ฟิคกระเรียน = เกรียนฟิค
#ฟิคกระเรียน
#ฟิคกระเรียน
แวะไปเม้นได้ที่
http://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1216340&chapter=39
ใครสนใจอยากสั่งจองฟิค
Click
-24-
Hmm..
“จะให้พูดคงยาก...” ผมบอก... มันแสยะยิ้มใส่ผมทันที…
ยิ้มทำไม?
เดี๋ยวสิมึง อย่าเพิ่งยิ้ม… อย่าเพิ่งรีบคิดว่าตัวเองชนะสิ
สงครามมันเพิ่งเริ่มเอง…
“เราขอไม่พูดแล้วกัน… แต่เราจะทำให้ดู” ผมบอกแล้วเดินออกมา… แต่ก่อนจะเดินออกมาผมก็ยิ้มเหยียดๆไปให้มันอีกรอบเพื่อความสะใจ…
ผมเดินออกมาได้สองสามก้าว
ไอ้แทยองมันก็กระชากแขนผมไว้…
“จะทำอะไร!” มันถามตาถมึงทึง…
แถมด้วยสีหน้าอยากจะกินเลือดกินเนื้อ… อีเหี้ยยยย
มึงอย่ามาเล่นบทตัวร้ายกับกูนะ กูไม่ได้แสนดีนะมึง บอกไว้ก่อน!
ผมใช้มือตัวเองจับที่มือมันก่อนจะบิดอย่างแรงจนมันทำหน้าเหยเกเพราะความเจ็บ…
“ไม่สนิทกัน อย่าเอามือมาโดนตัว..” ผมพูด..
มันมองหน้าผมอย่างโกรธแค้นแล้วกัดฟันกรามจนขึ้นเป็นสัน
ไม่กี่วินาทีหลังจากผมพูดจบ
แขนแกร่งของใครบางคนก็วางพาดลงที่ไหล่ผมและออกแรงดึงผมเข้าหาตัว…
“แล้วเราสนิทกันพอมั้ยครับ?” ผมหันไปมองหน้าไอ้คนพูดก่อนจะอ้าปากค้าง
“เฮ้ย!!!!!”
อีเชี่ยยย
กูไม่คิดว่าจะได้เจอมึงอีกชาตินี้…
อีสัส มันคือ ไอ้หน้าม่อที่เลี้ยงเหล้ากูคราวก่อนไง จำได้มั้ย
ตอนมาผับคราวโน้น ที่มันจะมอมกูด้วยแอ๊บแซงธ์ แต่ไม่สำเร็จ
“พี่ว่าไม่ใช่แค่สนิท แต่เราเป็นคนคุ้นเคยกันมากกว่าใช่มั้ยครับ?” มันบอกแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ ผมผลักมันออกก่อนจะมองหน้ามัน...
“ไม่ตลก”
อีเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ไป...มึงไปเลย…
ไปอยู่กับอีเชี่ยแทยองเลย อีพวกขี้มโน… คนคุ้นเคยพ่องสิ!!
คนอย่างมึงสมควรไปคุ้นเคยกับนาธานถึงจะเหมาะ อีสลิดดก
“ไม่เจอกันนาน ยังเหมือนเดิมเลยนะ... มากอดทีให้หายคิดถึงหน่อย” มันบอกก่อนจะทำท่าเดินเข้ามา
ผลั่ก
ไอ้หน้าม่อถูกผลักออกไปด้วยแรงของใครบางคน…
อีห่า
ทำไมใครบางคนชอบมายุ่งกับกูนัก
“ฮันบิน!” อีพี่บีไอมันผลักไอ้หน้าม่อแล้วทำท่าจะพุ่งเข้าใส่ด้วยความโมโห
ผมเลยต้องรีบดึงมันไว้ก่อน อีเหี้ย เดี๋ยวมีเรื่อง มันไม่คุ้ม
ไอ้หน้าม่อมองหน้าพี่บีไอก่อนจะมองหน้าผม
“เปลี่ยนแฟนใหม่แล้วหรอ? คนที่แล้วไปไหนซะล่ะ”
ไอ้หน้าม่อมันถาม เดี๋ยวก่อนนะ… มันชื่ออะไรวะ
เรียกแต่ไอ้หน้าม่อ… คือกูจำชื่อมึงไม่ได้แล้ว
ชื่ออะไรจีนๆเจ็กๆนะ
“ถามหากูเหรอ?” อีพี่มาร์คมันวาร์ปมาจากทางด้านหลังของไอ้หน้าม่อแล้วเดินมาอยู่ข้างผมโดยการเบียดพี่บีไอออกไป…
อีพี่บีไอแม่งก็หน้าสลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด
“อ้าว… ยังไม่เลิกกันหรอกหรอ?” ไอ้หน้าม่อมันถามด้วยสีหน้าเสียดาย
แต่ก็แอบกวนตีน
“กูเคยบอกมึงแล้วใช่มั้ยว่าให้เลิกยุ่งกับแฟนกู!” พี่มาร์คมองไอ้หน้าม่อตาขวาง..
เออ!
อีเหี้ยยย กูจำได้ล้ะ มันชื่อโจวมีไงมึง อีสัส
ถ้าอีพี่มาร์คไม่พูดประโยคนี้กูจะจำได้มั้ย?
