ฟิคกระเรียน = เกรียนฟิค
#ฟิคกระเรียน
-19-
แกร๊ก
เสียงดังก๊อกแก๊กๆ
แปปนึงมันก็เปิดประตูกว้างๆออกมาต้อนรับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
มันใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีครีมทับในกางเกงแสล็คสีดำอีกที ถุงเท้าสีดำ…
ดูสะอาดสะอ้าน และเรียบร้อยเหี้ยๆ เห้ย!
แตกต่างจากที่กูจินตานาการไว้เมื่อกี้มากอ่ะ
“ไงน้องแบม!!” มันเน้นเสียงไปที่ชื่อผม
“สวัสดีครับพี่” ผมก้มหัวให้มัน...
มันโบกไม้โบกมือใหญ่
“ไม่ต้องๆ คนกันเอง”
อ้าว
งั้นกูเรียกไอ้สัสจีได้ใช่อ้ะ?
“ผมพามาขอลายเซ็นพี่อ่ะครับ”
“เฮ้ย! ขอกันง่ายๆงี้เลย?”
อ้าว มึงพูดงี้…
กูได้กลิ่นความวุ่นวายขึ้นมาทันทีทันใด อย่าบอกนะว่ามึงจะให้กูไปแจกฟรีฮักเหมือนที่อีพี่พีเนียลมันพูด
“เซ็นให้ผมเถอะน้าพี่จีดี...” ผมอ้อนไปเบาๆ พี่มันหรี่ตามองก่อนจะส่ายหน้า
ไอ้เชี่ยยย
มุกอ้อนใช้ไม่ได้ผล
“โห่พี่อ่ะ ไหนบอกคนกันเองไง” ผมทำหน้าหงิกใส่มัน
“โอเค คนกันเอง… มาเซ็นเลยมา”
พี่มันหยิบสมุดจากมือผมไป แล้วเอื้อมมือไปหยิบปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะข้างๆประตูห้องก่อนจะกางสมุดออก
แล้วใช้ปากกัดปลอกปากกาค้างไว้ และสุดท้ายก็บรรจงเซ็นให้ผมอย่างดี
โห อีเหี้ย! ทุกอย่างมันดูขัดกันยังไงไม่รู้ มึงให้ความรู้สึกว่ามึง swag แต่ลุคมึงดูเหมือนนักธุรกิจ หรือคนขายประกันวะ? อันนี้กูไม่แน่ใจ...
มันยิ้มมุมปากเท่ๆมาให้ผมแล้วส่งสมุดคืน
“เปิดเทคค่อยว่ากัน” มันยักคิ้วให้ ผมเลยพยักหน้าหงึกๆใส่มัน แล้วมันก็โบกมือให้ก่อนจะปิดประตู
จบแล้วเหรอ? การพบปะพี่เทคกูจบแค่นี้หรอ?
โอเค... จบก็ได้วะ!
“จะให้พี่เซ็นให้เลยหรือว่ายังไงดี?” พี่บีไอมันถามหลังจากเดินเข้าลิฟท์มาแล้ว และพี่มันก็กดลิฟท์ไปที่ชั้น 7
“เซ็นต์เลยก็ได้ครับ” ผมบอกก่อนจะส่งปากกาให้ แต่พี่มันไม่รับ ผมเลยเลิกคิ้วใส่
หรือมึงมีปากกาแล้ว? หรือจะกัดนิ้วเอาเลือดเขียน? หรือยังไง? กูงงนะไอ้สัส -*-
“เดี๋ยวพี่เอาปากกาพี่เซ็นดีกว่า” ผมพยักหน้าเออๆออๆไปกับมัน
ไอ้เชี่ยเอ้ย เรื่องมากชิบหาย ปากกามึงกับปากกากูมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันนักหรอก หรือปากกามึงทำมาจากน้ำหมึกปลาทะเลน้ำลึกหรือยังไง ไอ้ส้นตีน!
“เอ่อ… แล้วพี่เทคอีกสามคนล่ะครับ?” ผมถาม
คือตอนนี้ได้มา 4 คนล้ะ มีพี่จินยอง พี่พีเนียล พี่จีดี และกำลังจะได้จากอีพี่บีไอเนี่ยอีกคน... เหลืออีก 3 หน่อ เศรษฐีบ้านนา อำพัน และสวยสังหาร
“อืม… สวยสังหาร เนี่ยเป็นผู้หญิงไม่ได้อยู่หอนี้ ลองถามจินยองดูนะครับ” ผมพยักหน้า คือ… ไม่บอกกูก็รู้ป้ะวะว่าเป็นผู้หญิง…
“ส่วนอำพันนี่ พี่ไม่ค่อยสนิท… ลองถามแจ็คสันหรือไม่ก็แจบอมดูจะง่ายกว่า เห็นว่าอยู่สโมสรนิสิตด้วยกัน”
อ่า… อีพวกพี่เหี้ยนี่เอง แม่ง! แล้วเสือกไม่ยอมบอกกูสักคนเลยนะ อีสลิดดกเอ้ย!
“ส่วนเศรษฐีบ้านนา ก็ลองถามยองแจดูนะ” มันว่า…
หืมม พี่ยองแจ?
“ถามคนอื่นไม่ได้หรอครับ? พูดตรงๆผมกลัวใจพี่ยองแจจริงๆ คนนี้ไม่ใช่หยอกๆเลย” ผมหัวเราะเบาๆ หรือมึงว่าไม่จริง ไอ้ยองแจใสๆเนี่ย
“พี่ว่าถามกับเจ้าตัวเค้าเลยน่าจะดีกว่านะ”
ถะ… ถามกับเจ้าตัว?
หืมมมม มึงพูดงี้มันก็หมายความว่า…
“เศรษฐีบ้านนา...” คือพี่ยองแจ…
ไม่จริงใช่ม้ายยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!
อีเหี้ยยยย เกลียดอะไรได้อย่างนั้นจริงๆกู ฮืออออออ ร้องไห้หนักมาก
กูบอกแล้ว กูเกลียดรอยยิ้มมัน เวลามันยิ้มทีไรจะต้องมีเรื่องชิบหายเกิดกับกู และส่วนใหญ่… มันก็เกี่ยวกับอีพี่มาร์คด้วย
อีเหี้ย! มึงคือผู้กุมความลับมาร์คแบมแบบที่เค้าบอกกันจริงๆสินะ
“เดี๋ยวพี่เอาไปให้ที่ห้องจินยองนะ พี่ก็อยู่หอชั้นนี้เหมือนกัน” มันว่าหลังเดินออกจากลิฟท์ที่ชั้น 7 แล้ว
“ขอบคุณครับพี่… เอ่อ ผมขอโทษ มันติดเรียกพี่ไปแล้วอ่ะ ขอบคุณมากนะครับ ที่พาผมมาล่าลายเซ็น ได้พี่เทคเพิ่มมาตั้งสองคน…”
“กินข้าวกับพี่สักมื้อสิ” อยู่ๆมันก็โพล่งขึ้นมา...
“ห้ะ?”
