IN THE END....
"นึกยังไงถึงไปส่งฉันเนี่ย?" ผมเอ่ยถามยูคยอมที่นั่งอยู่เบาะหลังอยู่ก่อนแล้ว.. เขามาพร้อมลุงคนขับรถจากบ้านคุณอานั่นแหละ
"เปล่า... ฉันแค่จะติดรถไปซื้อของน่ะ ลุงครับออกรถเลย" เขาหันไปบอกคนขับรถแล้วก็เงียบไป... ผมยิ้มบางๆออกมาอย่างเสียไม่ได้..
ยิ้มให้เขา คนที่นั่งข้างๆผม.. ดูก็รู้ว่าโกหก จะไปซื้อของอะไรกัน.. คิมยูคยอม..
และ... ยิ้มให้ตัวเอง
ถ้าใช่แบบที่ผมคิด... วันนี้ผมจะได้สะสางทุกอย่างเสียที
เมื่อมาถึงโรงเรียน ผมบอกลายูคก่อนที่เขาจะกำชับกับผมอีกครั้ง
"ตอนเย็นจะมารับนะ รออยู่ตรงนี้ห้ามไปไหน เข้าใจมั้ย?" ผมยิ้มให้เขาแล้วพยักหน้า ก่อนจะเดินเข้าโรงเรียนไป..
ผมเดินตรงไปตามทางเข้าโรงเรียนเรื่อยๆ แต่ไม่ได้เลี้ยวขึ้นตึกเรียนอย่างที่ควรจะเป็น.. ผมเดินไปทางที่ห้องพยาบาลซึ่งอยู่ไกลออกไปแทน กระทั่งผมเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพยาบาล
ขอโทษทีนะยูค..
คุณอาครับ.. ผมขอโทษที่ขัดคำสั่งนะครับ
ผมอ้อมไปยังด้านหลังของห้องพยาบาลทันที.. ห้องพยาบาลของที่โรงเรียนนี้เป็นห้องเดี่ยวแยกออกจากอาคารเรียนอื่นๆ และที่สำคัญ มันตั้งอยู่ใกล้กับกำแพงซึ่งกั้นระหว่างโรงเรียนกับภายนอก และผมสามารถปีนข้ามมันออกไปได้ไม่ยาก
ปกติจะมีคนคอยตรวจเพราะที่ตรงนี้มีนักเรียนหลายคนใช้ในการโดดเรียน หากแต่วันนี้ผมมาโรงเรียนเช้ากว่าคนที่เดินตรวจเท่านั้น.. คงไม่มีใครคิดว่าจะมีคนมาโรงเรียนเช้าๆเพื่อมาโดดเรียนกันหรอกนะ
RRrrr
ก่อนที่ผมจะปีนข้ามกำแพงไปนั้น โทรศัพท์ผมมันก็สั่นเตือนขึ้นมาเสียก่อน
'พี่มาร์ค'
ผมชั่งใจก่อนจะรีบกดรับ เพราะหากอยู่ที่นี่นานกว่านี้คงมีคนมาเห็นเข้าแน่ๆ
"ครับ?"
(แบมแบม นายอยู่ไหนน่ะ?)
"ผมเหรอ?" ผมเริ่มแอบเข้าใกล้กับกำแพงมากขึ้นพลางสอดส่องสายตาไปรอบๆ...
(นายอยู่ไหน? พี่เห็นนายเดินเข้ามาแล้ว แต่พอมาหาที่ห้องนายก็ไม่อยู่)
"ผมบอกแล้วไงว่าอย่าทำแบบนั้น"
(บอกพี่มานะ ตอนนี้อยู่ไหน?)
"ผมอยู่โรงอาหาร... มาทำธุระนิดหน่อยครับ แค่นี้ก่อนนะครับ" ผมกดวางสายก่อนจะตัดสินใจปีนกำแพงข้ามไปอีกฝั่ง
ผมขอโทษนะพี่มาร์ค.. ผมจำเป็นต้องทำจริงๆ
.