จำได้ว่าตอนนั้นอีพี่มาร์คมันเช็คแฮนด์แทนกูเฉย…
“ก็เด็กมันน่ารัก ไม่ยุ่งไม่ได้อ่ะ” ไอ้โจวมีบอก…
คือแบบ…
แทบจะทันทีที่มันพูดจบ
ทั้งอีพี่มาร์คและอีพี่บีไอก็ทำท่าจะพุ่งเข้าไปใส่มันพร้อมๆกันเลย
แต่ดีนะที่พวกพี่ปีสองคนอื่นๆในสายเทคทั้งเทคกูและเทคเชี่ยยูคมันเดินล้อมวงกันเข้ามาก่อน
เลยมีคนห้ามอีพี่ต้วนกับอีพี่บีไอมัน
อีเหี้ยย
อารมณ์ตอนนี้กูอยากเต้นเพลงฉันหล่อไปมากอ่ะ…
ฉันผิดเองที่ดูดีมากไป..
ที่หล่อเกินห้ามใจ ฉันรู้ดีที่ทำให้เธอคลั่งไคล้ แต่จะทำยังไงก็ไม่รู้วววววว ~~~
“มีเรื่องไรกันวะ?” พี่ท็อปนำทัพเดินเข้ามายืนอยู่ระหว่างพี่มาร์ค
พี่บีไอ กับไอ้หน้าม่อ
ตอนนี้คือแบบ...
มึงนึกภาพออกมั้ย? เพื่อนๆและพี่เทคกูกับเชี่ยยูครวมๆกันแล้วเกือบสามสิบชีวิต
พากันมายืนล้อมรอบพวกกูที่กำลังจะมีเรื่องกันเป็นวงกลม… อีสัส
เหมือนยกพวกมาตีกรุงศรีแห่งแม่น้ำอยุธยา
“หมาหมู่นี่หว่า” ไอ้หน้าม่อมันพูดแล้วมองไปรอบๆวง…
แบบหน้าทุกคนตอนนี้พร้อมจะยำตีนมึงมากอ่ะ พูดเลย!
“ตัวๆก็ได้นะพี่...” ไอ้ยูคบอกแล้วเดินมายืนอยู่ข้างผมซึ่งเป็นคนละฝั่งกับพี่มาร์ค
“นี่อย่ามีเรื่องกันได้มั้ย? ขอร้องล่ะ” ผมบอก
ไอ้เหี้ยยยย
เรื่องมันชักจะบานปลาย… กูจำได้ว่าไอ้หน้าม่อมันมีบอดี้การ์ดด้วย
เกิดแม่งเป็นมาฟงมาเฟีย ชักปืนออกมากราดยิงจะทำยังไง
“ตัวเองก่อเรื่องเองแท้ๆ” ไอ้แทยองมันพูด... คือเหมือนจะพูดลอยๆอยู่ข้างหลังผม...
เป็นประโยคที่กูฟังแล้วปรี๊ดแตกทันที
อีเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
กูลืมมึงไปแล้วนะ!
อยากลองดีกับกูมากนักใช่มั้ย?!!
ได้!!!
ผมหันหลังกลับมามองไอ้แทยองทันที
ซึ่งมันก็ยืนลอยหน้าลอยตาอยู่แบบนั้น.. อีสัส ลอยหน้าลอยตาแบบนี้น่าเอามาจับกด…
กดด้วยตีนนะ!
ผมจับแขนมันแล้วกระชากมันเข้ามาอยู่ในวงล้อม
ตอนนี้ทุกคนมองหน้ากันอย่างงงๆที่ผมทำแบบนั้น รวมถึงตัวไอ้แทยองมันเองด้วย มีแค่ไอ้เชี่ยยูคที่รู้คดีของผมกับไอ้ปลัดขิกนี่เท่านั้น…
มันเลยเอามือมาจับแขนผมเพื่อรั้งไว้ก่อนที่ผมจะเผลอมือถึงตีนถึงอะไรไป…
นอกจากปากกูจะไวแล้ว..
มือตีนกูก็ไวไม่เป็นสองรองใครเหมือนกัน
“มีเรื่องไรกันเนี่ย?” เสียงพี่จีดีดังขึ้นก่อนที่เจ้าตัวจะแหวกคนที่ยืนล้อมเป็นวงอยู่เข้ามายืนเสนอหน้าอยู่กลางวง
“เฮ้ย! จียง!” ไอ้โจวมีตกใจเมื่อเห็นหน้าพี่จีดี…
เดี๋ยวนะ มันเรียกจียงว่ะ..
“ไอ้โจวมี?” พี่จีดีเลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะยิ้มออกมา
“กูเอง! มึงเป็นไงบ้างวะไม่เจอตั้งนาน” ไอ้โจวมีบอก
“กูก็เรื่อยๆอ่ะ แล้วมึงอ่ะเป็นไง?” พี่จีดีถามกลับ
“นี่ใครอ่ะจีดี” อีพี่ท็อปมันถามแทรกขึ้นมาก่อนที่ไอ้โจวมีจะตอบอะไรออกมา
“เพื่อนตอนเรียนอยู่วิศวะอ่ะ” พี่จีดีตอบแล้วหันกลับมาถามไอ้โจวมีอีกรอบ
“แล้วนี่มึงทำงานที่ไหนเนี่ย?”