เอ่อ… มึงก็ไม่ให้กูตั้งตัวอีกคนล้ะ…. แต่เห็นแก่ที่มึงอุตส่าห์พากูมาหาพี่เทคหรอกนะ
“ก็ได้ครับ แต่ผมขอชวนเพื่อนผมไปด้วยนะ” พี่มันหุบยิ้มไปทันทีเลย
“ที่ชื่อยูคยอมน่ะเหรอ?” มันยิ้มเจื่อนๆมาให้ผม
“ครับ… พอดีมันชอบบ่นว่าไปไหนไม่ค่อยชวนมัน”
เปล่าหรอก มันเป็นข้ออ้างเฉยๆ มึงก็รู้กูไปไหนมาไหนกับเชี่ยยูคมันบ่อยที่สุดในสามโลกล้ะ ที่จะเอามันไปด้วยเพื่อเป็นไม้กันหมา… อย่างน้อยกูคงไม่ต้องมานั่งง้ออีเชี่ยพี่ต้วนมันอีก เห้อ…
“เป็นแฟนกันจริงๆใช่มั้ย?”
“หมายถึงผมกับมันอ่ะหรอ?” ผมส่ายหน้า
“เพื่อนกันเฉยๆ… พักนี้คนเข้าใจผิดกันหลายคนเลย”
กูก็ยังอยากคิดว่ามีคนเข้าใจผิดมากกว่ามีคนปล่อยข่าวอยู่ดี…
คือกูไม่เข้าใจไง...ว่าจะมีคนทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?
“ไม่ใช่แฟนจริงๆหรอ?” ผมพยักหน้ายืนยัน… มันยิ้มอย่างดีใจ
เอิบบ… กูไม่ใช่แฟนเชี่ยยูค มันไม่ได้หมายความว่ากูจะเป็นแฟนมึงนะ ใจเย็นพี่น้อง…
“งั้นผมว่าผมไปหาพี่จินยองก่อนดีกว่าเนอะ... เค้าคงรอนานแล้ว”
เปล่าหรอก กูจะชิ่งล้ะ...
มันเดินมาส่งผมที่หน้าห้องพี่จินยองแล้วเดินไปอีกทาง สงสัยคงกลับห้องตัวเอง ผมกดออดหน้าห้องพี่จินยองก่อนจะมองไปที่พี่บีไอมันอีกครั้ง…
กูว่ามึงก็แลเป็นคนดีศรีสังคมมากเลยนะ… แต่กูบอกเลย คนดีๆอยู่กับกูไม่ได้นานหรอก มันต้องมีความเลวสูสีกันหรือไม่ก็มีความเลวอะไรติดตัวในระดับหนึ่ง…
แต่ตรรกะนี้ใช้ไม่ได้กับพี่คุณหรอกนะ… ก็กูบอกแล้วไงว่าไม่เคยแสดงด้านเลวๆให้พี่คุณเห็น… ส่วนไอ้พวกที่มหาลัยที่กูต้องเจอทุกวันเนี่ย… ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความเลวอยู่เลเวลไหน...
แต่ถ้าถามว่าอีพี่มาร์คมันเลวมั้ย?
ตอบเลย! มันเลวมาก!!!
ชอบรุกกูอยู่เรื่อย อีสันขวาน!
แกร๊ก
ผมหันไปที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตู แล้วก็พบว่า…
“พี่มาร์ค!!!”
ไอ้เหี้ย! มึงนี่อยู่ทุกที่ที่กูไปเลยมั้ย? กูกำลังนินทามึงอยู่ในใจซะด้วยสิ ช็อคไปเลยกู!
พี่มันเดินออกมาจากห้องแล้วมองไปทางที่พี่บีไอมันเดินไป กระทั่งพี่บีไอมันหันหลังกลับมามองที่ผมอีกรอบ พี่มาร์คมันก็เอาแขนมาล็อคคอผมแล้วลากเข้าห้องทันทีเลย…
เชี่ย อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ… ทำตัวประหนึ่งเป็นเจ้าของกูเลย หวงก้างชิบหาย!
พอเข้ามาในห้องผมก็พบว่าอีพวกแก๊งจังไรแมนแม่งอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยอ่ะ…
โอ้โหเฮะ นี่มาทอดผ้าป่าสามัคคีกันหรอครัช?
“ทำไมพวกพี่มารวมตัวกันแบบนี้อ่ะ?” ผมที่ยังคงถูกไอ้เชี่ยพี่มาร์คล็อคคออยู่เอ่ยถามด้วยความยากลำบาก
“ก็คิดถึงน้องแบมแบมไงครับ”
เฮ้ยยย อีพี่หวัง! มึงดูลั้ลลาขนาดนี้! มึงหายดีล้ะหรอวะ? แล้วแถมนั่งข้างพี่ยองแจอีก นี่มันอะไรกันเนี่ย?
“ไอ้แจ็ค! พอเลยมึง” พี่ยองแจใสๆ เอ่ยพร้อมกับใช้มืออวบๆฟาดเข้าที่ไหล่อีพี่หวังคนแมนอย่างแรง...
เฮ้ยยย นี่มันอัลไล๊… ไอ้สัส กูงง ตกลงแล้วสองคนนี้กลับมาสนิทกันแล้วจริงหรอ?...
ถ้าใช่… แตกได้เป็นสองประเด็น
หนึ่งคือ… อีพี่แจ็คมันเปลี่ยนรหัส เอ้ย! ไม่ใช่ๆ มันเก็บความรู้สึกมันไม่ให้พี่ยองแจรู้ได้สำเร็จ… แต่กรณีนี้ พี่ยองแจคงจะสนิทกับอีเชี่ยพี่หวังเหมือนเดิมไม่ได้หรอกตามความคิดกูนะ… เพราะมันก็รู้อยู่แก่ใจว่าวันนั้นที่ห้องครัวของกู เกิดอะไรขึ้นบ้าง!
ถ้างั้นประเด็นที่สองคือ… คู่แจ็คแจลงเอยด้วยดี… พี่ยองแจอาจจะรับรักอีพี่หวังไปแล้วหรืออย่างไร…
โอ้ย ปวดหัวตายห่า!
พอแล้ว กูจะไม่ยุ่งเรื่องของพวกมึงแล้ว…
….ซะที่ไหนล่ะ!
ไม่ยุ่งไม่ได้จริงๆ กูคาใจ… เดี๋ยวกูต้องสังเกตุการณ์ไปเรื่อยๆ… ด้วยสกิลการเสือกของกูมันแอดวานซ์อยู่แล้ว… เดี๋ยวรู้เลย!
“มาทำงานกันน่ะนุ้งแบม งานกลุ่ม” ผมเลิกคิดแผนการเสือกไปชั่วขณะ เมื่อพี่จินยองมันบอก… ผมเลยหันไปพยักหน้าหงึกๆให้พี่มันแทน…
“พี่มาร์คจะล็อคคอผมอีกนานมั้ยอ่ะ?” ผมบอก
อีเชี่ยแม่ง.. ทำขนาดนี้มึงลงไปซื้อปลอกคอมาใส่ให้กูเลยไป! อีสลัดเอ้ย!
