม่งก่อนจะผายมือเชิญพวกมันนั่ง มากันครบเชียวนะ... พี่เจบีแอนด์เมีย พี่หวัง พี่มาร์ค และพ่วงท้ายมาด้วยพี่ยองแจ...
นั่นไง กูบอกแล้ว ยองแจใสๆไม่มีจริง
พี่มันก็เดินแยกย้ายกันมานั่งข้างผมกับไอ้ยูค คือตอนนี้ผมกับไอ้ยูคนั่งกลางไง พี่จินยองที่เห็นผมก็รีบวิ่งเข้ามากอดแล้วถือโอกาสนั่งข้างๆกันไปเลย ส่วนพี่เจบีไม่ต้องพูดถึง รายนั้นตามติดพี่จินยองยังกับจรวด นั่งลงมาตามๆกัน
ส่วนไอ้พี่แจ็คมันก็เดินไปนั่งข้างไอ้ยูค เพราะข้างพี่เจบีนั้น... พี่มาร์คได้ทำการหย่อนตูดลงไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...
ส่วนพี่ยองแจ รายนั้นขอตัวไปห้องน้ำ คือเพิ่งมาถึงก็เข้าห้องน้ำเลยหรอวะ? หรือต้องไปบิวต์อารมณ์ในห้องน้ำให้พนักงานสับไข่สักทีสองทีก่อน เอ้ย นี่กูพูดอะไรออกไป... ลืมๆมันไปเถอะครับ
“วันนี้นุ้งแบมแต่งตัวน่ารักจังเลย” พี่จินยองยิ้มจนตาหยีให้ผม... อ่า ตีนกานี่มันชักจะชัดเจนขึ้นทุกวันนะครับ
“น่ารักตรงไหน? วันนี้ผมดาร์กมากนะบอกเลย” ผมหัวเราะกับพี่จินยอง เอาตาที่ไหนดูวะ... กูแต่งออกจะแมน บอกกูน่ารัก ถรุ้ยยย!
“น่ารักเพราะเป็นแบมแบมไง” ว่าแล้วพี่แกก็จับแก้มผมยืดออกทั้งสองข้าง อ๊ากกกกกก เล่นแก้มกูจัง ตั้งแต่เด็กๆล้ะนะ
หมับ
อยู่ๆพี่เจบีก็มาดึงมือพี่จินยองออกจากแก้มผมแล้วลากออกไปจากตรงนั้น... เฮ้ยยย หึงป้ะน่ะ? ถ้าใช่... บอกเลยมึงหึงโหดไปนะ แต่... มึงจะมาหึงอะไรกับกรูวววเล่าาาาาา
ผมส่ายหน้าน้อยๆเมื่อมองตามไป เห็นพี่เจบีแกลากพี่จินยองเข้าไปในดงผู้คนที่กำลังเต้นกันอยู่ ก่อนที่ทั้งคู่จะหายไปจนผมมองไม่เห็น ตามสบายนะพี่... เรื่องนี้ผมจะไม่ยุ่ง
ผมหยิบแก้ว Dry Martini ขึ้นมาถือไว้อีกรอบ โชคดีนะครัชทั้งพี่เจบีและพี่จินยอง ดีแล้ว...ไม่มีใครอยู่ห้ามกูแดก หึหึ
ผมยกแก้วในมือขึ้นจิบน้อยๆก่อนที่หางตาจะเหลือบไปเห็นคนที่เคยนั่งอยู่ไกลจากผมที่สุดกำลังเลื่อนตัวเองเข้ามานั่งข้างๆผมแทนที่พี่จินยอง ผมชะงักมือก่อนจะลดมือลงแล้วหันไปมองไอ้พี่หัวแดงข้างๆที่ตอนนี้นั่งมองหน้าผมอยู่ก่อนแล้ว
“พี่มาร์คดื่มไรดี?” ผมถามออกไปก่อนจะหันกลับมาสนใจ Dry Martini ในมือตัวเองอีกครั้ง แต่แล้วพี่มันก็หยิบแก้วในมือผมไปหน้าตาเฉย
“พี่นั่นแก้วผมนะ” ผมเอ่ยท้วง แต่มันก็ไม่เป็นผลเมื่อพี่มาร์คกระดก Dry Martini ของผมจนหมดแก้ว...