“ตอนนี้กู...” ไอ้โจวมีกำลังจะอ้าปากตอบพี่จีดี…
แต่...
“เดี๋ยวพี่! นี่ไม่ใช่งานเลี้ยงรุ่น อย่าเพิ่งมาฝอยกันได้อ้ะ” ผมบอกอย่างอารมณ์เสีย… ก็มันยังติดโมโหไอ้เชี่ยแทยองอยู่อ่ะ
ทำไงได้ ตอนนี้กูจะพาลให้หมด!
“นี่รู้จักกันด้วยหรอ?” ไอ้โจวมีชี้มาที่ผมกับพี่จีดีสลับกัน
“น้องเทคกูเอง ทำไม มึงมีปัญหา? กูบอกไว้ก่อนห้ามยุ่งกับน้องกู
ถ้าไม่เชื่อกูมึงเจอตีนกูแน่” พี่จีดีบอก ไอ้โจวมียิ้มแหยๆ
ก่อนจะยืนเจี๋ยมเจี้ยมเรียบร้อย… ไอ้ห่า!
ท่าทีผิดไปจากเมื่อกี้มากเลยนะมึงเนี่ย
“โถ่ แล้วก็ไม่บอกแต่แรกว่ารู้จักไอ้จียงมัน” ไอ้โจวมี่บอก…
อีสัส
กูจะไปตรัสรู้กับมึงมั้ยล่ะวะว่ามึงมีเพื่อนฝูงเป็นใครมาจากไหนบ้าง ดีออก!
“อยู่นี่กูชื่อจีดีเว้ย” พี่จีดีแย้งและทำท่าเหมือนจะเม้ามอยกันต่อ…
ไม่ได้การ กูขอตัดจบเรื่องนึงก่อนนะ
“สรุปแล้ว ผมกับพี่เคลียร์แล้วนะ…” ผมบอกไอ้โจวมี
มันพยักหน้ารับ ผมเลยหันมามองไอ้แทยอง
เหลือมึงกับกู….
“มีไรจะพูดมั้ย? นายอ่ะ!” ผมบอกไอ้แทยองอย่างเอาเรื่อง…
ตอนนี้ทุกคนยังไม่รู้เรื่องบาดหมางของผมกับมัน… เลยกลายเป็นว่าทุกคนดูจะงง เมื่อผมถามมันไปแบบนั้น
ไอ้แทยองมองไปรอบๆก่อนจะตีหน้าเศร้าๆ..
“เราทำอะไรให้นายไม่พอใจหรอแบมแบม.. ถ้านายไม่พอใจอะไรเรา เราก็ขอโทษนะ
แต่อย่าทำอะไรเราเลย..” มันบอกก่อนจะทำท่าทางหวาดกลัว…
อีดอก!
วิญญาณผีอะไรเข้าสิงมึงอีก? คุ้มดีคุ้มร้าย… โถ่ววว
กะจะเรียกคะแนนสงสารสินะ… ทำตัวเป็นคนดี โดนกูกลั่นแกล้งหรอ
อย่าคิดว่ากูดูไม่ออก รู้ไม่ทันมึงนะ…
ได้...
มึงเล่นไม้นี้ใช่อ้ะ
ได้….
มึงเล่นใหญ่นักใช่มั้ย? เดี๋ยวมึงเจอใหญ่กว่า...
“เราแค่เป็นห่วง คิดว่านายเป็นโรคตื่นตระหนก...
เห็นนายยืนสั่นอย่างกับลูกนก เลยคิดว่านายคงกลัวที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น…” ผมบอกแล้วเดินเข้าไปหามัน
“ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว..” ก่อนจะยิ้มบางๆส่งไปให้
ยิ้มแบบที่คนดีเค้ายิ้มกันอ่ะ
ใครสงสัยว่ายิ้มยังไง มึงไม่เคยเป็นคนดีไง๊?
ถามใจตัวเองดู… มันชะงักไปเพราะไม่คิดว่าผมจะทำแบบนี้
แปลกใจที่กูคุมอารมณ์ได้ดีล่ะสิ ก่อนหน้านี้กูโกรธจนไฟแทบลุก
แต่พอมึงเล่นแบบนี้กูเลยต้องเอาน้ำเย็นเข้าลูบ… ลูบนี่ไม่ได้ลูบมึงนะ…
ลูบตีนกูเองนั่นแหละอีดอก เดี๋ยวตีนลั่น!
“ทุกคนก็แยกย้ายกันไปที่โต๊ะของตัวเองได้แล้วนะ
เดี๋ยวคนอื่นเค้าจะตกใจกันไปมากกว่านี้” ผมหันไปบอกทุกคน
ก่อนที่คนอื่นๆจะเริ่มถอยกลับไปที่โต๊ะตัวเองอย่างที่ผมว่า
“เบื่อพวกชอบเรียกร้องความสนใจ” ไอ้แทยองพูดเบาๆ
แต่กูได้ยินเพราะยืนอยู่ใกล้มันที่สุดล้ะ… ก็ไอ้โจวมีที่เคยยืนอยู่ข้างไอ้แทยองมัน
โดนพี่จีดีลากไปแดกเหล้าอยู่มุมโน้น
อยากจะถามออกไปจริงๆเลย
ว่าที่พูดเนี่ย… พูดลอยๆหรือตั้งใจเจาะจง?... มึงรู้มั้ย... จะว่าใครเค้า ต้องมั่นใจนะว่ามันจะไม่เข้าตัวเอง
“พูดถึงตัวเองอยู่หรอ?” ผมหันไปถาม
“นี่ไม่รู้จริงๆหรือแกล้งโง่!” มันพูดแบบไม่ขยับปากมากนัก…
กลัวคนอื่นจะรู้สันดานที่แท้จริงของมึงล่ะสิท่า… ผมแค่นหัวเราะกับท่าทีของมัน
แหม…
พอลับหลังคนอื่นนี่ปากเก่งจริงๆเลย
“เราไม่รู้จริงๆ แต่ถ้านายจะบอกว่าหมายถึงเรา... เราก็ไม่ว่านะ… ถ้าจะบอกว่าเราเรียกร้องความสนใจมันก็ไม่แปลกอ่ะ” ผมเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มตัวเองอย่างกวนๆ
“......”
