วันอาทิตย์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

Black Riddle 9


ผมคิดถึงพี่มากเลย... พี่มาร์ค





          แบมแบม



          มาร์คสะดุ้งตื่นจากภวังค์ อันที่จริงเขาสะดุ้งตื่นจากการงีบหลับเสียมากกว่าหลังจากที่วันนี้เข้าเวรมาทั้งวัน คนไข้ก็เยอะมากจนเขาแทบไม่มีเวลาพักหายใจ แต่เขาก็ทำใจยอมรับเรื่องนี้ตั้งแต่ที่ตัดสินใจมาเป็นหมอประจำอยู่โรงพยาบาลที่ต่างจังหวัดแห่งหนึ่งในเกาหลีแล้ว


          หลังจากเรียนจบเขาทำงานที่นี่ได้ประมาณหนึ่งปีครอบครัวเขาไม่ว่าที่เขาจากบ้านมาทำงานไกลขนาดนี้ทุกคนเข้าใจว่าหลังจากวันนั้น ชีวิตผมก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง



          วันนั้นที่ผมรู้ว่าคนที่ผมรัก จากผมไปแล้วตลอดกาล



          คุณหมอมาร์คเหนื่อยหน่อยนะคะวันนี้ คนป่วยกันเยอะเพราะอากาศเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ



          ครับคุณก็เหนื่อยเหมือนกันมาร์คพูดกับพยาบาลสาวเธอเป็นคนที่นี่ ตอนผมเข้ามาทำงานที่นี่แรกๆ ก็ได้เธอนี่แหละช่วยชี้แจง อธิบายผมในหลายๆเรื่อง


          นี่เสื้อไหมพรมค่ะ ฉันถักมาให้เธอวางถุงกระดาษลงบนโต๊ะผม


          ขอบคุณครับซอนมีไม่เห็นต้องลำบากเลยครับ ผมเกรงใจ


          ฉันเต็มใจค่ะ...เธอยิ้มให้ผมก่อนจะเดินออกจากห้องไปมาร์ครู้ดีว่าที่เธอทำให้เขาทุกอย่างเพราะอะไรแต่เขาเองที่ปฎิเสธเธอไปเขาไม่สามารถรักใครได้อีกแล้วเขาเลยได้แต่รู้สึกผิดต่อซอนมีเธอเป็นคนดี แต่ผมรักเธอไม่ได้จริงๆ


          มาร์คเอื้อมมือขึ้นมาลูบแหวนที่เขาเอาคล้องไว้กับสร้อยคอของตัวเองอย่างนึกถึง…. เจ้าของแหวนวงนี้


          เขาสัญญากับแบมแบมเอาไว้แล้ว


          ว่าเขาจะไม่ไปไหน


          ไม่มีวันไปไหน


          คุณหมอมาร์คคะเคสด่วนที่ห้องฉุกเฉินค่ะพยาบาลและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆวิ่งกันให้วุ่นวาย ขณะที่มาร์คเองก็เร่งฝีเท้ามาที่ห้องฉุกเฉิน


          เมื่อมาถึง เขาพบกับคนไข้นอนไม่ได้สติอยู่ที่เตียง เป็นเด็กผู้ชายวัยรุ่น อายุราวๆสิบห้าสิบหกเห็นจะได้และที่สะดุดตาคือแมสสีขาวขนาดใหญ่ที่เขาใส่ปกปิดใบหน้าไว้


          หัวใจมาร์คเต้นแรงอย่างตกใจแวบแรกที่เขาเห็นแมสนั่น ทำให้เขานึกถึงคนๆนั้นขึ้นมา


          คนไข้เกิดอาการช็อคไปค่ะคุณหมอ ตอนนี้อุณหภูมิร่างการอยู่ที่สี่สิบองศาเซลเซียสเสียงของนางพยาบาลเรียกมาร์คให้หลุดจากความคิด เขากลับมาสนใจความเป็นจริงที่เกิดขึ้นตอนนี้อีกครั้ง..


          นายจะช่วยมีชีวิตที่ดีเพื่อแบมได้มั้ย?”


          ต้องขอบคุณประโยคนี้ของยูคยอมที่ทำให้ทุกวันนี้ผมยังอยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปผมคิดว่า แบมแบมต้องภูมิใจในตัวผมแน่ๆ


          รู้สึกยังไงบ้างครับ?” มาร์คเดินตรวจคนไข้แต่ละห้องเช่นทุกวัน เขาชอบมาเยี่ยมคนไข้ในเคสของตัวเองอยู่เสมอได้พบปะ ได้พูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้เรียนรู้เรื่องราวของพวกเขาเหล่านั้น


          ดีขึ้นมากแล้วค่ะคุณหมอ ขอบคุณคุณหมอมากนะคะมาร์คยิ้มให้กับหญิงชราคนหนึ่งอย่างอ่อนโยน แล้วเดินไปปิดกระจกที่เปิดแง้มไว้เล็กน้อยเพราะลมเย็นๆพัดเข้ามา อาจทำให้คนไข้ของเขาอาการแย่ลงได้


          ระหว่างที่มาร์คปิดกระจกและมองออกไปข้างนอกหน้าต่างนั่น สิ่งที่เขาเห็นทำให้เขาวิ่งพรวดพราดออกมาจากห้องผู้ป่วยอย่างเสียไม่ได้...