“ไอ้มาร์ค ปล่อยแบมแล้วมาช่วยคิดงานเร็ว วันนี้จะได้งานมั้ยเนี่ย!” พี่บีคนชิคเอ่ยประโยคช่วยชีวิตผมจากการโดนรัดคอ(?)
พี่มาร์คมันยอมปล่อยผมแต่โดยดี แต่ก็เงียบไม่ยอมพูดยอมจา… ลักษณะนี้แปลว่า…
กูโดนมันงอนสินะ
พี่มันเดินไปนั่งลงที่พื้น ตรงหน้าโต๊ะเตี้ยๆที่พวกมันกางกระดาษทำงานกันอยู่ ผมเลยเดินไปนั่งลงที่พื้นข้างๆพี่มัน…
ก็ไม่ได้อะไร… กูจำเป็นต้องนั่งตรงนี้เว้ย! ไม่ได้แก้ตัวเลย… กูไม่ได้กำลังง้อพี่อีพี่ต้วนมันเลย... ก็กูไม่เห็นว่ามันจะมีที่นั่งอื่นให้กูแล้ว… โซฟาถูกยึดครองโดยพี่เจบี พี่จินยอง และพี่ยองแจ ส่วนพี่แจ็คนั้นนั่งที่เก้าอี้เสริมข้างพี่ยองแจ มันก็เหลือแค่ที่พื้นถูกมั้ย?
“นุ้งแบมมานั่งบนโซฟามั้ย?” พี่จินยองทำท่าจะลุกให้ผมนั่ง แต่ผมโบกมือปฎิเสธไปด้วยความรวดเร็ว…
ก็ไม่ได้อะไร… ไม่ได้อยากนั่งพื้นหรอกนะ… แล้วก็ไม่ได้อยากนั่งข้างอีพี่มาร์คมันนักหรอก… ก็แค่เกรงใจพี่จินยองมัน เป็นเจ้าของห้องแท้ๆให้มานั่งพื้นได้ไง
เชื่อกูเถอะ พลีสส กูแถจนสีข้างกูถลอกปอกเปิกหมดแล้วเนี่ย!!!
“พวกพี่ทำงานไรกันอยู่หรอ?”
“ของอาจารย์ฮีชอลอ่ะ แกสั่งให้ทำเรื่องสั้น” ผมพยักหน้า…
อาจารย์ฮีชอลนี่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามแกมาตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่แล้ว… แกเป็นประเภทที่เป็นตัวของตัวเองสูงปรี๊ดดดดด กฎเกณฑ์อะไรแกไม่สน แกสนแค่กฎที่แกตั้งเท่านั้น… แล้วงานที่แกสั่งนี่โจทย์มหาหินเลยนะ… รุ่นพี่มาสปอยล์ให้ฟังหลายคนล้ะ
ดีเลย… วันนี้จะได้ศึกษาไว้ เพราะพอขึ้นปีสองกูต้องเรียนกับอาจารย์ฮีชอล
“มีไรให้ผมช่วยมั้ยอ่ะ?” ผมเอ่ยพลางมองสำรวจไปที่กระดาษเอสี่มากมายหลายแผ่นที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ
คือแทบหาไม่เจอว่าไหนงานพวกมึงวะ? บางแผ่นพวกมันก็วาดรูปเล่นกัน บางแผ่นมันก็เล่นไลน์กระดาษกัน…
งงมั้ยไลน์กระดาษ? มันก็เหมือนเล่นไลน์ในมือถือนั่นแหละ แต่อันนี้แม่งใช้เขียนดินสอเขียนเอา แบบเขียนส่งกันไปมาอ่ะ… ทุเรศชิบหาย พวกมึงโตเป็นควายล้ะนะ เล่นห่าไรไม่ดูสภาพสังขารและอายุเลย
ผมหัวเราะเบาๆเพราะตลกพวกพี่แม่ง… แต่อยู่ๆก็รู้สึกได้ถึงความเงียบ… ผมเลยเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองพวกพี่มัน
ไอ้เหี้ย! นี่คืออัลไล? พวกมึงมองกูทำไมหรอ? กูทำอะไรผิดไปรึเปล่า?... หรือกูขำพวกมึงไม่ได้?
เป๊าะ!
อยู่ๆอีพี่เจบีมันก็ดีดนิ้วเสียงดังจนกูตกใจ อะไรของมึงอีกอ่ะ?
“พวกพี่เป็นอะไรกันอ่ะ? ทำท่าทางแปลกๆ” ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย...ก่อนที่สายตาจะไปป๊ะกับอีกพี่ยองแจจังๆ…. และกูก็รู้สึกถึงความหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นกับกู… ซึ่งมันมักจะมาพร้อมรอยยิ้มของอีพี่แตงใสๆนั่น
แต่ที่ทำให้กูรู้สึกถึงความหายนะมากเข้าไปอีกก็คือ… ทุกครั้งที่มันยิ้ม… กูบอกแล้วใช่มั้ย? ว่ามันต้องเกี่ยวกับอีพี่ต้วน ชัวร์ป้าบ!!!
“ไม่เอา!!” ผมพูดเสียงดังลั่นห้อง หลังจากที่ฟังเรื่องที่อีพี่เจบีมันขอความช่วยเหลือจากผม…
โอ้ยอีเหี้ยยยย กูไม่น่าเล้ยยยย กูจะไปถามพวกแม่งทำไมวะ ว่ามีอะไรให้ช่วยรึเปล่า? ทำไมกูถึงพูดไปแบบน้านนนนน
กูอยากย้อนเวลา อาเมน!
“นะนุ้งแบม” อีพี่จินยองทำมือประนมแล้วทำสีหน้าอ้อนวอนเต็มสตรีม…
“ทำไมต้องเป็นผมอ่ะ?”
“ก็เมื่อกี้ถามเองว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย?” อีพี่แตงบอก…. อีสัส กูก็เกลียดตัวเองอยู่เนี่ย! พูดออกไปได้ยังไง?
“คือผมหมายถึงช่วยอะไรเล็กๆน้อยๆ ไม่ใช่อะไรแบบนี้อ่ะ”
อีเหี้ย พวกมึงจะทำเรื่องสั้นกันใช่มั้ย ต้องคิดบท ต้องหาโลเคชั่น ต้องถ่ายวิดีโอ บลาๆ คือให้กูไปเป็นเด็กในกองขนาดย่อมๆของพวกมึงก็ได้ กูช่วยยกของ กวาดพื้น แบกขากล้อง อะไรกูทำได้หมดอ่ะ
แต่นี่อะไร… จะให้กูเป็นนักแสดงหลักเลย
พวกมึงบ้ากันรึเปล่า!!
แล้วให้กูเล่นก็ไม่ได้ให้กูเป็นพระเอกหรอกนะ…
เสือกจะให้กูเป็นนางเอก!
พ่อมึงเถอะ! หล่อๆ มาดแมน แฮนซั่มกาย อย่างกูเนี่ยนะ!!! จะให้กูเป็นนางเอก… โถ่ววว มึงคงติด F วิชานี้อ่ะ อีพวกพี่เลว!