“ก็เรียกแล้วเค้าสนนี่... ไม่ใช่เรียกให้ตายยังไงเค้าก็ไม่สน” ผมยกยิ้มมุมปากขึ้นน้อยๆ ดูเหมือนตอนนี้คนที่ลุกเป็นไฟไม่ใช่กูแล้วล่ะ…
ตอนนี้กูเย็นเป็นน้ำแข็ง… เพราะกูมีไม้ตาย
ไพ่ใบสุดท้าย...
“พี่มาร์คคคคค หิวอ่ะ” ผมบอกก่อนจะหันหลังกลับไปหาอีพี่หัวแดงที่ยืนรออยู่..
ข้างๆมีพี่บีไอ และไอ้ยูคยืนอยู่ด้วย
ผมเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าพี่มาร์ค
อีพี่บีไอมันเหมือนจะรู้ตัวว่าตัวเองไม่เกี่ยว เลยเดินแยกออกไปอีกทาง…
ส่วนไอ้ยูคยังคงยืนเสนอหน้าอยู่ข้างๆพี่มาร์คอย่างนั้น…
อีพี่ต้วนมันมองผมก่อนจะขมวดคิ้ว…
เอาล่ะสิ หน้าแบบนี้หมายความว่าไง… จะงอนอะไรกูอีกรึ?
“ไอ่แบม คอมึงไปโดนไรมาวะ?” ไอ้ยูคถามยิ้มๆ
ผมยกมือขึ้นมาจับที่คอตัวเองทันที
“เปล่านี่… ทำไม คอกูมีไร?” ผมหันไปถามเชี่ยยูคด้วยความสงสัย
แต่ไอ้เพื่อนเลวมันก็ไม่ตอบ แถมยังเดินหนีกูไปเฉยเลย… แล้วอยู่ดีๆ
อีพี่ต้วนมันก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด
หืมมมมมมมมมมมมมมมมม กอดกูทำไม?
“ทำไมอยู่ดีๆถึงมากอดคนอื่นเค้าแบบนี้อ่ะ” ผมถามงึมงำอยู่ตรงหน้าอกมัน
“คอเป็นรอยอ่ะ เพิ่งเห็นเหมือนกัน” มันกระซิบบอกที่ข้างหู
“รอยอะไร...” ผมหยุดคำถามไว้แค่นั้น เพราะจู่ๆภาพบนรถมันก็ซ้อนทับเข้ามาในหัว…
อีเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
อย่าบอกกูนะว่ารอย…
โอ้ยยยยยยยยยย
มึงทำรอยไว้ทำไมมมมมมมมมมมมมมมมมม
อีเชี่ยพี่มาร์ค!
“เดี๋ยวนี้ชักจะโจ่งแจ้งเกินไปแล้วเพื่อนกู” พี่แจ็คสันเดินเข้ามาหา
แต่อีพี่มาร์คมันก็ยังคงกอดผมไว้อย่างนั้น
เออดี..
ช็อตนี้ให้ไอ้ปลัดขิกมันเห็นไปเต็มสองลูกกะตา เอาให้อกแตกตายไปเลย…
นี่กูยังไม่ทันได้ออกโรงทำอะไรเลยนะ อีพี่มาร์คมันทำของมันเอง
กูเปล่า… *ยิ้มอ่อน*
“กูพูดแล้วยังจะค้างอยู่ท่าเดิมอีก ไอ้มาร์ค มึงนี่หน้าด้านว่ะ!” อีพี่แจ็คด่าก่อนจะส่ายหัวแล้วเดินออกไป
เออ….
กูว่าจะหาคำด่ามันอยู่ อีพี่มาร์คแม่งหน้าด้านจริงๆ
ไม่คิดว่าแม่งจะเป็นคนแบบนี้เลย… อีเหี้ยพูดแล้วของขึ้น
มันหน้าด้านจริงๆนะมึง ยิ่งตอนอยู่บนรถนี่โคตรพ่อโคตรแม่หน้าด้านอ่ะ… อีสัส
ขอด่าหน่อย
กูเขิน!
“กอดขนาดนี้ เอากลับบ้านเลยมั้ยพี่?” ผมกวนตีนมันไประดับสอง…
“กลับเลยมั้ยล่ะ?” พี่ต้วนบอก
หืมมมมมมมมมมมมมมม
กูไม่มั่นใจเหลย ว่ากูจะกลับถึงบ้าน…
อีดอก!