.
.
ที่เซฟเฮ้าส์ ก่อนถึงเวลาปฏิบัติการจริงหนึ่งชั่วโมง
“วันนี้หน้าเครียดกว่าทุกวัน กังวลอะไรหรอยูคยอม?”
“เปล่านี่” ยูคยอมยักไหล่ให้เพื่อนตำรวจที่ถาม... นี่ผมกังวลจนแสดงออกชัดเจนขนาดนี้เลยหรอ? เคสนี้เป็นงานสำคัญถึงจะไม่ใช่เคสใหญ่ แต่เพราะมันเป็นการกวาดล้างไอ้พวกที่เหลืออยู่จากคดีครั้งนั้น... ตั้งแต่ที่มันบุกมากราดยิงครอบครัวแบมก็ยังไม่สามารถตามจับมันได้... พวกมันหลบหนีไปหลายประเทศ จนในที่สุดมันก็เข้ามาที่เกาหลี... และคราวนี้ผมจะไม่ปล่อยพวกมันไปแน่!
ที่ผมและพ่อไม่ยอมให้แบมเข้าร่วมในครั้งนี้ก็เพราะหากเขารู้ว่าคนพวกนี้เคยทำอะไรกับครอบครัวแบมไว้บ้าง แบมจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อจับพวกมันให้ได้ โดยที่เขาจะไม่ห่วงชีวิตของตัวเองเลย.. เขาจะแลกทั้งชีวิตกับคนพวกนั้นแน่ๆ ซึ่งผมไม่ยอมเด็ดขาด!
"เอ้อ! ยูคยอม นายได้ปืนแล้วรึยัง?" เพื่อนตำรวจคนเดิมเอ่ยเรียกให้ผมหลุดจากความคิดตัวเอง
"ปืน? ปืนฉันเหรอ? ฉันได้มาตั้งแต่เข้ากองแล้ว เราก็ได้พร้อมกันไม่ใช่หรอ?"
"ไม่ได้หมายถึงแบบนั้น นายลืมเอามาไม่ใช่หรือไง?"
"ใครบอกนาย.. นี่ไงปืนฉัน" ยูคยอมหยิบปืนพกออกจากสายเหน็บที่ข้างตัว
"อ้าว! ก็แบมบอกฉันว่านายลืม และจะเอามาให้นี่นา" ยูคยอมเบิกตาโพลงอย่างตกใจ
"เมื่อไหร่!"
"สักพักแล้ว... เขาบอกจะเอาไปให้ที่โกดังเลย แต่แปลกนะคนอย่างหมอนั่นไม่น่าจะลืมสถานที่และแผนปฏิบัติการได้ง่ายๆ"
"นี่นายบอกแบมหรอว่าเราจะไปไหนกันน่ะ!!!" เมื่ออีกคนพยักหน้า ยูคยอมก็วิ่งออกไปทันที
ไม่นะแบม... ทำไมทำแบบนี้!
แบม.. ทำไมนายไม่เชื่อฉัน
ทำไม..
.
.
.
ที่ด้านหลังของโกดัง แบมแบมจัดการพวกที่ยืนเฝ้าอยู่ที่ประตูใหญ่ได้สองคน และจัดการพวกที่เดินตรวจแถวๆนั้นได้อีกสองคน... จากนั้นก็จัดการกับอีกสองคนที่เฝ้าประตูทางเข้าโกดังในระหว่างที่พวกมันกำลังเผลอ... ในที่สุดเขาก็เข้ามาในโกดังได้... โกดังนี้เป็นโกดังร้างและมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง โดยจะมีทางเชื่อมกันอยู่ระหว่างสองโกดัง ตอนนี้เขาอยู่ที่โกดังแรก และจัดการกับพวกที่เดินตรวจภายในโกดังส่วนนี้ไปอีกสองคนโดยไม่รอให้ทุกคนที่เขาจัดการชักปืนออกมาเสียก่อน...
