ฟิคกระเรียน = เกรียนฟิค
#ฟิคกระเรียน
แม่งเอ้ยยยย หนีเสือปะจระเข้ชัดๆ
“ขอโทษครับ แต่ผมคงช่วยไม่ได้”
“ทำไมล่ะ... ช่วยเราหน่อยนะ…”
ทำไมใครต่อใครถึงอยากให้กูไปเป็นนางเอกให้นักวะ?..
คือทำไมไม่บอกว่าจะให้เป็นพระเอก กูจะรีบตอบตกลงทันทีเลย
“นะๆๆ”
โห อีเควี่ยยยย ตื๊อกูเหมือนตอนอยู่โรงหนังอีกแล้วนะ..
นี่กูต้องเลือกสินะ…
อีสลัด(ผัก)
“คือผมรับเล่นให้เรื่องสั้นของพี่จินยองแล้วอ่ะครับ”
“เย้!!!!” สิ้นประโยคผม…
เสียงอีพวกพี่แก๊งจังไรแมนดังขึ้นแบบประสานเสียง… ท่าทางมึงคงดีใจกันมากสินะ… อีเลววว
พวกมึงกำลังมีความสุขบนความทุกข์ของกู มึงรู้ไว้ด้วย
“เล่นเป็นอะไรหรอ?” อีพี่บีไอมันถาม…
ผมถอนหายใจออกมาก่อนจะอ้าปากเตรียมจะบอก…
คือกูต้องพูดใช่มั้ย? กูไม่ได้มีความรู้สึกภูมิใจอะไรเลยกับการที่ได้มาเล่นให้อีพวกพี่จังไรพวกนี้
ให้กูเป็นนางเอกแม่งคือความอัปยศที่สุดในชีวิตกูล้ะ #ร้องเหี้ยหนักมาก
หมับ
ผมหันไปมองหน้าอีคนข้างๆที่เดินมาโอบไหล่ผมไว้…
มันคือ อีเชี่ยพี่ต้วนนี่หว่า…
“แบมแบมเล่นเป็นนางเอก… ส่วนฉันเป็นพระเอก… ทั้งในเรื่องและนอกเรื่อง”
โหยยยย จ๊าดหง้าวววว มึงน้ำเน่ามากถึงมากที่สุด
วลีนี้ท่านได้แต่ใดมา?
“หมายความว่า...”
“ในฐานะที่นายเป็นพี่เทคแบมแบม
ฉันอนุญาตให้นายเทคแบมแบมได้ตามสมควร แต่ถ้ามากไป… อย่าหาว่าฉันไม่เตือน
เพราะนายกำลังมายุ่มย่ามกับคนของฉัน”
อีเหี้ยยย
นี่มึงท่องบทอยู่ป้ะเนี่ย อินเนอร์มาเต็ม… ละครไทยยังอายอ่ะมึง!
นี่มึงท่องบทอยู่ป้ะเนี่ย อินเนอร์มาเต็ม… ละครไทยยังอายอ่ะมึง!
พี่บีไอมันมองหน้าผม
เหมือนต้องการให้ผมพูดอะไรสักอย่างกับมันก็ได้…
คือกูจะพูดอะไรได้ล่ะมึง อีเชี่ยพี่ต้วนเล่นพูดมัดมือชกกูขนาดนั้นแล้ว คือกูกับอีเชี่ยพี่หัวแดงนี่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันก็จริง… แต่ถ้าขืนกูปฎิเสธสิ่งที่มันพูดไป… แล้วกูจะเป็นยังไงต่อไปล่ะมึง คิดดู!
คือกูจะพูดอะไรได้ล่ะมึง อีเชี่ยพี่ต้วนเล่นพูดมัดมือชกกูขนาดนั้นแล้ว คือกูกับอีเชี่ยพี่หัวแดงนี่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันก็จริง… แต่ถ้าขืนกูปฎิเสธสิ่งที่มันพูดไป… แล้วกูจะเป็นยังไงต่อไปล่ะมึง คิดดู!
ฮืออ กูแกล้งตายได้มั้ยอ่ะ?
“เอ่อ… ผมว่าผมกลับเลยดีกว่า
นี่มันก็เย็นมากแล้วด้วย” ผมบอก
“เดี๋ยวไปส่ง/เราไปส่งเอง”
เอิบบบบบบ
อีเชี่ยพี่มาร์คกับอีเชี่ยพี่บีไอพูดออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
และผมก็รู้สึกได้ถึงพลังงานบางอย่างที่มันสองคนปล่อยใส่กัน…
ชิบหาย อันตรายแล้วกู มาคุทั้งสองคนเลย…
เหยดแหม่
“ผมว่าผมกลับเองดีกว่าเนอะ” ผมพูด… นี่เป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับกูล้ะ
กูกลับเองสบายใจ...