เชี่ยยยยยย ของกูววววว T^T
“พี่อยากกินทำไมไม่สั่งใหม่อ่ะ แก้วนั้นผมกินไปแล้วนะ” ผมโวยไปนิดๆ พลางเบะปากหน่อยๆ
“ขี้เกียจรอ” ดู๊ ดู... ดูมันตอบ... มึงก็ช่วยรอหน่อยไม่ได้หรือไงวะครับ? พ่อคนใจร้อน แหม่!
ผมเลิกสนใจพี่มันแล้วหันไปสั่ง Dry Martini แก้วใหม่ให้พี่มัน ก่อนจะสั่ง Dirty Martini ให้ตัวเอง พอสั่งเสร็จพี่มันก็หันมามองผมแล้วขมวดคิ้ว...
คืออะไร...
“ใครบอกว่าจะกิน Dry Martini” พี่มันพูดก่อนจะส่งสายตาค้อนๆมาให้
เอ้า! ก็มึงเพิ่งแย่งกูกินไปเมื่อกี้...
“ผมจะไปรู้เหรอ? ก็เห็นเมื่อกี้แย่งผมกิน” ผมเบะปาก ทำแก้มพองลมแล้วหันหน้าหนีพี่มัน...
“แขนหายรึยัง?” จู่ๆมันก็โพล่งขึ้นมาจนผมตกใจ อ้าวไอ้สัส เปลี่ยนเรื่องไวชิบ
“อะ...อือ ก็โอเคแล้วแหละ” ผมหันหน้าไปหาพี่มันก่อนจะเอ่ย “ขอบคุณสำหรับยาแล้วก็ข้าวนะพี่มาร์ค”
“.....” พี่มันไม่ตอบแต่หันหน้าหนีไปอีกทาง
ผมหันไปมองพี่มันตรงๆ คนเค้าอุตส่าห์ขอบคุณ นอกจากจะไม่เอออออะไรกับกูแล้วมึงยังเมินกูอีก ชิ!
แก้ว Dry Martini และ Dirty Martini ถูกยกมาวางบนโต๊ะ ผมถือทั้งสองแก้วเอาไว้กับตัว พี่มาร์คมันหันมามองด้วยสีหน้าแปลกใจ
“พี่บอกว่าพี่ไม่กิน” ผมยื่นแก้ว Dry Martini ไปทางพี่มันเล็กน้อยก่อนจะดึงกลับ “งั้นผมกินเอง” ว่าพลางกระดกเอาของเหลวสีใสในมือไปจนเกลี้ยง
“บอกเมื่อไหร่ว่าจะไม่กิน!” จู่ๆพี่มันก็ตะคอกใส่ผมจนผมสะดุ้ง ไอ้เชี่ย แค่นี้ต้องตะคอกกูด้วย
“งั้นพี่ก็สั่งใหม่แล้วกัน!” ผมตะคอกกลับบ้าง แล้ววางแก้ว Dry Martini ที่ตอนนี้ไม่เหลือสักหยดไว้บนโต๊ะอย่างแรง ก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมกับ Dirty Martini ในมืออีกข้าง...
พี่มันลุกตามแล้วทำท่าจะยื่นมือมาหยิบแก้วในมือผมไป แต่ผมไวกว่าเอี้ยวตัวเอาแก้วหลบมันได้ทันแล้วเบี่ยงตัวหลบออกมาทางฝั่งไอ้ยูคทันที
ไอ้ยูคกับไอ้พี่หวังที่นั่งก๊งกันอยู่สองคนก็มองผมกับพี่มาร์คสลับกันไปมา ตอนนี้ผมยืนอยู่ข้างพี่หวัง เรียกว่ายืนค้ำหัวพี่มันอยู่ แล้วมองไปที่พี่มาร์คอย่างค้อนๆ...
คนเชี่ยไร เอาใจยาก เข้าใจยาก
พี่มาร์คทำท่าจะเดินข้ามไอ้ยูคมาทางผมก็ต้องชะงักเมื่อผมพูดกับพี่มันก่อน
“พี่อยากกินไรพี่ก็สั่งเอานะพี่มาร์ค จะได้ไม่ต้องมาแย่งผม” ว่าแล้วผมก็กระดก Dirty Martini ในมือจนหมดแล้ววางแก้วไว้ที่โต๊ะก่อนจะเดินแหวกผู้คนเข้าไปในกลุ่มที่เค้ากำลังเต้นกันอย่างเมามัน กูไม่สนใครล้ะ... กูจะแดนซ์
ผมเข้าไปผสมโรงกับกลุ่มคนที่กำลังเต้นกันอย่างสนุกสนานไปตามเสียงเพลง มีหลายคนส่งสายตามาทางผมประมาณว่าอยากรู้จัก อยากเต้นด้วย แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ กูอยากเต้นคนเดียว มีปัญหาป้ะ?