ใช่... ผมไม่มีปืนหรอก และผมก็ไม่อยากให้พวกมันเอาปืนออกมายิงเสียงดังเพื่อเรียกให้พวกที่เหลือแห่กันมาหรอกนะ
แบมแบมเก็บเอาปืนของพวกนั้นทุกคนที่เขาจัดการไปแล้วมาหย่อนลงในยางรถยนต์ที่วางซ้อนกันเป็นชั้นๆโดยที่ไม่ได้หยิบติดตัวไปสักกระบอกเดียว...
ผมเองก็ไม่อยากใช้ปืนเท่าไหร่... ผมไม่ชอบเสียงของมัน
"เก่งหนิที่จัดการพวกข้างนอกได้หมดแบบนี้น่ะ" แบมแบมชะงักหมัดที่กำลังจะถึงใบหน้าของชายฉกรรจ์คนหนึ่งที่ใบหน้าเต็มไปด้วยเลือดจากฝีมือของเขาเอง... เขาปล่อยมันให้ลงไปนอนสลบกองที่พื้นเมื่อได้ยินเสียงของคนข้างหลัง ก่อนจะตามมาด้วยเสียงขึ้นลำ* (*ดึงสไลด์ถอยหลัง)
“กล้ามากนะที่บุกมาเข้ามาแบบนี้... ไอ้หนู แกเป็นใครวะ?” แบมแบมยกมือขึ้นทั้งสองข้างก่อนจะค่อยๆหันมาเผชิญหน้ากับอีกคน
“ใครใช้แกมา?” แบมแบมมองไปรอบๆก็ไม่พบคนอื่นนอกจากผู้ชายไว้หนวดหน้าตาไม่เป็นมิตรคนนี้ที่กำลังถือปืนจ่อมาที่เขาอยู่...
“......” แบมแบมไม่ตอบเพียงแค่แสยะยิ้มใส่มันไปเท่านั้น
ปั่ก!
มันใช้ปืนในมือตบเข้าที่ใบหน้าของแบมแบมอย่างแรงจนหน้าหัน... ตอนนี้มันกำลังโมโหกับท่าทียโสโอหังของแบมแบมอยู่มากเลยทีเดียว
“เก่งนักหรอ? ลองกินลูกตะกั่วหน่อยเป็นไง” มันยกปากกระบอกปืนขึ้นมาจ่อที่หน้าผากของแบมแบมที่ร่วงลงไปนอนอยู่ที่พื้น
แบมแบมอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายนั่งยองๆไม่เต็มเท้าดีนักถีบเข้าที่หน้าอกขณะที่ใช้มือบิดข้อมือข้างที่มันใช้ถือปืนจ่อเขาอยู่อย่าแรง ทำให้ปืนในมือร่วงลงสู่พื้น ก่อนที่แบมแบมจะเหยียบลงบนหน้าอกมันแล้วใช้เท้าเตะซ้ำเข้าไปที่สีข้างของมันอย่างแรงอีกหลายที เขาพลิกตัวไปหยิบปืนที่ตกอยู่แล้วยกขึ้นจ่อหัวมันบ้าง
“ลูกตะกั่วเนี่ย เก็บไว้เป่าสมองมึงน่าจะดีกว่านะ!” แบมแบมฟาดปืนลงไปที่หน้ามันอย่างแรงจนมันสลบไป เขายกนิ้วขึ้นปาดเลือดที่ไหลลงมาที่หางตา... คิ้วแตกจนได้
“จับตัวไอ้เด็กนี่ได้คนนึงว่ะ เห็นมายืนลับๆล่อๆอยู่หลังพุ่มไม้” เสียงโหวกเหวกจากหนึ่งในพวกมันดังอยู่นอกโกดังอีกด้านหนึ่ง.. แบมแบมย่องไปแอบดูที่ซอกหน้าต่าง พวกมันสามคนกำลังลากตัวคนที่มันเพิ่งบอกว่าจับมาได้ไปอีกฝั่งของโกดัง หัวใจเขากระตุกวาบ...