“นี่แหละ... งานง่ายๆ” อีพี่เจบีบอก
“ง่ายแล้วไมไม่เล่นเองอ่ะ?” ผมตอกกลับจนมันหน้าหงาย…
อีเหี้ย ของกูขึ้น…
ไอ่แบมใจเย็น… นั่นรุ่นพี่มึงนะ ไม่ใช่เชี่ยยูค ใจเย็นดิมึงใจเย็น…
“ถ้าพี่เล่นแล้วใครจะกำกับ” พี่เจบีมันบอก
“พี่จินยองไง”
“เนียร์ดูแลเรื่องเสื้อผ้า”
“งั้นก็พี่แจ็คสัน”
“แจ็คดูโลเคชั่น”
“งั้นพี่ยองแจก็ได้”
“ยองแจเขียนบท”
“แล้วพี่มาร์ค… ห้ะ!!! พี่ยองแจเขียนบท!”
อีเชี่ยยย งั้นกูยิ่งไม่สมควรเล่นใหญ่เลย… กูไม่ไว้ใจมันเลยให้ตายเถอะโรบิ้น
“มาร์คก็เป็นพระเอกไง” ผมนี่เงิบอีกรอบ… ก่อนจะหันไปมองหน้าพี่มาร์คที่นั่งนิ่งๆไม่พูดไม่จา…
มึงยังไม่หายงอนกูอีกหรอเนี่ย?...
จะหายได้ไง กูยังไม่ได้ง้อเลย… แล้วคือกูผิดอัลไล? กูไปทำไรให้ม๊านนนนนน ก็พอจะรู้อยู่ว่าคงหึงกูกะพี่บีไอ แต่… เรื่องอีพีบีไอนี่ยังไม่เคลียร์อีกหรอ? กูบอกแล้วไงมันเป็นพี่เทคกู กูไม่ยุ่งกับมันไม่ได้หรอก… แล้วนี่….กูจำเป็นต้องง้ออีเชี่ยพี่มาร์คมั้ยถามจริง! เห้อมมม กูควรเคลียร์เรื่องไหนก่อนกันวะเนี่ย!
“พวกพี่ต้องบ้ากันไปแล้วแน่ๆ ผมเป็นผู้ชายนะเฮ้ย! ให้มาเล่นเป็นนางเอกได้ไง พี่อยากโดนอาจารย์ฮีชอลด่าเปิงรึไง”
“อาจารย์ไม่ด่าหรอก… เราต้องทำเรื่องที่มันแหวกแนวไง”
“จะแหวกไปเพื่อ? แล้วทำไมพี่ไม่หาผู้หญิงมาเล่นอ่ะ”
“ไม่ได้ เรื่องนี้นางเอกต้องเป็นผู้ชาย”
“ทำไม? นางเอกมันต้องผู้หญิงดิ” ผมทำหน้าเหมือนหมาสงสัย…
“ก็นางเอกมันต้องเป็นผู้ชายที่ปลอมตัวเป็นผู้หญิง และพระเอกก็มาชอบนางเอก เป็นเรื่องสั้นแนวรักโรแมนติก” พี่ยองแจอธิบาย…
โอ้ยมึง!!!! พล็อตมึงละครไทยมาก… แต่มันต่างตรงที่กูเนี่ย...ไม่ใช่ผู้หญิงที่ต้องปลอมตัวเป็นผู้ชาย แต่กูต้องเป็นผู้ชายที่ปลอมตัวเป็นผู้หญิงอีกที แล้วสรุปสุดท้าย พระเอกแม่งก็ผู้ชาย... นางเอกแม่งก็ผู้ชาย...
อีเหี้ย นี่มันหนังเกย์ชัดๆ
“แล้วพี่ยองแจทำไมไม่เล่นอ่ะ พี่เขียนบทเองด้วย ต้องเข้าถึงบทบาทแน่ๆ” พี่ยองแจมันกำลังจะพูดไรต่อนี่แหละ แต่พี่มาร์คมันก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน
“เค้าไม่อยากทำจะไปบังคับเค้าทำไม?” เป็นประโยคแรกที่มันพูดหลังจากที่เงียบมานาน… ผมหันขวับไปมองมันที่ยังคงทำหน้านิ่งๆอยู่อย่างเดิม
“หรือว่าน้องแบมแบมไม่อยากเล่นกับไอ้มาร์ค?” พี่แจ็คถาม..
ไอ้เชี่ยย ไม่เกี่ยวเลย เล่นกับใครกูก็ไม่อยากทั้งนั้นแหละ จะให้กูแต่งหญิงหรอ? ไม่เด็ดขาด! เมื่อไหร่ที่ให้กูเป็นพระเอกกูถึงจะยอมเล่น
“มันไม่ใช่อย่างนั้น...” ผมยกมือขึ้นวางบนแขนพี่มาร์คมันก่อนจะเขย่าเบาๆ พี่มันหันหน้าไปอีกทาง… โอ้ย เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว ดีออก!
ติ๊ง ต่อง
เสียงออดดังขึ้น.. พี่จินยองเลยเดินไปเปิดประตู
“อ้าว… ว่าไงฮันบิน” เสียงพี่จินยองดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง แล้วพวกพี่ที่เหลือที่นั่งอยู่ตรงนี้นอกจากพี่มาร์ค มันก็หันหน้ามามองผมกันหมดทุกคนเลย…
ทำไมล่ะ? กูทำอะไรผิดอีก? อยากจะร้องไห้ TT
“ขอเข้าไปหน่อยได้มั้ย?” เสียงพี่บีไอมันดังขึ้นก่อนที่พี่จินยองจะอนุญาตให้มันเข้ามา… พี่บีไอมันเดินตรงมายังที่พวกผมนั่งอยู่
“แบมแบม” มันเรียก ก่อนจะมองมาที่ผมและพี่มาร์คสลับกัน… ผมเลยลุกขึ้นแล้วเดินไปหามัน…
ก็มันจะเอาสมุดมาคืนไง กูเลยต้องเดินไปเอาคืนมา
“เราเซ็นให้แล้วนะ”
หืมมม? สรรพนามมันแปลกไปมั้ย?
มึงเรียกแทนตัวเองว่า ‘เรา’ หรอม? ก่อนหน้านี้มึงยังแทนตัวเองว่า ‘พี่’ อยู่เลย กูจำได้…
“ขอบคุณครับ...” ผมเก็บชื่อมันกลืนลงไปกับน้ำลายอึกเมื่อกี้แทบไม่ทัน… ก็เมื่อกี้จะเรียกมันว่า ฮันบิน แบบที่มันอยากให้เรียกไง… แต่มันจะดูแปลกๆสำหรับอีพี่พวกนี้เพราะมันไม่รู้… ถ้าผมเรียกเดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก
“นี่นั่งทำงานอาจารย์ฮีชอลกันอยู่เหรอ?” พี่บีไอมันถามแล้วมองไปทางอีพวกพี่ที่โซฟา
“อืม… กลุ่มนายทำถึงไหนแล้วล่ะ” พี่จินยองบอกก่อนจะเดินกลับไปนั่งข้างพี่เจบีที่โซฟาเหมือนเดิม
“ก็เริ่มทำบ้างแล้วล่ะ… อ้อ...เรามีเรื่องให้แบมแบมช่วยพอดีเลย” ประโยคแรกบอกพี่จินยอง ส่วนประโยคหลังบอกกู...