ไม่ไป กูไม่กลับกับมึงแล้ว กูจะกลับกับเชี่ยยูค!!!
ผมผลักมันออกก่อนจะพูด
“ยัง… จะกินเหล้าก่อน อย่ามาห้ามด้วย
ผมคอแข็งมากนะรู้ยัง?” ผมยักคิ้วใส่มันไปสองที
“นอกจากคอแข็ง… รอยแดงๆก็ชัดมากด้วย” มันยกนิ้วโป้งขึ้นมาเกลี่ยที่คอกูเบาๆ.. เดาว่ามันเกลี่ยรอยที่มันทำไว้
อีสัสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส
ผมใช้มือฟาดไปที่อกมันทีนึงแรงๆอย่างหมั่นไส้
แล้วพูดเบาๆกับมัน
“แล้วใครให้ทำชัดขนาดนี้วะพี่มาร์ค!!!!” มันเอื้อมมือขึ้นมาจับมือที่ผมตีมันไว้ก่อนจะดึงผมเข้าไปหาแล้ว
พูดเบาๆที่ข้างหูอีกครั้งให้กูขนลุกเล่น…
“คราวหน้าคงต้องทำให้ต่ำกว่านี้หน่อย… จะได้มองไม่เห็นรอย”
อีเหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
ต่ำกว่าคอมันจะไปไหนได้ล่ะมึง…
เกลียดแม่งว่ะ!!!
ชอบทำกูเขิน อีดอก!
.
.
.
และแล้วก็เข้าสู่เทศกาลสอบกลางภาค..
ถามว่าหนังสงหนังสือได้อ่านมั่งยัง?... ตอบเลย… อ่านเว้ย! สอบตอนบ่ายวันนี้ กูอ่านเมื่อเช้า… พ่อแม่กูต้องภูมิใจในตัวกูแน่ๆเหลยย
หลายๆคนคงสงสัยเรื่องที่ผับวันนั้น..
ตกลงกูกลับกับใคร?... ได้กลับกับเชี่ยยูคมั้ย?
คำตอบคือ…
กูกลับรถอีเชี่ยพี่มาร์คมันแหละ…
แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นหรอกนะ…
เพราะกูเป็นคนขับ กูไม่จอดซะอย่าง มันก็ทำไรกูไม่ได้ จริงมะ?
แต่ที่มันยอมให้กูขับเองเพราะมีเงื่อนไข…
คือมันบอกกูว่า ตอนไปทะเลให้นอนห้องเดียวกับมัน…
อีเชี่ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
กูควรทำให้มันจบไปบนรถเลยมั้ยวะ?
อีดอก นอนห้องเดียวกับมึงนี่ก็ไม่ต่างอะไรกันหรอกมั้งกูว่า…
.
.
.
“วู้วววววววว~” ผมร้องตะโกนแหกปากทันทีที่เท้าเหยียบลงพื้น…
ก่อนทำท่าจะออกวิ่งไปหาทะเลที่กำลังซัดสาดเข้าสู่ชายฝั่งอยู่ไกลๆโน่น..
คือกูเพิ่งลงจากรถตู้ที่จอดอยู่หน้ารีสอร์ทไง…
คือทะเลอยู่อีกไกลลิบ
“ไอ่แบม
มาช่วยขนของก่อน!!!! ของมึงเยอะมาก กูคิดว่ามึงจะมาเปิดโชว์ห่วยที่นี่ซะอีก โว้ยยย
หนักชิบหาย!” เชี่ยยูคตะโกนตามหลังมา อีสัส
มึงเบรคกูได้หัวทิ่มมาก สภาพจิตใจกูตอนนี้ จากเต็มร้อย ติดลบเลยอีห่า
พูดซะเสียเซลฟ์เลยแม่ง
เปิดร้านโชว์ห่วยบ้านพ่อมึงสิ ที่กูขนมาก็เสื้อผ้าทั้งนั้นแหละ
กูมั่นใจว่ากูเล่นน้ำวันนึงหลายรอบแน่ๆ กูเลยขนมาหมด
แล้วอีกอย่างคืออีพี่ยองแจแม่งบอกว่ามีเสื้อผ้าอะไรที่พอจะใส่เข้าฉากได้ให้กูขนมาเองให้หมด
อีสัส นี่มึงให้กูเล่นหนังมึงทั้งที เสือกไม่ลงทุน
เสื้อผ้าให้กูหาเองอีก ดีออก!
ผมเลยเดินย้อนกลับมาที่รถด้วยหน้าบูดๆเหมือนตูดเด็ก
“เดี๋ยวแบ่งห้องนอนกันเองนะ
ในบ้านพักมันจะมีอยู่แค่สามห้องนอน” พี่จินยองเดินถือกุญแจที่พักเข้ามาจากที่ติดต่อจองห้องพักของที่นี่ทั้งตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักที่จองไว้สักเท่าไหร่นัก…
เดี๋ยวนะ…
มีสามห้อง? คือมีกันเจ็ดคนป้ะมึง
มีแค่สามห้องงี้ก็แปลว่า มีสามคนจะได้นอนห้องเดียวกันอ่ะสิ
หรือไม่ก็อีกคนนึงนอนข้างนอกงี้หรอ?