          แบมแบม...มาร์ควิ่งไปยังทางที่เห็นอีกคนเดินยืนอยู่อย่างสุดชีวิตแต่พอวิ่งไปถึงกลับพบว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลยสักคนเขามองไปรอบๆตัวก็ไม่พบใคร นอกเสียจากหิมะที่กำลังโปรยปรายลงมาทีละน้อยหิมะแรก


          คุณหมอมาร์คหาใครอยู่หรอคะ?” ซอนมีที่วิ่งตามมาร์คมาเอ่ยถามเขาอย่างเสียไม่ได้ที่จู่ๆมาร์คก็วิ่งออกมาแบบนี้... คนที่ตกใจคงมีทั้งเธอและคนไข้แน่ๆ


          คือเปล่าหรอกครับ ไม่มีอะไรมาร์คถอนหายใจ แต่ก็ยังคงมองไปรอบๆเพียงเพราะคิดว่า อาจจะเจอ


          คิดถึง


          คือความรู้สึกทุกอย่างในตอนนี้ของผม


          ผมคิดถึงเค้ามาก


          คุณหมอจะขึ้นตึกอีกมั้ยคะ?” เธอถาม


          เอ่อ...ครับซอนมีผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อน... แล้วเดี๋ยวจะตามไปนะครับเธอพยักหน้ารับก่อนจะเดินออกไป


          มาร์คถอนหายใจเขาแค่นหัวเราะกับตัวเองผมคงตาฝาดไป เด็กคนนั้นจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน


          มาร์คยกมือขึ้นนวดขมับตัวเองเบาๆสงสัยผมคงทำงานหนักมากไปจริงๆล่ะมั้งหรือไม่ก็คิดถึงแบมแบมมากเกินไป...


          มาร์คสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะลืมตาขึ้น...


          แบมแบม...มาร์คมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง


          ใบหน้าที่คุ้นเคยตรงหน้าเขายังคงใส่หน้ากากอนามัย ผมหน้าม้ายาวลงมาปกปิดใบหน้าส่วนหน้าผากและบางส่วนของดวงตาเอาไว้ และส่วนสูงที่ดูจะเทียบเท่ากับผมเลย


          สองขาของมาร์คเดินตรงไปหาคนๆนั้นช้าๆ... ไม่ว่านี่จะใช่ภาพลวงตาหรือไม่ก็ตาม….


          มาร์คหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของแบมแบมดวงตาสั่นไหวจ้องลึกลงไปในตัวตาของอีกฝ่าย มือหนาค่อยๆยกขึ้นมาสัมผัสใบหน้าอีกคนเบาๆ


          เขาสัมผัสใบหน้าหวานได้ถ้านี่เป็นภาพลวงตาจริงๆคงเป็นภาพลวงตาที่สมจริงมากเสียจนผมอยากจะร้องไห้


          แบมแบม...มาร์คเอ่ยเสียงสั่นเครือ


          ห้องน้ำไปทางไหนครับ?” เสียงถูกถามผ่านหน้ากากอนามัย แม้น้ำเสียงจะใกล้เคียงกับเสียงที่เขาจำได้แต่ท่าทางของคนตรงหน้าที่มีต่อเขาดูจะเหมือนกับคนที่ไม่รู้จักกันเสียมากกว่ามาร์คลดมือลงและก้มหน้า


          เขาคงคิดไปเองมันเป็นไปไม่ได้ที่แบมแบมจะมายืนอยู่ตรงหน้าเขามันเป็นไปไม่ได้คนๆนี้ก็คงแค่คล้ายกับแบมแบมเท่านั้น


          แค่คล้ายกัน


          เดินตรงไปเลี้ยวขวาครับมาร์คชี้ไปทางด้านหลังของตัวเองแล้วเดินสวนออกมา.. เขาเดินเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างจนกระทั่งไปชนกับคนๆนึงเข้าอย่างจัง


          ขอโทษครับมาร์คก้มหัวน้อยๆก่อนจะออกเดินอีกรอบ


          คิดว่าขอโทษแล้วจบหรอ?” มาร์คหันไปมองเจ้าของเสียงทันที


          ยูคยอม...ยูคยอมยกยิ้มมุมปากให้น้อยๆอย่างวางมาด มาร์คมองเขาแล้วยิ้มให้เช่นกัน ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะนายเนี่ย

          นายมาทำอะไรที่นี่?” มาร์คเอ่ยถามออกไป ยูคยอมที่ใส่เสื้อโค้ทตัวใหญ่สีน้ำตาลเข้ม... ดูยังไงก็ไม่น่าจะมาในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจมาร์คพอรู้มาบ้างว่ายูคยอมประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานดีเขาทำคดีไปได้มากมาย สร้างผลงานจนได้เลื่อนตำแหน่งมาร์ครู้แค่นั้น


          พาเพื่อนมาส่งมาร์คขมวดคิ้ว


          เพื่อนนายไม่สบายหรอ? แล้วทำไมพามาไกลถึงที่นี่?”