“เดี๋ยวฉันไปส่งแบมแบมเอง… หิวพอดีเลย เดี๋ยวขากลับจะแวะซื้อของกินเข้ามาเผื่อนะ” พี่ยองแจเดินมาลากผมออกจากพี่มาร์ค และผ่านหน้าพี่บีไอไป..
ผมซึ่งยังงงๆอยู่ก็ได้แต่งงต่อไป แต่ก็ขอบคุณที่มึงช่วยให้กูหลุดจากตรงนั้นมาได้นะ
“ไปด้วย” อีพีแจ็คตะโกนตามหลังมา
“ไม่ต้อง!” พี่ยองแจหันไปบอกเสียงเฉียบขาด
โอ้มายก็อด อีพี่แจ็คมันไม่ตามมาจริงๆด้วย
.
.
.
“ทำไมถึงช่วยผมอ่ะ?” ผมถามหลังจากลงลิฟท์มาถึงที่จอดรถแล้ว
พี่ยองแจมันเดินนำไปที่รถก่อนจะบอกให้ผมขึ้นรถ
“ก็แบมช่วยเล่นเป็นนางเอกให้ไง” มันยักไหล่
โถวววว
“งั้น...” ผมส่งสมุดลายเซ็นไปที่มัน
มันหันมาเลิกคิ้วใส่ผมทันที
“รู้แล้วหรอ?”
“แน่ล่ะสิ… พี่เซ็นให้ผมเลย
แล้วผมจะยอมเล่นให้แต่โดยดี” มันหัวเราะก่อนจะหยิบเอาปากกาเน้นข้อความที่อยู่บนรถมาขีดๆเขียนๆลงไปบนสมุด
“ทำไมพี่ถึงฉายาเศรษฐีบ้านนาอ่ะ?”
“ก็เป็นคนมีเงินที่อยู่ต่างจังหวัดไง
ยูโน๊ว?” มันบอกด้วยความภาคภูมิใจก่อนจะสตาร์ทรถ
พี่เทคกูนี่…
มีตังทุกคนเลยมึงว่ามั้ย? กูคงโชคดีสินะที่อยู่เทคนี้
มั่นใจได้เลยว่าพี่เทคกูต้องเลี้ยงดูปูเสื่อกูเป็นอย่างดี และอิ่มหนำสำราญมากอ่ะ…
แต่อีกนิดนึงจะดีล้ะ ถ้ามันไม่ใช่มึงอ่ะ!
กูยังไม่ชินกับมึงจริงๆนะ บอกเลย! อีพี่ยองแจ
แต่... ไหนๆก็อยู่กันแค่สองคนแล้ว…
ได้โอกาสกูล่ะ…
ก่อนอื่นก็ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะ
สำหรับคนที่สนใจอยากเผือกเรื่องคนอื่น…
หลักของการเผือกก็คือ… มึงต้องเผือกให้ถูกที่ถูกเวลา…
และที่สำคัญ ต้องเรียนรู้วิธีการ… ว่าเผือกยังไงให้เนียน
“แล้วนี่ทำไมพี่ถึงไม่ให้พี่แจ็คมาด้วยกันอ่ะพี่ยองแจ”
ผมถามด้วยท่าทางชิวๆ แบบไม่ได้สนใจอยากจะได้คำตอบมากนัก… แค่อยากดูปฎิกิริยาของอีพี่แตงมันเท่านั้นเอง
“มันบ้า น่ารำคาญ”
เดี๋ยวๆ ที่มึงพูดมันเป็นคำด่า แต่ทำไมมึงกลับยิ้มอ่ะ?
“พวกพี่แลสนิทกันจัง เหมือนผมกับไอ้ยูคเลย”
ผมพูดเปรยๆขึ้นมา
“ไม่เหมือนหรอก เพราะแบมไม่ได้ชอบยูคยอมนี่”
“มันก็จริง...”
ห๊ะ!! พูดงี้หมายความว่า...