“พี่มาร์ค!!!”
“เฮ้ยไอ้หน้าอ่อน! มึงมาทำอะไรที่นี่วะ!” พวกมันยืนล้อมมาร์คอยู่สี่คน
“......”
“กูถาม!!”
อั่ก
มาร์คลงไปนอนตัวงออยู่ที่พื้นเพราะถูกถีบเข้าท้องอย่างจัง ก่อนที่มันจะชักปืนออกมาถือไว้
“มึงเป็นใคร? ใครใช้มึงมา!!!” ไอ้พวกนั้นเหยียบลงบนหน้าอกของมาร์คแล้วใช้รองเท้าขยี้ไปมาจนชุดนักเรียนสีขาวเลอะเทอะไปหมด... ใช่ มาร์คมาทั้งชุดนักเรียนแบบนั้น เขาตามแบมแบมมาตั้งแต่ที่เห็นว่าแบมแบมเดินเข้าโรงเรียนมาแล้ว พอแบมเดินไปทางด้านหลังห้องพยาบาลเขาก็โทรหาแบมทันที และก็รู้ได้ว่า... แบมแบมกำลังโกหกเขาและทำอะไรบางอย่าง
“เฮ้ย! ไฟไหม้หน้าโกดัง!!” พวกมันคนหนึ่งตะโกนบอกที่ประตู
“พวกมึงไปช่วยกันดับไฟ” ชายคนที่เหยียบมาร์คเอ่ยบอกพวก ก่อนที่ทุกคนตรงนั้นจะวิ่งกรูกันออกไป เหลือเพียงแค่ตัวมันเองและมาร์คเท่านั้น
มันยกเท้าออกจากตัวมาร์คก่อนจะเตะที่ท้องมาร์คอย่างแรง และเก็บปืนเหน็บไว้ด้านหลังตามเดิม ก่อนจะเดินไปหยิบไม้เบสบอลที่วางพิงผนังอยู่มาถือไว้
“ยิงมึงนัดเดียวมึงก็แค่ตาย... สู้ให้มึงค่อยๆตายช้าๆกูจะสะใจมากกว่า” มันเงื้อมไม้เบสบอลขึ้นแล้วฟาดลงไปที่มาร์ค แต่มาร์คใช้มือทั้งสองข้างจับที่ไม้เอาไว้ได้ก่อน มาร์คถีบเข้าที่เป้ากางเกงของอีกฝ่ายจนมันนั่งหน้าเขียวอยู่ที่พื้น มาร์คพยายามดันตัวเองให้ลุกขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยังคงนั่งจุกอยู่ท่าเดิม เขาควรใช้โอกาสนี้ในการหนี... มาร์คพยุงตัวเองขึ้นและพยายามพาร่างไปที่ประตูทางออก
“มึง!!”
ปั๊ก
จังหวะที่มาร์คหันกลับไปมอง เขาก็ถูกไม้เบสบอลฟาดเข้าที่ศีรษะอย่างแรงแล้ว
มาร์คเซไปตามแรงที่ถูกตี... ตอนนี้เขารู้สึกเจ็บจนชาไปทั้งตัว ก่อนที่ขาทั้งสองข้างจะเริ่มหมดเรี่ยวแรงที่จะยืน มาร์คทิ้งตัวคุกเข่าลงไป ตรงหน้าเขามีผู้ชายคนเดิม..กำลังโยนไม้เบสบอลลงพื้น แล้วเปลี่ยนมาถือปืนเล็งมาที่เขาแทน
ปัง!!
สมองของเขาเริ่มรับรู้ได้ช้าลง ร่างกายไร้ความรู้สึก... ทว่าภาพที่เขาเห็นก่อนเสียงปืนจะดังขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีกลับเป็นคนที่เขาอยากเจอมากที่สุดในตอนนี้... แบมแบม
แบมแบมคุกเข่าลงข้างหน้ามาร์คพลางยิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน
"ผมมาแล้ว.."