ผมก็เต้นไปโยกไปตามจังหวะอย่างอารมณ์ดีกระทั่งผมก้าวถอยหลังไปชนใครคนหนึ่งเข้า เอาคือเอาดีๆนะ กูยังก้าวถอยหลังไม่เต็มก้าวเลยด้วยซ้ำเหอะ นี่มึงอยู่หลังกูหรือจะสิงกูเนี่ย? ผมหันไปมองคนที่เพิ่งชนก่อนจะเอ่ยขอโทษ
“นั่งโต๊ะพี่มั้ย... เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง” ชายหนุ่มอีกคนว่าพลางจับเข้าที่ข้อมือผมราวกับจะพาให้เดินไปที่โต๊ะตัวเองอย่างที่พูด ผมยื้อแขนตัวเองไว้ มันหันกลับมามองผม
“ผมยังไม่ได้บอกเลยว่าจะไป” ผมสะบัดแขนจนหลุดจากมือมันก่อนจะหรี่ตามอง “ขอตัวก่อน” ไม่รู้ยังไงนะ... แต่รู้สึกว่าไอ้หมอนี่มันไม่น่าไว้ใจเลย ให้ตายสิ
“เดี๋ยวสิ อยู่คุยกันก่อนไม่ได้หรอ?” มันขวางทางผมไว้ก่อนจะทำหน้าอ้อนๆ ผมเหยหน้าน้อยๆ ไอ้เชี่ย คิดว่าน่ารักหรอมาอ้อนกู...
อ้อนมือ อ้อนตีนกูล่ะสิไม่ว่า
“ไม่สะดวกฮะ” ผมตอบปัดๆ
“อ้อ... เลิกตามผมได้แล้วนะ ผมมีแฟนแล้วครับ” ผมตัดบทไปก่อนจะเบี่ยงตัวเดินออกมา อย่าหาว่าเป็นคนตอหลดตอแหลเลยนะ กูจำเป็นมาก ณ จุดๆนี้ที่ต้องโกหกว่ามีแฟนแล้ว...
แต่มันก็ยังตามมาตื้อผมอยู่นั่นแหละ
“ขอพี่เลี้ยงสักแก้วนะ” ผมกรอกตาไปมาอย่างหงุดหงิด เมื่อเห็นว่ามันยังคงหน้าด้านตื้อผมไม่เลิก ถ้าขืนเดินกลับไปที่โต๊ะตอนนี้ ไอ้นี่มันต้องตามผมไปอีกแน่ๆ
“แก้วเดียวแล้วจบนะ ห้ามตามผมมาอีก” ผมเดินนำมันออกมายังเคาท์เตอร์ ให้บาร์เทนเดอร์ชงให้ยังปลอดภัยกว่าให้ไอ้นี่ชงให้ที่โต๊ะเยอะเลย ไม่รู้จะเอาไรให้กูแดก พอมาถึงผมก็อ้าปากจะสั่ง แต่มันก็ชิงสั่งไปก่อนผม
“ABSINTHE ให้น้องคนนี้ด้วย” ผมชะงักไปเล็กน้อย
“ของผม GIN TONIC” มันสั่งเสร็จก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆกับที่ผมยืนอยู่... ผมเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มตัวเอง...
แอ๊บแซงธ์
ไอ้สัส... จะมอมกูเหรอ?