“ช่วย? ช่วยอะไรหรอครับ?”
บางทีกูอาจมีข้ออ้างให้ไม่ต้องเล่นเป็นนางเอกให้อีพวกพี่เชี่ยนี่
“มาเป็นนางเอกให้หน่อยนะ”
ไอ้เหี้ยยย ว๊อทเดอะฟัค!!!!
โห อีเหี้ย! ทุกอย่างมันดูขัดกันยังไงไม่รู้ มึงให้ความรู้สึกว่ามึง swag แต่ลุคมึงดูเหมือนนักธุรกิจ หรือคนขายประกันวะ? อันนี้กูไม่แน่ใจ...
มันยิ้มมุมปากเท่ๆมาให้ผมแล้วส่งสมุดคืน
“เปิดเทคค่อยว่ากัน” มันยักคิ้วให้ ผมเลยพยักหน้าหงึกๆใส่มัน แล้วมันก็โบกมือให้ก่อนจะปิดประตู
จบแล้วเหรอ? การพบปะพี่เทคกูจบแค่นี้หรอ?
โอเค... จบก็ได้วะ!
“จะให้พี่เซ็นให้เลยหรือว่ายังไงดี?” พี่บีไอมันถามหลังจากเดินเข้าลิฟท์มาแล้ว และพี่มันก็กดลิฟท์ไปที่ชั้น 7
“เซ็นต์เลยก็ได้ครับ” ผมบอกก่อนจะส่งปากกาให้ แต่พี่มันไม่รับ ผมเลยเลิกคิ้วใส่
หรือมึงมีปากกาแล้ว? หรือจะกัดนิ้วเอาเลือดเขียน? หรือยังไง? กูงงนะไอ้สัส -*-
“เดี๋ยวพี่เอาปากกาพี่เซ็นดีกว่า” ผมพยักหน้าเออๆออๆไปกับมัน
ไอ้เชี่ยเอ้ย เรื่องมากชิบหาย ปากกามึงกับปากกากูมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกันนักหรอก หรือปากกามึงทำมาจากน้ำหมึกปลาทะเลน้ำลึกหรือยังไง ไอ้ส้นตีน!
“เอ่อ… แล้วพี่เทคอีกสามคนล่ะครับ?” ผมถาม
คือตอนนี้ได้มา 4 คนล้ะ มีพี่จินยอง พี่พีเนียล พี่จีดี และกำลังจะได้จากอีพี่บีไอเนี่ยอีกคน... เหลืออีก 3 หน่อ เศรษฐีบ้านนา อำพัน และสวยสังหาร
“อืม… สวยสังหาร เนี่ยเป็นผู้หญิงไม่ได้อยู่หอนี้ ลองถามจินยองดูนะครับ” ผมพยักหน้า คือ… ไม่บอกกูก็รู้ป้ะวะว่าเป็นผู้หญิง…
“ส่วนอำพันนี่ พี่ไม่ค่อยสนิท… ลองถามแจ็คสันหรือไม่ก็แจบอมดูจะง่ายกว่า เห็นว่าอยู่สโมสรนิสิตด้วยกัน”
อ่า… อีพวกพี่เหี้ยนี่เอง แม่ง! แล้วเสือกไม่ยอมบอกกูสักคนเลยนะ อีสลิดดกเอ้ย!
“ส่วนเศรษฐีบ้านนา ก็ลองถามยองแจดูนะ” มันว่า…
หืมม พี่ยองแจ?
“ถามคนอื่นไม่ได้หรอครับ? พูดตรงๆผมกลัวใจพี่ยองแจจริงๆ คนนี้ไม่ใช่หยอกๆเลย” ผมหัวเราะเบาๆ หรือมึงว่าไม่จริง ไอ้ยองแจใสๆเนี่ย
“พี่ว่าถามกับเจ้าตัวเค้าเลยน่าจะดีกว่านะ”
ถะ… ถามกับเจ้าตัว?
หืมมมม มึงพูดงี้มันก็หมายความว่า…
“เศรษฐีบ้านนา...” คือพี่ยองแจ…
ไม่จริงใช่ม้ายยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!!!!
อีเหี้ยยยย เกลียดอะไรได้อย่างนั้นจริงๆกู ฮืออออออ ร้องไห้หนักมาก
กูบอกแล้ว กูเกลียดรอยยิ้มมัน เวลามันยิ้มทีไรจะต้องมีเรื่องชิบหายเกิดกับกู และส่วนใหญ่… มันก็เกี่ยวกับอีพี่มาร์คด้วย
อีเหี้ย! มึงคือผู้กุมความลับมาร์คแบมแบบที่เค้าบอกกันจริงๆสินะ
“เดี๋ยวพี่เอาไปให้ที่ห้องจินยองนะ พี่ก็อยู่หอชั้นนี้เหมือนกัน” มันว่าหลังเดินออกจากลิฟท์ที่ชั้น 7 แล้ว
“ขอบคุณครับพี่… เอ่อ ผมขอโทษ มันติดเรียกพี่ไปแล้วอ่ะ ขอบคุณมากนะครับ ที่พาผมมาล่าลายเซ็น ได้พี่เทคเพิ่มมาตั้งสองคน…”
“กินข้าวกับพี่สักมื้อสิ” อยู่ๆมันก็โพล่งขึ้นมา...
“ห้ะ?”
เอ่อ… มึงก็ไม่ให้กูตั้งตัวอีกคนล้ะ…. แต่เห็นแก่ที่มึงอุตส่าห์พากูมาหาพี่เทคหรอกนะ
“ก็ได้ครับ แต่ผมขอชวนเพื่อนผมไปด้วยนะ” พี่มันหุบยิ้มไปทันทีเลย
“ที่ชื่อยูคยอมน่ะเหรอ?” มันยิ้มเจื่อนๆมาให้ผม
“ครับ… พอดีมันชอบบ่นว่าไปไหนไม่ค่อยชวนมัน”
เปล่าหรอก มันเป็นข้ออ้างเฉยๆ มึงก็รู้กูไปไหนมาไหนกับเชี่ยยูคมันบ่อยที่สุดในสามโลกล้ะ ที่จะเอามันไปด้วยเพื่อเป็นไม้กันหมา… อย่างน้อยกูคงไม่ต้องมานั่งง้ออีเชี่ยพี่ต้วนมันอีก เห้อ…
“เป็นแฟนกันจริงๆใช่มั้ย?”
“หมายถึงผมกับมันอ่ะหรอ?” ผมส่ายหน้า
“เพื่อนกันเฉยๆ… พักนี้คนเข้าใจผิดกันหลายคนเลย”
กูก็ยังอยากคิดว่ามีคนเข้าใจผิดมากกว่ามีคนปล่อยข่าวอยู่ดี…
คือกูไม่เข้าใจไง...ว่าจะมีคนทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร?