ปัง!!!
ร่างของแบมแบมกระตุกเล็กน้อยก่อนที่สติของมาร์คจะดับวูบไป
"ไม่เป็นไรแล้ว.."
มาร์คสะดุ้งเฮือกจากความฝันเมื่อครู่ เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นเต็มใบหน้าของเขา เขามองไปยังเพดานห้องก่อนจะเริ่มกระพริบตาช้าๆพลางปรับอัตราการหายใจให้เป็นปกติ เขายกมือขึ้นจับที่หัวตัวเองเบาๆ รู้สึกได้ถึงความเจ็บที่แล่นร้าวอยู่ที่กะโหลกเลย.. เขาพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองไปรอบๆ.. ที่นี่คงเป็นโรงพยาบาล ดูจากเตียงและสายน้ำเกลือที่ห้อยอยู่ข้างๆนี่
“อ้าว เธอฟื้นแล้วหรอ?” มาร์คหันไปทางต้นเสียงที่เพิ่งเดินเข้ามา... ชายอายุประมาณสี่สิบปลายๆ ลักษณะดูภูมิฐานและดูน่าเกรงขามในเวลาเดียวกันนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงผู้ป่วย
"รู้สึกยังไงบ้าง? ปวดหัวรึเปล่า? ให้ผมตามหมอให้เอามั้ย?” มาร์คส่ายหน้าช้าๆ
“คุณเป็นใคร?”
“เธอชื่อมาร์คใช่รึเปล่า?"
"ครับ.. คุณคือ?"
"ผมเป็นพ่อของยูคยอม และเป็นพ่อบุญธรรมของแบมแบม" มาร์คพยักหน้ารับพร้อมก้มหัวเล็กน้อยและกล่าวสวัสดี เขาเห็นยูคยอมเดินเข้ามาแต่พอมองถัดจากยูคยอมไปกลับไม่พบใครอีกคนที่อยากเจอมากที่สุด
"แบมแบมล่ะครับ? เขาอยู่ไหน? ปลอดภัยใช่มั้ยครับ?" มาร์คนึกไปถึงความฝันเมื่อครู่ที่ปลุกให้ตัวเองตื่นแล้วก็รู้สึกใจหายแปลกๆ ในฝันผมเห็นภาพชัดเจนมาก... ทั้งภาพและเสียงปืนมันยังคงดังอยู่ในหัวผม... เป็นฝันร้าย... ที่ผมไม่อยากให้มันเป็นจริงเลย.. เพราะในฝัน... แบมแบมเอาตัวเองเข้ามารับกระสุนแทนผม
"ขอบใจมากนะที่เป็นห่วงเด็กคนนั้น.. แต่ต่อจากนี้ไป เธอไม่ต้องห่วงแล้วล่ะ"
"มะ... หมายความว่ายังไงหรอครับ?"
"เด็กคนนั้นน่ะ... เขาไม่ได้อยู่กับเราอีกแล้ว.."
"หมายความว่ายังไง? ไม่อยู่?... ไปไหน? เขาไปไหนครับ..." มาร์คเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือ..
"พ่อครับ เดี๋ยวผมบอกเขาเอง" ยูคยอมที่ยืนอยู่ข้างๆพ่อตัวเองจับบ่าพ่อเขาไว้เบาๆ ผู้เป็นพ่อพยักหน้าแล้วลุกเดินออกจากห้องไป
"นายหลับไปสามวัน... คงปวดหัวมากสินะ" เขานั่งลงแทนที่พ่อของเขา
"แบมแบมอยู่ไหน?" มาร์คเอ่ยถามขณะที่ดวงตาเขาเริ่มแดง
"เราจับพวกนั้นไว้ได้หมดแล้วล่ะ เก่งใช่มั้ยล่ะหน่วยเราน่ะ" ยูคยอมชูนิ้วโป้งขึ้นมาใส่มาร์ค
"เด็กคนนั้นไปไหน?" มาร์คมองยูคยอมอย่างขอร้องให้เขาตอบคำถามเสียที
"หัวหน้ามันก็ถูกจับแล้วด้วย..."