“เปลี่ยนเป็น ABSINTHE สองแก้วครับ” ผมหันไปสั่งบาร์เทนเดอร์แล้วหันมามองหน้ามันด้วยหน้าตากวนตีนๆ
“ไหนๆก็เลี้ยงผมแล้ว ขอแบบสูสีหน่อยล้ะกัน” ผมเอ่ยกับอีกคนที่ทำหน้าเหวอๆ
หึ! ไอ้สัส คิดว่ากูไม่รู้จักหรอ... ไอ้เหล้าเหี้ยเนี่ยกูเคยได้ยินประวัติมานานและ แต่ยังไม่เคยได้ลองจริงๆจังๆสักครั้ง แม่งหาแดกยากชิบหาย แต่ที่นี่มีด้วยหรอวะ? ดีเลย... มันแพง กูจะได้แดกฟรีไม่เสียเงิน และยังได้ลองไอ้ที่อยากลองด้วย
“รู้จักด้วยหรอ ABSINTHE เนี่ย” มันมองผมอย่างทึ่งๆ
“ก็เคยได้ยินมาบ้าง แต่ยังไม่เคยลอง”
“แล้วไม่กลัวหรอ?” มันยกยิ้มมุมปากมาให้ผมก่อนจะเลียริมฝีปากล่างของตัวเอง... เอิบบบ
“พนันกันดูมั้ยล่ะ? วันช็อต... ใครล้มก่อนแพ้” ผมเอ่ยอย่างท้าทายไปให้มัน ซึ่งมันก็ระเบิดหัวเราะออกมา มึงรู้จักกูน้อยไป... บอกเลย!
“ถ้าน้องแพ้... ต้องไปกับพี่นะ” ผมชะงักเล็กน้อย “ถ้าพี่แพ้... พี่จะไม่ยุ่งกับน้องอีก”
“ดูเหมือนเงื่อนไขมันไม่ค่อยแฟร์กับผมเลยนะ เอางี้... ถ้าพี่แพ้ จ่ายเงินให้โต๊ะผมด้วยเป็นไง เพื่อนผมมาหลายคน” ไอ้นี่มันก็ยังคงหัวเราะชอบใจ... มึงคงจะรวยมากสินะไอ้ห่า... โต๊ะกูก็สั่งของมาแดกเยอะนะโว้ยย
“ตกลง” มันรับคำด้วยท่าทางมั่นใจเสียเต็มประดาว่าต้องชนะผมแน่ๆ
ผมหันไปบอกบาร์เทนเดอร์ให้เป็นพยาน...
ระหว่างที่รอบาร์เทนเดอร์ผสม ABSINTHE สีเขียวกับน้ำตาลก้อนที่ถูกน้ำเย็นไหลผ่านลงไปจากช้อน ไม่นานนัก ABSINTHE สองแก้วก็ถูกวางลงบนเคาท์เตอร์ตรงหน้าผมกับมัน
มันยกแก้วของมันขึ้นเป็นเชิงว่าจะให้ผมชนแก้วกับมัน ผมเลยยกขึ้นมาชนตอบ
“วันช็อต” ผมบอกก่อนที่ทั้งผมและมันจะกระดก ABSINTHE สีเขียวซีดๆนั่นให้ไหลลงคอไปจนหมดแก้ว
ไอ้เหี้ยยยยยย
แม่งแรงงงงงง
ผมวางแก้วในมือลง... ร้อนคอแทบไหม้ หันมองอีกคนที่เพิ่งจะวางแก้วลงที่โต๊ะเช่นกัน ตอนนี้หน้ามันแบบเหมือนคนเมายากันยุง มันเอามือลูบที่คอตัวเองราวกับกินของร้อน
ก่อนที่มันจะหันมามองหน้าผมแล้วเอามือมาจับไหล่ผมไว้ข้างหนึ่ง.. มันไม่ได้จะทำอะไรผมหรอกนะผมว่า... มันแค่จะหาที่ยึดเฉยๆ ไอ้เชี่ยยยย แล้วมึงมายึดกูด้วยนะ
ถามหน่อยเหอะ มึงแดกเองมึงยังเป็นขนาดนี้ กูก็แดกนะได้ข่าว...
แต่ขอโทษ.. พี่มันเซียนแล้วไอ้น้องเอ้ย! จะมอมเหล้าพี่ยังเร็วไปอีกสิบชาติ...
ไอ้เหล้าปีศาจที่เค้าว่า มันก็ไม่เท่าไหร่นี่หว่า...
ฟุบ
.
.
.
#ฟิคกระเรียน
งานนี้พี่มาร์คเก็บศพแบมได้เลย
ตอบลบฮ่าๆๆ
พูดยังไม่ทันจบประโยค 555555555555555555555 แมนๆเตะบอลมากมั้ยแบม
ตอบลบรอนานเเล้วน่าา
ตอบลบแบมมมมมมมมมมมมมม 5555555555555
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบใครฟุบ 555
ตอบลบ55555 ตลกกอ่ะแบมฟุบชัวว
ตอบลบแบมเป้นคนตลกกกกก ใครฝุบกันนนนนนนนน
ตอบลบ