“แบ่งห้องกันยังไงดีอ่ะพี่จินยอง?” ผมรีบเดินเนียนๆเข้าไปสะกิดถามอีพี่จินยองเบาๆทันที… โถ่วว มึงก็รู้ว่าอีพี่มาร์คมันบอกให้กูนอนห้องเดียวกับมัน..
“ก็แล้วแต่อ่ะ นุ้งแบมจะนอนกับพี่มั้ย?”
พี่จินยองถาม ผมยิ้มออกมาทันทีแต่ก็ต้องหุบยิ้มลงไปทันทีเหมือนกัน…
ก็หน้าอีเชี่ยพี่บีคนชิคแม่งลอยเข้ามาในหัว อีสัส!
รายนั้นต้องนอนกะเมียอยู่แล้วป้ะวะ? หวงกันยังกับจงอางหวงไข่…
แล้วยิ่งทรงผมมันตอนนี้นะแม่ง ทรงผ้าม่านด้วย..
ยิ่งทำให้กูเกลียดขี้หน้าแม่งเข้าไปใหญ่
อยากจะเอาเงินฟาดหัวมันแล้วบอกให้มันไปตัดผมซะจริงๆ รำคาญลูกกะตาชิบหาย...
“พี่จินยองต้องนอนห้องเดียวกับพี่เจบีอยู่แล้วนี่…
แล้วทีนี้เหลือใคร พี่แจ็คสันคงนอนห้องเดียวกับพี่ยองแจอีกล่ะสิ”
พี่จินยองพยักหน้าเห็นด้วย
“งี้ก็เหลือผม ไอ้ยูค แล้วก็พี่มาร์คใช่ป้ะ?
สามคนนอนห้องเดียวกันก็ดีนะพี่” ผมยิ้มร่าออกมาทันที
อย่างน้อยเชี่ยยูคมันก็เป็นไม้กันหมาให้กูได้ในระดับหนึ่งล่ะ
รีสอร์ทที่นี่ออกจะเป็นบ้านพักหลังใหญ่หลังเดี่ยวๆแยกออกจากกันเป็นหลังไป
โดยปลูกต้นไม้คั่นกลางระหว่างหลัง…
จากที่ผมเดินเข้ามาแล้วใช้สายตาสำรวจไปรอบๆบ้านก็พบว่า
นอกจากห้องสามห้องที่พี่จินยองมันบอกแล้ว… ยังมีที่นอนวางอยู่ข้างนอกอีกอันนึงด้วย..
แปลว่าถ้าไม่นอนในห้องก็สามารถออกมานอนตรงโซนนี้ได้ แถมมีโทรทัศน์ให้ดูอีกแน่ะ
ชีวิตดีไปอีก
หรือกูจะออกมานอนข้างนอกคนเดียวแล้วปล่อยให้ไอ้ยูคกับพี่มาร์คนอนในห้องกันไปดีวะ?
ปลอดภัยสำหรับกูที่สุดแล้วมั้ง...
แต่เดี๋ยวรอดูสถานการณ์ก่อน…
ตอนนี้กูควรเอาของไปเก็บแล้ววิ่งลงทะเลให้ไวเลย… อยากมาก ร่างกายต้องการน้ำทะเล
“เก็บของเสร็จเราจะเริ่มถ่ายกันเลยนะ”
เสียงพี่ยองแจตะโกนบอกออกมาจากห้องใดห้องหนึ่งในสามห้อง…
อีเหี้ยยยยย อะไรคือเริ่มถ่ายเลย?
คือกูอยากไปเล่นน้ามมมมมมมม
ผมทำหน้างอแงแล้วเดินกระฟัดกระเฟียดออกมาจากบ้าน…
มองไปทางทะเลที่อยู่ไกลออกไปแล้วยิ่งเหี่ยวเฉา… อีเหี้ย มาทะเลครั้งนี้กูจะมีโอกาสได้แตะน้ำทะเลสักติ๊ดนึงมั้ยเนี่ย?
ผมนั่งนอยด์อยู่ที่เก้าอี้หน้าบ้านพักได้แปปนึง
อีพี่ต้วนมันก็เดินตามออกมานั่งด้วยที่เก้าอี้ข้างๆ
“อยากเล่นน้ำมากเลยหรอ?” พี่มาร์คมันถาม…
เออสิ! หน้ากูดูเหมือนไม่อยากเล่นหรอ?
หน้ากูดูเหมือนอยากถ่ายหนังพวกมึงมากกว่างั้นหรอ?
“เดี๋ยวพาไปเล่นโอเคมั้ย
ถ่ายแค่ไม่กี่ฉากเอง… ถ่ายเสร็จแล้วพาไปเลย” มันบอก… ฮืออ แม่งทำกูใจชื้นขึ้นมาหน่อยนึง… อย่างน้อยกูก็ยังมีหวังทีจะได้ไปเล่นน้ำภายในวันนี้
“ไม่รู้อ่ะ อยากเล่นน้ำแล้ว… ทำไมไม่ให้เล่นน้ำก่อนแล้วค่อยถ่ายอ่ะพี่มาร์ค?”
“ก็พวกพี่รู้ไงว่าถ้าเล่นน้ำแล้วจะเล่นกันนาน
เลยให้ถ่ายก่อนแล้วค่อยไปเล่น” ผมพยักหน้ารับ… เออ ก็ดูมีเหตุผลอยู่นะ
เพราะถ้ากูเล่นน้ำตอนนี้กูเล่นยาวไปถึงตอนเย็นแน่ๆอ่ะพูดเลย!