“เฮ้ย!! งั้นแปลว่าพี่ก็ชอบพี่แจ็คอ่ะดิ”
“อ้าวยูคยอมไม่ได้เล่าให้ฟังหรอ?” พี่มันเลิกคิ้วแล้วเลี้ยวรถมาที่ซุปเปอร์มาเก็ต ผมส่ายหน้า
ไอ้เชี่ยยูคมึงรู้อะไรมาแล้วไม่เล่าให้กูฟังอีกแล้วนะ
สัสเอ้ย!
“ไม่ได้เล่าอ่ะ ผมตกข่าวอะไรไปเนี่ย?”
พี่ยองแจมันจอดรถ ปลดเบลท์แล้วบอกให้ผมลงจากรถ
“ไปช่วยซื้อของกินหน่อย” ผมลงจากรถแล้วเดินตามมันเข้าซุปเปอร์ฯไป
“พี่ยองแจเล่าให้ฟังหน่อยดิ เรื่องพี่กับพี่แจ็คอ่ะ”
ผมบอกอ้อนๆ
“มันไม่ค่อยน่ารู้นักหรอก ยูโนว แมน!?”
“ไอด๊อนโนว์ บัทไอว๊อนทูโนว์ เทลมีพลีสสสส”
“งั้นเดินซื้อของไป เล่าไป แล้วกัน โอเค๊?”
“โอเคเลย” ผมยิ้มให้พี่มัน
ก่อนที่มันจะเริ่มเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง
“เมื่อวานแจ็คมันมาหาพี่ที่บ้าน ยูคยอมมาส่ง… สภาพมันดูแย่มากเลย”
“เมื่อวานแจ็คมันมาหาพี่ที่บ้าน ยูคยอมมาส่ง… สภาพมันดูแย่มากเลย”
“กูแค่อยากบอกว่ากูชอบมึง
แต่ถ้ามึงจะโกรธจะเกลียดกู กูก็ขอโทษ… กูคงไม่ห้ามไม่ให้มึงรู้สึกแบบนั้น
แต่กูจะไปเอง”
“.....” ยองแจยืนเงียบมองไปที่แจ็คสันด้วยสีหน้านิ่งๆ
“กูจะไม่ทำให้มึงลำบากใจ...” แจ็คสันบอก
“มึงกำลังทำให้กูลำบากใจอยู่ไอ้แจ็ค” ยองแจถอนหายใจเบาๆก่อนจะหันหลังให้
“กูขอโทษ...”
“มึงไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นน่ะแหละ...
กูจะให้มึงไปก็ต่อเมื่อมึงไม่ได้ชอบกูแล้ว โอเคนะ...” ยองแจหันกลับมามองแจ็คสันด้วยสีหน้าจริงจังอีกครั้ง
“มึงหมายความว่ายังไง?”
“กูหมายความตามที่พูด… ถ้ามึงไม่เข้าใจ ก็กลับไปนอนนึกสิ่งที่กูพูดไปเมื่อกี้ก็แล้วกัน”
“ถ้ากูอยู่… มึงจะไม่ลำบากใจหรอ?”
“ไม่นี่… แต่กูจะลำบากใจกว่า…
ถ้ามึงไป…”
“.....” แจ็คสันยังคงขมวดคิ้วไม่เข้าใจในสิ่งที่ยองแจพูด
“ทำไรกูไว้รับผิดชอบหน่อย”
“รับผิดชอบ?” แจ็คสันถามด้วยสีหน้ามึนงงเข้าไปอีก
“เชี่ย! จำไม่ได้ไงมึงจูบกูอ่ะ ไอ้เตี้ย!”
ยองแจหน้าขึ้นสี ไม่รู้ว่าเพราะโมโหหรือเพราะเขิน
แจ็คสันถึงกับยิ้มออกมาอย่างเสียไม่ได้…
“กูจำไม่ได้ว่ะ… สงสัยต้องลองอีกสักที”
แจ็คสันเดินตรงเข้าไปล็อคยองแจไว้แน่นและทำท่าจะจูบ
ก่อนจะโดนยองแจเอามือผลักหน้าออกมา
“เชี่ยมึงตัวเหม็น!
ไปอาบน้ำอาบท่าให้สภาพมึงดีกว่านี้แล้วค่อยมาทำแบบนี้กับกู กลับไปได้แล้ว!”