          เค้าอยากมาฉันก็พามายูคยอมยักไหล่


          แต่ไม่เห็นนายจะสนใจเพื่อนฉันเลยสงสัยจะต้องพากลับยูคยอมเอ่ย แต่มาร์คขมวดคิ้ว...


          เพื่อนนายน่ะหรอ? คนไหน...มาร์คชะงักไป เพราะเพื่อนของยูคยอม...คนเดียวที่แว๊บเข้ามาในหัวเขาตอนนี้ก็คือ...


          คนเดิมคนที่จากนายไปนานถึงแปดปีมาร์คมองยูคยอมอย่างไม่เข้าใจยูคยอมจึงถอนหายใจเบาๆก่อนจะส่ายหน้าในความซื่อบื้อของมาร์ค ต้วนไม่เข้าใจว่าเรียนจบหมอมาได้ยังไง ทำไมงั่งอย่างนี้!


          นายคิดหรอว่าถ้าแบมตายไปจริงๆ.. ฉันจะปล่อยนายไว้อ่ะ! เหอะ! ฝันไปเถอะยูคยอมยกยิ้ม มาร์คถึงบางอ้อเลยทีนี้


          แบมแบมยังไม่...มาร์คพูดไม่ออก


          เขายังอยู่เขาไม่ได้จากฉันไปไหนใช่มั้ย?” มาร์คเขย่าแขนยูคยอมอย่างร้อนรนกระทั่งยูคยอมพยักหน้านั่นแหละ เขาถึงได้ยอมปล่อย มาร์คยืนยิ้มยกมือขึ้นกุมหน้าอกตัวเองเหมือนคนบ้า ถึงไม่ใช่ก็ใกล้เคียงใครจะหาว่าผมบ้าผมก็ไม่สนใจหรอก...


          ผม...


          ผมดีใจ


          ผมดีใจมาก


          นี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตผมตลอดแปดปีที่ผ่านมา...


          นี่คือสิ่งที่มีค่าที่สุด







          แปลว่า...คนเมื่อกี้


          มาร์คหันหลังกลับไปทางเดิม ทางที่เพิ่งเจอคนๆนั้น คนที่เขาเพิ่งบอกทางไปห้องน้ำ


          แต่พอมาถึง เขากลับไม่พบใครมาร์ควิ่งหาแบมแบมแถวๆนั้นแต่ก็ไม่พบ เขาเลยยืนนิ่งๆใช้สายตามองไปรอบๆแทน


          หาใครอยู่หรอครับ?” เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลังของมาร์ค เขาหันขวับไปทางต้นเสียงทันที แล้วเขาก็เจอคนที่เขากำลังตามหาอยู่


          แบมแบม...มาร์คยิ้มออกมาก่อนจะวิ่งเข้ามากอดอีกคนไว้เขากอดแน่นจนแบมแบมแทบจะขาดอากาศหายใจเลยทีเดียว


          หาผมอยู่เหรอ?” แบมแบมเอ่ยถามงึมงำอยู่ข้างหูมาร์ค มาร์คยิ่งได้ยินเสียงคนรักใกล้ๆ ชัดเจนขนาดนี้ เขายิ่งกอดแบมแบมแน่นขึ้นไปอีก ด้วยความคิดถึงและกลัวว่าแบมแบมจะหายไปอีก


          หายไปไหนมา? ไปอยู่ที่ไหนมา?” มาร์คผละออกก่อนจะจับที่ใบหน้าหวาน เขาสำรวจใบหน้าของอีกคนอย่างถี่ถ้วน ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงแมสออกจากหน้าของแบมแบม


          ผมไปเข้าห้องน้ำมาไงพี่บอกทางไปห้องน้ำผมเองนะมาร์คยกนิ้วโป้งขึ้นแตะริมฝีปากอวบอิ่มที่กำลังพูดกับเขา


          จูบนะมาร์คเอ่ยเบาๆ แต่คราวนี้เป็นแบมแบมเองที่ประกบริมฝีปากตัวเองกับริมฝีปากหนาเสียก่อนแบมแบมผละออกเล็กน้อยซึ่งไม่ไกลจากปากอีกคนเท่าไหร่ก่อนจะเอ่ย