“โอเค จะตั้งใจถ่าย...” ผมบอก แต่ก็ยังไม่วายเบะปาก อมลมตามสไตล์..
อีพี่มาร์คมันเลยวางมือบนหัวผมแล้วขยี้เบาๆอย่างเอ็นดู… เอ๊ะหรือมันหมั่นไส้วะ?
หลังจากที่ทุกคนพร้อม ทุกอย่างพร้อม กายพร้อม ใจพร้อม
เราทำได้ เย้! พวกผมก็เริ่มถ่ายฉากแรก
เป็นฉากที่กูยังคงต้องแต่งตัวเป็นผู้หญิงอยู่…
มันเป็นตอนก่อนที่พระเอกจะรู้ว่า จริงๆแล้วนางเอกแม่งเป็นผู้ชาย…
มึงลืมพล็อตไปกันยัง? กูนี่จำได้ไม่มีวันลืมเลย
อีเหี้ย!
อยากจะบอกว่าในหนังสั้นนี่ไม่ได้มีแค่กูกับพี่มาร์คที่เล่นนะ
ทุกคนได้เข้าฉากหมด รวมถึงเชี่ยยูคด้วย.. มีบททุกคนอ่ะ
และในเรื่องคือรับบทเป็นตัวละครที่ชื่อเหมือนตัวเองเลย ไม่ต้องคิดชื่อใหม่เลย..
เริ่มจากฉากนี้…
ในเรื่องคือพากันมาเที่ยวทะเล… ตอนนี้กูยังต้องแต่งหญิงอยู่…
แต่เดี๋ยวพระเอกแม่งต้องรู้ต่อจากฉากนี้แหละว่านางเอกแม่งไม่ใช่ผู้หญิง
พอรู้ก็ตกใจแล้วสับสนกับตัวเอง… แล้วคือกูก็ต้องมาขอโทษมันในฉากไรงี้...
โอ้ยย อีเหี้ย ฝืนใจสุดอะไรสุด ถ้าเป็นชีวิตจริงนะ
กูจะตะโกนใส่หน้าแม่งไปเลยว่า
‘กูผู้ชายแล้วไงวะ! รักมึงไม่ได้หรอ!’
เย้ดดดด เสี่ยวมาก
กูหมายถึงถ้ากูเป็นตัวละครในเรื่องจริงๆนะ
แต่ชีวิตจริงกูจะกล้ากับอีเชี่ยพี่มาร์คมั้ย ถามใจตัวเองดู…
ผมตั้งใจถ่ายฉากนี้ให้เสร็จไปด้วยความรวดเร็ว
ต่อด้วยอีกฉากที่ถ่ายกับเชี่ยยูค.. คือมันเล่นเป็นเพื่อนกูในหนังไง
แล้วคือที่พระเอกแม่งรู้ความจริงว่านางเอกแม่งเป็นผู้ชายเพราะเชี่ยยูคนี่แหละ
ในหนังมันก็ชอบกู… มันรู้นี่ว่ากูเป็นผู้ชาย… มันก็ชอบกูทั้งๆที่รู้นี่แหละ...
มันหวงกูด้วยที่แต่งหญิงแล้วมาชอบกับอีพี่มาร์คในเรื่อง
ฉากต่อไปคือตอนที่อีพี่มาร์คมันรู้แล้วกูต้องตามไปขอโทษแม่งอ่ะ…
มันเดินหนีกูแล้วปล่อยให้กูยืนทำหน้าเศร้าอยู่คนเดียว…
“คัท” เสียงพี่เจบีดังผ่านโทรโข่ง..
เย้!!! หมดฉากของกูแล้ววันนี้…
มีอีกทีคือตอนค่ำๆอันนั้นถ่ายในบ้าน… ถึงเวลาที่กูต้องรีบไปเปลี่ยนชุดแล้ววิ่งลงทะเลอย่างไวแล้ว…
คนอื่นมันมีถ่ายฉากอื่นกันต่อ อันนี้กูขอไม่อยู่ดูนะ กูอยากเล่นน้ำ
พวกมึงให้กูมาถ่ายหนังกูไม่ว่า แต่เวลาพักของกู กูจะทำอะไรอย่ามาห้าม
“เล่นดีมากเลยแบมแบม เศร้าได้เหมือนจริงมาก”
พี่เจบีเอ่ยชม… ผมเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง…
เศร้าได้เหมือนจริง?
มันเป็นคำชมรึเปล่าวะ…
แต่กูไม่ได้แสดงหรอกนะ...เมื่อกี้… แค่รู้สึกจริงๆ…
คนมันจะไป…
เราจะไปทำอะไรได้วะ ก็ได้แต่ยืนมองเค้าเดินจากไป ถูกป้ะ? เหมือนที่กูเคยยืนมองเค้าเดินไปจากกูแล้วครั้งนึง...
“ก็แบมแบมเก่งไง เล่นได้เข้าถึงบทบาทมากๆ
ไม่เสียแรงที่ให้บทไปอ่านล่วงหน้าตั้งหลายวัน” พี่ยองแจเดินเข้ามาแล้วเอาศอกกระแทกสีข้างพี่เจบีไปหนึ่งที..