ยองแจยืนหน้าแดงก่ำ ส่วนแจ็คสันก็ยืนยิ้มแฉ่ง
ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยความรู้สึกเดียวกัน
“อี๋… ขนลุกอ่ะพี่”
หลังจากฟังอีพี่ยองแจมันเล่าจบ ผมนี่... เบ้ปากรัวๆเลยครัช…
โอ้ยเชี่ยยย กูบอกไม่ถูกว่ากูจะเขินดี หรือหมั่นไส้ดี
กูจั๊กกะเดียม แค่นึกภาพตามกูก็สยิวกิ้วแล้วอ่ะมึง นิ้วกูหงิกมากตอนนี้...
“พี่ก็รู้สึกแบบนี้ตอนที่เห็นนายกับมาร์คเป็นแบบนี้เหมือนกันนั่นแหละ”
เอิบบ.. เชี่ยแม่ง มึงยิ้มแบบนี้ให้กูอีกแล้ว
กูพลาดอีกแล้วสินะ… ดีออก
“ผมไม่เคยทำไรแบบนี้สักหน่อย
พี่มั่วแล้วพี่ยองแจ”
“หรอ” มันพูดออกมาคำเดียว
ถ้าฟังแค่เสียงอาจไม่คิดอะไร แต่ถ้ามึงฟังเสียงมันไปด้วยแล้วมองหน้ามันไปด้วย
มึงจะคิดว่ามันน่าถีบมากอ่ะ กูนี่อยากกระโดดขาคู่เสยใต้คางแม่งจริงๆให้ตายเถอะ!
“แต่ยังไงก็ดีใจด้วยนะพี่ยองแจ… สมหวังกันสักทีเนอะ”
“มันดูเหมือนว่าทุกอย่างลงเอยด้วยดีใช่มั้ย?”
ผมเลิกคิ้วใส่พี่มัน… มันก็ต้องดีดิ… ไม่ได้มีใครสักคนผิดหวังสักหน่อย
“ก็ลงเอยด้วยดีไม่ใช่หรอพี่… พี่แฮปปี้ พี่แจ็คแฮปปี้ ทุกคนแฮปปี้ เอฟวะรี่บอดี้อิสแฮปปี้”
“ไอติ๊งค์โซ… แต่จำคำพี่ไว้นะแบมแบม…
ความรักมันไม่ใช่ทุกอย่าง วันนึงเราก็ต้องทิ้งความรักไว้
เพื่ออะไรสักอย่าง… แม้จะรักมากก็ตาม” ผมขมวดคิ้วให้กับท่าทางจริงจังของมัน
แล้วไหนจะคำพูดมันอีก...
“ถ้าเรารักมาก… แล้วเราจะทิ้งมันไปเพื่ออะไรอ่ะพี่?”
“พี่ก็ตอบไม่ได้หรอก… เมื่อถึงเวลาเราก็จะรู้เอง” ผมเงียบไป…
คนที่ทิ้งความรักไป…
ก็คือคนที่หมดรักแล้ว…
มันไม่มีเหตุผลที่จะยกมาอ้างได้อีกหรอก…
ทิ้งไป ทั้งๆที่รักมาก…
ทิ้งไป เพราะรักมาก…
เหตุผลมันตลกสิ้นดี...
ยองแจลอบมองแบมแบมที่นิ่งไปอย่างจับสังเกต…
แบมแบมเหมือนจมดิ่งลงไปในความคิดของตัวเองแล้วในตอนนี้… นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นอีกด้านหนึ่งของแบมแบม ที่ภายนอกดูจะเป็นคนกวนๆ
เกรียนๆ ไม่สนใจสิ่งใดๆ…
เห็นทีว่าเรื่องนี้…
มันจะต้องมีอะไรซะแล้วสิ
ยูคยอมน่าจะเป็นผู้อธิบายให้ยองแจเข้าใจได้ทั้งหมด
จะเผือกเรื่องเค้า…
ต้องแน่ใจนะ
ว่าจะไม่แสดงอะไรออกไปให้เค้าเป็นฝ่ายกลับมาเผือกเรื่องของตัวเองแทน… ยองแจได้กล่าวไว้
.
.
.
“พี่โทรเรียกผมมาทำไมเนี่ย?” ยูคยอมที่พอมาถึงห้องจินยองก็บ่นแล้วบ่นอีก
“ทำไม? พี่เทคสุดที่รักเรียกมาไม่ได้รึไงยูคยอม”
แจ็คสันเอ่ยพร้อมกับเดินมาเขย่งขาแล้วล็อคคอยูคยอม
“ถ้ามันลำบากพี่… ให้ผมย่อให้มั้ย?”