“ไม่ใช่แฟนจริงๆหรอ?” ผมพยักหน้ายืนยัน… มันยิ้มอย่างดีใจ
เอิบบ… กูไม่ใช่แฟนเชี่ยยูค มันไม่ได้หมายความว่ากูจะเป็นแฟนมึงนะ ใจเย็นพี่น้อง…
“งั้นผมว่าผมไปหาพี่จินยองก่อนดีกว่าเนอะ... เค้าคงรอนานแล้ว”
เปล่าหรอก กูจะชิ่งล้ะ...
มันเดินมาส่งผมที่หน้าห้องพี่จินยองแล้วเดินไปอีกทาง สงสัยคงกลับห้องตัวเอง ผมกดออดหน้าห้องพี่จินยองก่อนจะมองไปที่พี่บีไอมันอีกครั้ง…
กูว่ามึงก็แลเป็นคนดีศรีสังคมมากเลยนะ… แต่กูบอกเลย คนดีๆอยู่กับกูไม่ได้นานหรอก มันต้องมีความเลวสูสีกันหรือไม่ก็มีความเลวอะไรติดตัวในระดับหนึ่ง…
แต่ตรรกะนี้ใช้ไม่ได้กับพี่คุณหรอกนะ… ก็กูบอกแล้วไงว่าไม่เคยแสดงด้านเลวๆให้พี่คุณเห็น… ส่วนไอ้พวกที่มหาลัยที่กูต้องเจอทุกวันเนี่ย… ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความเลวอยู่เลเวลไหน...
แต่ถ้าถามว่าอีพี่มาร์คมันเลวมั้ย?
ตอบเลย! มันเลวมาก!!!
ชอบรุกกูอยู่เรื่อย อีสันขวาน!
แกร๊ก
ผมหันไปที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงลูกบิดประตู แล้วก็พบว่า…
“พี่มาร์ค!!!”
ไอ้เหี้ย! มึงนี่อยู่ทุกที่ที่กูไปเลยมั้ย? กูกำลังนินทามึงอยู่ในใจซะด้วยสิ ช็อคไปเลยกู!
พี่มันเดินออกมาจากห้องแล้วมองไปทางที่พี่บีไอมันเดินไป กระทั่งพี่บีไอมันหันหลังกลับมามองที่ผมอีกรอบ พี่มาร์คมันก็เอาแขนมาล็อคคอผมแล้วลากเข้าห้องทันทีเลย…
เชี่ย อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ… ทำตัวประหนึ่งเป็นเจ้าของกูเลย หวงก้างชิบหาย!
พอเข้ามาในห้องผมก็พบว่าอีพวกแก๊งจังไรแมนแม่งอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาเลยอ่ะ…
โอ้โหเฮะ นี่มาทอดผ้าป่าสามัคคีกันหรอครัช?
“ทำไมพวกพี่มารวมตัวกันแบบนี้อ่ะ?” ผมที่ยังคงถูกไอ้เชี่ยพี่มาร์คล็อคคออยู่เอ่ยถามด้วยความยากลำบาก
“ก็คิดถึงน้องแบมแบมไงครับ”
เฮ้ยยย อีพี่หวัง! มึงดูลั้ลลาขนาดนี้! มึงหายดีล้ะหรอวะ? แล้วแถมนั่งข้างพี่ยองแจอีก นี่มันอะไรกันเนี่ย?
“ไอ้แจ็ค! พอเลยมึง” พี่ยองแจใสๆ เอ่ยพร้อมกับใช้มืออวบๆฟาดเข้าที่ไหล่อีพี่หวังคนแมนอย่างแรง...
เฮ้ยยย นี่มันอัลไล๊… ไอ้สัส กูงง ตกลงแล้วสองคนนี้กลับมาสนิทกันแล้วจริงหรอ?...
ถ้าใช่… แตกได้เป็นสองประเด็น
หนึ่งคือ… อีพี่แจ็คมันเปลี่ยนรหัส เอ้ย! ไม่ใช่ๆ มันเก็บความรู้สึกมันไม่ให้พี่ยองแจรู้ได้สำเร็จ… แต่กรณีนี้ พี่ยองแจคงจะสนิทกับอีเชี่ยพี่หวังเหมือนเดิมไม่ได้หรอกตามความคิดกูนะ… เพราะมันก็รู้อยู่แก่ใจว่าวันนั้นที่ห้องครัวของกู เกิดอะไรขึ้นบ้าง!
ถ้างั้นประเด็นที่สองคือ… คู่แจ็คแจลงเอยด้วยดี… พี่ยองแจอาจจะรับรักอีพี่หวังไปแล้วหรืออย่างไร…
โอ้ย ปวดหัวตายห่า!
พอแล้ว กูจะไม่ยุ่งเรื่องของพวกมึงแล้ว…
….ซะที่ไหนล่ะ!
ไม่ยุ่งไม่ได้จริงๆ กูคาใจ… เดี๋ยวกูต้องสังเกตุการณ์ไปเรื่อยๆ… ด้วยสกิลการเสือกของกูมันแอดวานซ์อยู่แล้ว… เดี๋ยวรู้เลย!
“มาทำงานกันน่ะนุ้งแบม งานกลุ่ม” ผมเลิกคิดแผนการเสือกไปชั่วขณะ เมื่อพี่จินยองมันบอก… ผมเลยหันไปพยักหน้าหงึกๆให้พี่มันแทน…
“พี่มาร์คจะล็อคคอผมอีกนานมั้ยอ่ะ?” ผมบอก
อีเชี่ยแม่ง.. ทำขนาดนี้มึงลงไปซื้อปลอกคอมาใส่ให้กูเลยไป! อีสลัดเอ้ย!
“ไอ้มาร์ค ปล่อยแบมแล้วมาช่วยคิดงานเร็ว วันนี้จะได้งานมั้ยเนี่ย!” พี่บีคนชิคเอ่ยประโยคช่วยชีวิตผมจากการโดนรัดคอ(?)
พี่มาร์คมันยอมปล่อยผมแต่โดยดี แต่ก็เงียบไม่ยอมพูดยอมจา… ลักษณะนี้แปลว่า…
กูโดนมันงอนสินะ
พี่มันเดินไปนั่งลงที่พื้น ตรงหน้าโต๊ะเตี้ยๆที่พวกมันกางกระดาษทำงานกันอยู่ ผมเลยเดินไปนั่งลงที่พื้นข้างๆพี่มัน…
ก็ไม่ได้อะไร… กูจำเป็นต้องนั่งตรงนี้เว้ย! ไม่ได้แก้ตัวเลย… กูไม่ได้กำลังง้อพี่อีพี่ต้วนมันเลย... ก็กูไม่เห็นว่ามันจะมีที่นั่งอื่นให้กูแล้ว… โซฟาถูกยึดครองโดยพี่เจบี พี่จินยอง และพี่ยองแจ ส่วนพี่แจ็คนั้นนั่งที่เก้าอี้เสริมข้างพี่ยองแจ มันก็เหลือแค่ที่พื้นถูกมั้ย?