          อนุญาตสิ้นคำพูดแบมแบม มาร์คก็ประกบจูบเขาอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้เนิ่นนานและดูดดื่มกว่าทุกครั้งเป็นจูบแห่งความรักความคิดถึง  


          ผมคิดถึงพี่มากเลยพี่มาร์ค


          วันนั้นถ้าผมเข้าไปไม่ทันผมจะต้องสูญเสียมาร์คไปตลอดชีวิตเหตุการณ์นั้นมันทำให้ผมรู้สึกแล้วว่า... ผมอาจสูญเสียเขาไปอีกเมื่อไหร่ก็ได้ซึ่งผมทำใจกับเรื่องแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วไม่ได้จริงๆ


          วันนั้นผมถูกยิงจริงๆผมคิดว่าตัวเองจะต้องตายแล้วด้วยซ้ำ


          แต่โชคดีที่กระสุนไม่โดนจุดสำคัญ มันฝังลงที่ไหล่ของผม


          โชคดีที่ยูคยอมมาทันเวลา


          โชคดีที่กำลังเสริมมาช่วยทันเวลาไม่งั้น ผมคงไม่มีโอกาสเห็นหน้าคนที่ผมรักอีก


          แต่ผมก็มีความจำเป็นที่ต้องจากมาแบบนี้เพราะผมไม่มีทางเลือก... หมอบอกว่าผมผมอาจจะใช้แขนข้างขวาไม่ได้เหมือนเดิมกระสุนทะลุเอ็นหัวไหล่ผมไปผมไม่อยากให้ตัวเองเป็นภาระของใครโดยเฉพาะเขามาร์คต้องคิดว่าเป็นความผิดเขาแน่ๆ เขาต้องพยายามรับผิดชอบทุกอย่างที่เกิดขึ้น


          ซึ่งผมไม่ต้องการแบบนั้น…. ไม่ว่ายังไงผมก็ไม่อยากเป็นตัวถ่วงในชีวิตเขา


          ผมเลยเลือกที่จะหายไป...


          ผมขอให้คุณอาส่งตัวผมกลับมาที่ประเทศไทยตอนแรกคุณอาไม่ยอม.. ผมเลยขอให้ยูคยอมมาช่วยพูดกับท่านอีกแรงทีแรกยูคยอมก็จะไม่ทำตามคำขอของผมแต่สุดท้ายแล้วเขาก็ยอม เพราะผมบอกเขาว่า


          ฉันจะกลับมา


          และผมขอให้ทุกคนเก็บเรื่องของผมไว้เป็นความลับ


          ตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่ประเทศไทย.. ผมต้องเข้าทำกายภาพบำบัดทุกวัน และเมื่อแขนเริ่มจะกลับมาใช้งานได้ดีในระดับหนึ่งแล้วผมก็กลับมาที่เกาหลี และสอบเข้ารับราชการ...


          ผมอยากหายเป็นปกติ


          ผมอยากอยากเป็นตำรวจเหมือนพ่อ


          และ


          ผมอยาก


          ผมอยากกลับไปหาเค้า


          เมื่อถึงเวลาผมสอบบรรจุได้และเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีมีพ่อบุญธรรมที่รักผมเสมือนลูกแท้ๆ มีเพื่อนสนิทที่เป็นทั้งเพื่อนและพี่น้องของผม…  มีเพื่อนร่วมงานที่ดี...


          และในที่สุด ก็ถึงเวลาที่ผมจะได้กลับมาหาเค้าจริงๆเสียที... ผมเสียใจที่ต้องโกหกเขา แต่มันดีกับทั้งตัวเขาและตัวผมเองทำแบบนี้มันดีกับเราทั้งคู่...


          แต่ผมว่าเวลาที่ห่างกันไปแปดปีมันคุ้มนะ


          กับการที่ผมหายไป มาร์คอาจเริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครก็ได้


          แต่เขาก็รอผมและเขายังไม่เปลี่ยนใจไปจากผม






          คุณเคยสงสัยกับคำว่ารักแท้ใช่ไหม?


          ผมเองก็เคยหัวเราะให้กับคนที่คิดว่าตัวเองเจอรักแท้


          ผมเคยคิดว่ามันไม่มีจริงหรอก....


          แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนความคิดนั่นไปแล้ว


          เพราะผมว่าผมเจอแล้วล่ะ 



          รักแท้ที่เป็นรักของผมคนรักที่เป็นคนของผม




          ….มาร์ค ต้วน


#ฟิคสั้นมาร์คแบม


1 ความคิดเห็น:

  1. เสียน้ำตา ใจจะขาดกะบทที่8มากค่ะ
    รู้สึกดีมากๆ ท้ายที่สุดเราก็ไม่เสียใคร

    ตอบลบ