ยูคยอมเอ่ยกวนตีนแจ็คสันจนโดนเบิ๊ดกะโหลกไปหนึ่งทีเบาๆ
“เล่าเรื่องนุ้งแบมให้ฟังหน่อยสิ” จินยองเอ่ย
“เรื่องอะไรหรอพี่จินยอง?” ยูคยอมเลิกคิ้วถาม…
“หลักจากที่พี่ย้ายบ้านไป...กระทั่งถึงตอนนี้
มีเรื่องใหญ่ๆอะไรเกิดขึ้นกับแบมแบมบ้าง” ยูคยอมหลุบตาลงต่ำก่อนจะเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง
“พี่ถามทำไมอ่ะ ไปรู้อะไรมาหรอ?”
“พูดงี้แสดงว่ามีอะไรสินะ...” เจบีบอก
ยูคยอมเลยตบปากตัวเองไปหนึ่งทีเป็นการลงโทษที่เผลอหลุดพูดอะไรออกไป
“เล่ามาเถอะยูคยอม คนกันเองทั้งนั้น…
ตอนนี้เราเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ” ยองแจบอก
ยูคยอมได้แต่ถอนหายใจ
“มันไม่ใช่เรื่องของผมอ่ะพี่… ถ้าเป็นไปได้ผมก็ไม่อยากพูด...”
“เล่ามาเถอะยูคยอม… พี่อยากรู้”
มาร์คบอกด้วยสีหน้าจริงจัง
“งั้นผมเล่าคร่าวๆนะ…” ยูคยอมถอนหายใจ
“แต่ผมบอกไว้ก่อน
ทางที่ดีพี่อย่าไปถามหรือพูดอะไรกับมันเรื่องนี้เด็ดขาด… ทุกวันที่มันเป็นอยู่ตอนนี้
ผมว่ามันดีมากแล้วนะ… ถ้าพี่รับปากผม ว่าจะฟัง… เพื่อรู้เอาไว้เฉยๆ ผมก็จะเล่า” ทุกคนพยักหน้า
“โอเค… ” ยูคยอมหายใจเข้าจนเต็มปอด
“เมื่อตอนม.4 ไอ้แบมมันเคยมีแฟนคนนึง
เป็นผู้หญิง มันรักแฟนคนนี้มาก คบกันได้ปีกว่า อยู่มาวันนึง
แฟนมันเดินมาบอกเลิกมันพร้อมกับดอกกุหลาบสีแดงที่มันชอบ… วันนั้นผมก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย”
“ถึงเราจะเลิกกัน... แต่เราก็ยังรักแบมอยู่นะ” แบมแบมปาดอกกุหลาบในมือลงบนพื้น
“ถ้ายังรัก… แล้วจะเลิกทำไม?” แบมแบมขมวดคิ้วแน่นเป็นปม
“เราต้องย้ายไปอยู่ที่อื่น”
“มันไม่ใช่เหตุผลที่ต้องเลิก ฉันไม่เลิก” แบมแบมหันหลังให้แฟนตัวเอง เพื่อสงบสติอารมณ์
“เราไม่ได้รักแบมแล้ว..” แบมแบมนิ่งไป... ก่อนที่จะหันกลับไปมองหน้าเธอ... เขาไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้ยินประโยคนี้จากปากคนที่ตัวเองรัก...
“อะไร… เมื่อกี้บอกยังรัก
ตอนนี้บอกไม่รัก เล่นอะไรอยู่...”
“เราคบคนอื่นแล้ว ขอโทษ”
“ไอ้แบมมันกลับมาที่บ้าน มันก็เอามือดึงต้นกุหลาบที่ปลูกไว้ทั่วบ้านทิ้งหมด... ถึงหนามจะตำเลือดออกแค่ไหนมันก็ไม่สน”
“นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้แบมแบมไม่ชอบกุหลาบสีแดงใช่มั้ย?”
ยองแจถาม ยูคยอมพยักหน้า
“หลังจากเกิดเรื่องมันก็กลายเป็นอีกคนเลย…
ผมแทบไม่รู้จักมันด้วยซ้ำ มันเปลี่ยนไปมาก ผมถึงบอก… ว่าที่มันเป็นอย่างทุกวันนี้ มันดีแล้ว...”