“นุ้งแบมมานั่งบนโซฟามั้ย?” พี่จินยองทำท่าจะลุกให้ผมนั่ง แต่ผมโบกมือปฎิเสธไปด้วยความรวดเร็ว…
ก็ไม่ได้อะไร… ไม่ได้อยากนั่งพื้นหรอกนะ… แล้วก็ไม่ได้อยากนั่งข้างอีพี่มาร์คมันนักหรอก… ก็แค่เกรงใจพี่จินยองมัน เป็นเจ้าของห้องแท้ๆให้มานั่งพื้นได้ไง
เชื่อกูเถอะ พลีสส กูแถจนสีข้างกูถลอกปอกเปิกหมดแล้วเนี่ย!!!
“พวกพี่ทำงานไรกันอยู่หรอ?”
“ของอาจารย์ฮีชอลอ่ะ แกสั่งให้ทำเรื่องสั้น” ผมพยักหน้า…
อาจารย์ฮีชอลนี่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามแกมาตั้งแต่เข้ามาเรียนที่นี่แล้ว… แกเป็นประเภทที่เป็นตัวของตัวเองสูงปรี๊ดดดดด กฎเกณฑ์อะไรแกไม่สน แกสนแค่กฎที่แกตั้งเท่านั้น… แล้วงานที่แกสั่งนี่โจทย์มหาหินเลยนะ… รุ่นพี่มาสปอยล์ให้ฟังหลายคนล้ะ
ดีเลย… วันนี้จะได้ศึกษาไว้ เพราะพอขึ้นปีสองกูต้องเรียนกับอาจารย์ฮีชอล
“มีไรให้ผมช่วยมั้ยอ่ะ?” ผมเอ่ยพลางมองสำรวจไปที่กระดาษเอสี่มากมายหลายแผ่นที่กระจัดกระจายอยู่บนโต๊ะ
คือแทบหาไม่เจอว่าไหนงานพวกมึงวะ? บางแผ่นพวกมันก็วาดรูปเล่นกัน บางแผ่นมันก็เล่นไลน์กระดาษกัน…
งงมั้ยไลน์กระดาษ? มันก็เหมือนเล่นไลน์ในมือถือนั่นแหละ แต่อันนี้แม่งใช้เขียนดินสอเขียนเอา แบบเขียนส่งกันไปมาอ่ะ… ทุเรศชิบหาย พวกมึงโตเป็นควายล้ะนะ เล่นห่าไรไม่ดูสภาพสังขารและอายุเลย
ผมหัวเราะเบาๆเพราะตลกพวกพี่แม่ง… แต่อยู่ๆก็รู้สึกได้ถึงความเงียบ… ผมเลยเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองพวกพี่มัน
ไอ้เหี้ย! นี่คืออัลไล? พวกมึงมองกูทำไมหรอ? กูทำอะไรผิดไปรึเปล่า?... หรือกูขำพวกมึงไม่ได้?
เป๊าะ!
อยู่ๆอีพี่เจบีมันก็ดีดนิ้วเสียงดังจนกูตกใจ อะไรของมึงอีกอ่ะ?
“พวกพี่เป็นอะไรกันอ่ะ? ทำท่าทางแปลกๆ” ผมขมวดคิ้วด้วยความสงสัย...ก่อนที่สายตาจะไปป๊ะกับอีกพี่ยองแจจังๆ…. และกูก็รู้สึกถึงความหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้นกับกู… ซึ่งมันมักจะมาพร้อมรอยยิ้มของอีพี่แตงใสๆนั่น
แต่ที่ทำให้กูรู้สึกถึงความหายนะมากเข้าไปอีกก็คือ… ทุกครั้งที่มันยิ้ม… กูบอกแล้วใช่มั้ย? ว่ามันต้องเกี่ยวกับอีพี่ต้วน ชัวร์ป้าบ!!!
“ไม่เอา!!” ผมพูดเสียงดังลั่นห้อง หลังจากที่ฟังเรื่องที่อีพี่เจบีมันขอความช่วยเหลือจากผม…
โอ้ยอีเหี้ยยยย กูไม่น่าเล้ยยยย กูจะไปถามพวกแม่งทำไมวะ ว่ามีอะไรให้ช่วยรึเปล่า? ทำไมกูถึงพูดไปแบบน้านนนนน
กูอยากย้อนเวลา อาเมน!
“นะนุ้งแบม” อีพี่จินยองทำมือประนมแล้วทำสีหน้าอ้อนวอนเต็มสตรีม…
“ทำไมต้องเป็นผมอ่ะ?”
“ก็เมื่อกี้ถามเองว่ามีอะไรให้ช่วยมั้ย?” อีพี่แตงบอก…. อีสัส กูก็เกลียดตัวเองอยู่เนี่ย! พูดออกไปได้ยังไง?
“คือผมหมายถึงช่วยอะไรเล็กๆน้อยๆ ไม่ใช่อะไรแบบนี้อ่ะ”
อีเหี้ย พวกมึงจะทำเรื่องสั้นกันใช่มั้ย ต้องคิดบท ต้องหาโลเคชั่น ต้องถ่ายวิดีโอ บลาๆ คือให้กูไปเป็นเด็กในกองขนาดย่อมๆของพวกมึงก็ได้ กูช่วยยกของ กวาดพื้น แบกขากล้อง อะไรกูทำได้หมดอ่ะ
แต่นี่อะไร… จะให้กูเป็นนักแสดงหลักเลย
พวกมึงบ้ากันรึเปล่า!!
แล้วให้กูเล่นก็ไม่ได้ให้กูเป็นพระเอกหรอกนะ…
เสือกจะให้กูเป็นนางเอก!
พ่อมึงเถอะ! หล่อๆ มาดแมน แฮนซั่มกาย อย่างกูเนี่ยนะ!!! จะให้กูเป็นนางเอก… โถ่ววว มึงคงติด F วิชานี้อ่ะ อีพวกพี่เลว!
“นี่แหละ... งานง่ายๆ” อีพี่เจบีบอก
“ง่ายแล้วไมไม่เล่นเองอ่ะ?” ผมตอกกลับจนมันหน้าหงาย…
อีเหี้ย ของกูขึ้น…
ไอ่แบมใจเย็น… นั่นรุ่นพี่มึงนะ ไม่ใช่เชี่ยยูค ใจเย็นดิมึงใจเย็น…
“ถ้าพี่เล่นแล้วใครจะกำกับ” พี่เจบีมันบอก
“พี่จินยองไง”
“เนียร์ดูแลเรื่องเสื้อผ้า”
“งั้นก็พี่แจ็คสัน”
“แจ็คดูโลเคชั่น”
“งั้นพี่ยองแจก็ได้”
“ยองแจเขียนบท”
“แล้วพี่มาร์ค… ห้ะ!!! พี่ยองแจเขียนบท!”
อีเชี่ยยย งั้นกูยิ่งไม่สมควรเล่นใหญ่เลย… กูไม่ไว้ใจมันเลยให้ตายเถอะโรบิ้น
“มาร์คก็เป็นพระเอกไง” ผมนี่เงิบอีกรอบ… ก่อนจะหันไปมองหน้าพี่มาร์คที่นั่งนิ่งๆไม่พูดไม่จา…
มึงยังไม่หายงอนกูอีกหรอเนี่ย?...