"ฉันถามว่า....” มาร์คพูดอย่างแผ่วเบาเหมือนคนหมดเรี่ยวแรง น้ำตาที่กำลังคลอหน่วยอยู่นัยน์ตายิ่งทวีมากขึ้นเรื่อยๆ
“นายควรจะพัก...”
“เขาไปไหน? เขาไปไหน!!!!" มาร์คตะโกนออกมาทั้งน้ำตา...
ยูคยอมนิ่งไปก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เขาเอื้อมมือมาจับที่ไหล่มาร์คแล้วออกแรงบีบราวกับให้กำลังใจ
"ฟังให้ดีนะ.. ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียว.. แบมแบมน่ะ ไม่ได้อยู่กับพวกเราอีกต่อไปแล้ว”
“ไม่จริง...”
“เขาไปอยู่ในที่ๆสงบ.. ที่ๆไม่มีความเจ็บปวดอะไรมาทำร้ายเขาได้อีกต่อไปแล้ว"
"......" มาร์คไม่ตอบอะไร เพียงแค่ยกมือขึ้นทุบหน้าอกตัวเองแรงๆเท่านั้น.. ขณะที่น้ำใสๆก็ไหลอาบแก้มเขาไม่หยุด.. เขารู้เพียงแค่ตอนนี้เขากำลังเจ็บปวด เหมือนสิ่งที่ได้ฟังมันบีบหัวใจเขา... มันเจ็บเจียนตาย
"นายอย่าทำแบบนี้เลย... ยอมรับความจริงให้ได้ว่าแบมน่ะ.. จากเราไปแล้ว" มาร์คส่ายหน้าช้าๆ และยิ่งทุบหน้าอกตัวเองแรงขึ้นอีก เขาร้องไห้โดยที่มีเพียงแค่น้ำตาที่ไหล... เสียงสะอื้นที่ควรมีกลับถูกกลืนหายลงไปจนหมดสิ้น
“ถ้านายทำร้ายตัวเองแล้วแบมจะกลับมา นายก็คิดผิดแล้ว...”
“.......”
“เขาช่วยชีวิตนายไว้เพราะอยากให้นายมีชีวิตอยู่ต่อไป... ถ้านายอยากให้เขาหมดห่วงตัวนาย... นายจะช่วยมีชีวิตที่ดีเพื่อแบมได้มั้ย?” มาร์คชะงักมือที่ทุบหน้าอกตัวเองแต่เปลี่ยนมาใช้มือทาบตรงตำแหน่งหัวใจของตัวเองแทน เขาหลับตาลงซึมซับความรู้สึกทั้งหมด ภาพที่เขาเห็นยังคงเป็นใบหน้าหวานนั้นเสมอ... แบมแบม
"แบมคงอยากให้นายเก็บนี่ไว้" ยูคยอมวางแหวนทองคำขาวใส่มือมาร์ค
"นี่เป็นของสำคัญของแบม.. แบมติดตัวไว้ตลอดเพื่อระลึกถึงพ่อแม่ของเขา.. ฉันคิดว่า.. เขาคงอยากให้นายเก็บเอาไว้.. เผื่อนายจะได้ระลึกถึงเขาบ้าง..."
มาร์คกำแหวนไว้แน่น ขณะที่ความเสียใจได้ก่อตัวขึ้นภายในหัวใจเขาถึงขีดสุด เขาอยากให้ทุกอย่างเป็นแค่ฝัน.. เขาอยากให้ทั้งหมด... มันไม่เคยเกิดขึ้นจริง
นายบอกฉันเองว่าไม่ให้ฉันไปไหน..
แต่ทำไม.. นายกลับทิ้งฉันไปแบบนี้ล่ะ
แบมแบม..
#ฟิคสั้นมาร์คแบม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น