“แล้วทำไมน้องแบมแบมถึงกลับมาเป็นคนเดิมเหมือนตอนนี้ได้ล่ะ
ไม่ใช่ว่าลืมเรื่องนั้นไปแล้วหรอ?” แจ็คสันเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ผมว่าพี่ไม่ควรถามคำถามนี้นะ… เพราะถ้าพี่คิดว่ามันลืมได้แล้ว พี่คงไม่เรียกผมมาถามหรอก… การที่พี่เรียกผมมา… แปลว่าพี่ต้องรู้ต้องเห็นอะไรมา
และแน่นอนว่าไม่ใช่ไอ้แบมที่เป็นฝ่ายเล่าให้ฟังแน่” พอยูคยอมพูดจบทุกคนก็เงียบ…
“ส่วนที่พี่ถามว่าทำไมมันถึงกลับมาเหมือนเดิมแบบทุกวันนี้
คงต้องขอบคุณพี่คุณ… ลูกพี่ลูกน้องของมันที่ย้ายมาอยู่ด้วยนั่นแหละ
ผมก็ไม่รู้ว่าพี่คุณทำยังไง… แต่ผมก็รู้สึกขอบคุณ...ที่พี่คุณมา”
“โถ ทำไมนุ้งแบมน่าสงสารขนาดนี้” จินยองเบะปากและน้ำตาคลอที่นัยน์ตาเหมือนจะร้องไห้
“นิสัยมันจริงๆแล้ว ผมจะบอกให้..” ยูคยอมมองไปที่มาร์ค เหมือนเป็นการเจาะจงคนที่อยากจะบอก
“ไอ่แบมคนที่พี่เห็นว่ามันดูเกรียนๆอ่ะ
เหมือนมันไม่คิดอะไร… อะไรยอมได้ก็ยอม อะไรทำได้ก็ทำ…
จริงๆแล้วมันโคตรจะอ่อนนอกแข็งในอ่ะพี่… เห็นมันยอมๆ
ในใจมันด่าพี่ไฟแล่บอ่ะ” ยูคยอมหัวเราะเบาๆ
“เออ ก็คิดอยู่ว่ามันต้องด่ากูในใจแน่เลย”
เจบีเอ่ย
“จริงๆมันเป็นคนคิดมากนะพี่… แต่บางครั้งมันก็ไม่แสดงออกมาหรอก… มันเป็นพวกเก็บความรู้สึกตัวเองเก่งมาก
ตั้งแต่คบกันมาผมยังไม่เคยเห็นน้ำตามันสักหยด… นอกจากเวลามันป่วยแล้วเพ้ออ่ะ
นั่นเป็นจุดพีคของมันเลย… ความรู้สึกที่เก็บไว้ในใจทุกอย่างมันจะระบายออกมา…”
“ไม่เคยร้องไห้เลยหรอ?” แจ็คสันถามเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ผมก็บอกอยู่ว่ามันเคยร้องตอนมันป่วย
พี่นี่ฟังไม่เข้าใจหรอพี่แจ็ค”
“ไอ้ยูคยอม!!”
“มันเคยป่วยอยู่ครั้งเดียว
ตอนพี่คุณมาไม่กี่อาทิตย์... พี่คุณคอยดูแลมัน... ตอนผมไปเยี่ยม
พี่คุณบอกว่าแบมแบมร้องไห้ใหญ่เลย ผมนี่แทบไม่เชื่อหูตัวเอง...
แต่มันเป็นเรื่องจริง”
“แบมแบมนี่น่ากลัวเหมือนกันนะ… เห็นหน้าหวานๆแบบนั้น เอาเรื่องน่าดู”
“แบมแบมที่พี่ควรระวังคือแบมแบมโหมดเก็บความรู้สึก…
เพราะพี่จะไม่มีวันรู้เลยว่ามันคิดอะไรอยู่… และที่สำคัญมันจะเปลี่ยนไปจากตอนนี้ที่เป็นอยู่มาก…
มากจนพี่กลัวใจมันเลย”
“เปลี่ยนไปเหมือนตอนที่โดนบอกเลิกน่ะหรอ?”
“ก็ประมาณนั้นมั้ง… ผมไม่อยากนึกถึงตอนนั้นเลย…”
“ก็ประมาณนั้นมั้ง… ผมไม่อยากนึกถึงตอนนั้นเลย…”
#ฟิคกระเรียน
เม้นได้นะไม่ว่า 5555
เม้นได้นะไม่ว่า 5555
โอ้ววววววว
ตอบลบน้องแบมม
คอนเฟิร์มได้ค่ะเจบีว่าแบมมันด่าแกไฟแลบ(ในใจ)
ตอบลบแบบกลายเป็นคนเย็นชาอย่างงี้เหรอ
ตอบลบ