จะหายได้ไง กูยังไม่ได้ง้อเลย… แล้วคือกูผิดอัลไล? กูไปทำไรให้ม๊านนนนนน ก็พอจะรู้อยู่ว่าคงหึงกูกะพี่บีไอ แต่… เรื่องอีพีบีไอนี่ยังไม่เคลียร์อีกหรอ? กูบอกแล้วไงมันเป็นพี่เทคกู กูไม่ยุ่งกับมันไม่ได้หรอก… แล้วนี่….กูจำเป็นต้องง้ออีเชี่ยพี่มาร์คมั้ยถามจริง! เห้อมมม กูควรเคลียร์เรื่องไหนก่อนกันวะเนี่ย!
“พวกพี่ต้องบ้ากันไปแล้วแน่ๆ ผมเป็นผู้ชายนะเฮ้ย! ให้มาเล่นเป็นนางเอกได้ไง พี่อยากโดนอาจารย์ฮีชอลด่าเปิงรึไง”
“อาจารย์ไม่ด่าหรอก… เราต้องทำเรื่องที่มันแหวกแนวไง”
“จะแหวกไปเพื่อ? แล้วทำไมพี่ไม่หาผู้หญิงมาเล่นอ่ะ”
“ไม่ได้ เรื่องนี้นางเอกต้องเป็นผู้ชาย”
“ทำไม? นางเอกมันต้องผู้หญิงดิ” ผมทำหน้าเหมือนหมาสงสัย…
“ก็นางเอกมันต้องเป็นผู้ชายที่ปลอมตัวเป็นผู้หญิง และพระเอกก็มาชอบนางเอก เป็นเรื่องสั้นแนวรักโรแมนติก” พี่ยองแจอธิบาย…
โอ้ยมึง!!!! พล็อตมึงละครไทยมาก… แต่มันต่างตรงที่กูเนี่ย...ไม่ใช่ผู้หญิงที่ต้องปลอมตัวเป็นผู้ชาย แต่กูต้องเป็นผู้ชายที่ปลอมตัวเป็นผู้หญิงอีกที แล้วสรุปสุดท้าย พระเอกแม่งก็ผู้ชาย... นางเอกแม่งก็ผู้ชาย...
อีเหี้ย นี่มันหนังเกย์ชัดๆ
“แล้วพี่ยองแจทำไมไม่เล่นอ่ะ พี่เขียนบทเองด้วย ต้องเข้าถึงบทบาทแน่ๆ” พี่ยองแจมันกำลังจะพูดไรต่อนี่แหละ แต่พี่มาร์คมันก็โพล่งขึ้นมาเสียก่อน
“เค้าไม่อยากทำจะไปบังคับเค้าทำไม?” เป็นประโยคแรกที่มันพูดหลังจากที่เงียบมานาน… ผมหันขวับไปมองมันที่ยังคงทำหน้านิ่งๆอยู่อย่างเดิม
“หรือว่าน้องแบมแบมไม่อยากเล่นกับไอ้มาร์ค?” พี่แจ็คถาม..
ไอ้เชี่ยย ไม่เกี่ยวเลย เล่นกับใครกูก็ไม่อยากทั้งนั้นแหละ จะให้กูแต่งหญิงหรอ? ไม่เด็ดขาด! เมื่อไหร่ที่ให้กูเป็นพระเอกกูถึงจะยอมเล่น
“มันไม่ใช่อย่างนั้น...” ผมยกมือขึ้นวางบนแขนพี่มาร์คมันก่อนจะเขย่าเบาๆ พี่มันหันหน้าไปอีกทาง… โอ้ย เรื่องมันชักจะไปกันใหญ่แล้ว ดีออก!
ติ๊ง ต่อง
เสียงออดดังขึ้น.. พี่จินยองเลยเดินไปเปิดประตู
“อ้าว… ว่าไงฮันบิน” เสียงพี่จินยองดังขึ้นที่หน้าประตูห้อง แล้วพวกพี่ที่เหลือที่นั่งอยู่ตรงนี้นอกจากพี่มาร์ค มันก็หันหน้ามามองผมกันหมดทุกคนเลย…
ทำไมล่ะ? กูทำอะไรผิดอีก? อยากจะร้องไห้ TT
“ขอเข้าไปหน่อยได้มั้ย?” เสียงพี่บีไอมันดังขึ้นก่อนที่พี่จินยองจะอนุญาตให้มันเข้ามา… พี่บีไอมันเดินตรงมายังที่พวกผมนั่งอยู่
“แบมแบม” มันเรียก ก่อนจะมองมาที่ผมและพี่มาร์คสลับกัน… ผมเลยลุกขึ้นแล้วเดินไปหามัน…
ก็มันจะเอาสมุดมาคืนไง กูเลยต้องเดินไปเอาคืนมา
“เราเซ็นให้แล้วนะ”
หืมมม? สรรพนามมันแปลกไปมั้ย?
มึงเรียกแทนตัวเองว่า ‘เรา’ หรอม? ก่อนหน้านี้มึงยังแทนตัวเองว่า ‘พี่’ อยู่เลย กูจำได้…
“ขอบคุณครับ...” ผมเก็บชื่อมันกลืนลงไปกับน้ำลายอึกเมื่อกี้แทบไม่ทัน… ก็เมื่อกี้จะเรียกมันว่า ฮันบิน แบบที่มันอยากให้เรียกไง… แต่มันจะดูแปลกๆสำหรับอีพี่พวกนี้เพราะมันไม่รู้… ถ้าผมเรียกเดี๋ยวก็เป็นเรื่องอีก
“นี่นั่งทำงานอาจารย์ฮีชอลกันอยู่เหรอ?” พี่บีไอมันถามแล้วมองไปทางอีพวกพี่ที่โซฟา
“อืม… กลุ่มนายทำถึงไหนแล้วล่ะ” พี่จินยองบอกก่อนจะเดินกลับไปนั่งข้างพี่เจบีที่โซฟาเหมือนเดิม
“ก็เริ่มทำบ้างแล้วล่ะ… อ้อ...เรามีเรื่องให้แบมแบมช่วยพอดีเลย” ประโยคแรกบอกพี่จินยอง ส่วนประโยคหลังบอกกู...
“ช่วย? ช่วยอะไรหรอครับ?”
บางทีกูอาจมีข้ออ้างให้ไม่ต้องเล่นเป็นนางเอกให้อีพวกพี่เชี่ยนี่
“มาเป็นนางเอกให้หน่อยนะ”
ไอ้เหี้ยยย ว๊อทเดอะฟัค!!!!
#ฟิคกระเรียน
เจ๊ก็มา
ตอบลบอร๊ายยยยยยยย
โอ้ว
งานนี้ต้องเลือกล่ะแบมๆ
เลือกไม่ดีงานเข้า
ว้อทททททททททททททททททททททททท งานหยาบละมึง 555555555555 รู้สึกถึงความป็อบมากของแบม
ตอบลบไม่รอดดดดดด55555
ตอบลบ