ผมหัวเราะหึหึใส่พี่มัน
แล้วก็รีบวิ่งเข้าบ้านแล้วเปลี่ยนจากชุดที่ใส่เข้าฉากออก
เป็นเสื้อยืดกางเกงสี่ส่วนแล้วออกไปเล่นน้ำทันที แต่กูไม่ได้ไปคนเดียวนะ…
ไอ้ยูคกับอีพี่มาร์คก็ตามมาด้วย
โถ่วว พวกมึงก็อยากเล่นเหมือนกันนั่นแหละ…
นั่นคือสิ่งที่กูคิดนะ
แต่จริงๆแล้ว... เชี่ยยูคมันตามมาเป็นตากล้องถ่ายตอนเล่นน้ำของกูกับอีพี่มาร์คเพื่อเอาไปใส่ในฉากไหนสักฉากนึงในหนัง…
เอาเถอะมึงจะถ่ายอะไรก็ถ่ายไป กูจะเล่นน้ำ
ผมกับอีพี่มาร์ควิ่งเล่นไล่กันไปบนหาดทราย ถึงภาพมันจะดูเหมือนนิยายสาวน้อย
แต่กูอยากจะบอกว่าจริงๆแล้ว แม่งฮาร์ดคอร์มาก…
กูวิ่งหนีมัน
เพราะอีเชี่ยพี่มาร์คแม่งชวนกูเปลี่ยนจากบนรถเป็นตรงชายหาดเลย
อีสัส
แม่งหน้าด้านของหน้าด้าน ไม่รู้จะด่าว่าอะไรแล้ว
อีเหี้ยยยย
รู้เลยว่ามันแกล้งกู...
คนอย่างมันคงไม่บอกกูก่อนหรอกถ้ามันคิดจะทำอะไรจริงๆ แม่งกลัวไก่ตื่น กูรู้นะมึง
อีพี่ต้วน!
หลังจากเล่นน้ำทะเลจนเย็น…
พวกผมก็กลับมาที่บ้านพักกัน
ตอนนี้พวกพี่ที่เหลือมันก็เก็บของเข้าที่พักกันหมดแล้ว และกำลังเซ็ตฉากสำหรับถ่ายต่อตอนประมาณทุ่มนึง
พวกมันดูทำงานกันจริงจังมากเลยนะ
จริงจังกันจนกูไม่ค่อยกล้าทำอะไรแผลงๆสักเท่าไหร่…
ก็นะ… นี่มันงานพวกมันนี่ ส่งอาจารย์ด้วย
ไม่ใช่มาเล่นกันแบบไก่กาอาราเล่
เห็นความตั้งใจของพวกมึงแล้วกูก็จะพยายามช่วยเต็มที่ล่ะ…
พวกผมมาทะเลกันห้าวัน
มีถ่ายกันหลายฉากเลย… ถ่ายฉากนู้นฉากนี้สลับกันไป
บางวันก็ถ่ายเช้า บางวันก็ถ่ายเย็น หรือกลางคืนก็มีนะ… จนในที่สุดก็ถ่ายฉากที่ทะเลกันเสร็จ
ส่วนเนื้อเรื่องรายละเอียดเป็นยังไง เรื่องดำเนินไปยังไง
เดี๋ยววันหลังค่อยเล่าให้ฟัง แต่ขอคิดอีกทีก่อนว่าจะเล่าดีมั้ย?...
สรุปคือกว่ากูจะผ่านมันไปได้ ยากเหี้ยๆ
กูทำแม่งทุกอย่างตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ
แม่งให้กูไปวิ่งตามหาอีเชี่ยพี่มาร์คในเรื่อง กูก็วิ่งเอาเป็นเอาตาย อีสัส
สั่งกูวิ่งใหม่อยู่สามสี่รอบ โหอี้เหี้ย!!
นี่พวกมึงซ่อนกล้องถ่ายรายการรันนิ่งแมนป้ะเนี่ย!! กูจะเป็นลม วิ่งจนหอบแดก!
ส่วนฉากอื่นนี่กูว่าต้องมีคนกรีดร้อง
เช่นฉากในน้ำ… กูได้เล่นน้ำสมใจอยากกูล่ะ
แต่เป็นการเล่นน้ำที่กูเขินมาก… นี่ถ้าหนังออกมาต้องมีคนสกรีมฉากนี้เยอะแน่ๆ
อีเหี้ยยยย กูทำไปได้ยังไง แม่งเอาของกินมาล่อกูไง… ใครจะว่ายังไงแต่กูทำไปแล้ว…
ดีออก!
แล้วไหนจะฉากที่ถ่ายในห้องนอนอีก…
เด็กๆมาก… เด็กเหี้ยอะไรล่ะ
ถ่ายบนเตียงนี่ล่อแหลมและสุ่มเสี่ยงมากถึงมากที่สุด
อีเชี่ยพี่มาร์คแม่งก็เล่นจริงไม่อิงมุมกล้องด้วย
ใครอยากรู้กูไม่เล่าให้ฟังหรอก
กูเขิน! -///-
ส่วนในชีวิตจริง… เรื่องห้องนอน.. กูไม่สนใจล้ะว่าใครจะนอนกันห้องไหนยังไง..
กูเล่นน้ำ ถ่ายหนังทั้งวัน กูทิ้งตัวลงที่ไหนคือหลับทุกกรณี อีเหี้ยยย
เหนื่อยโคตรๆ เหนื่อยบรรลัย เหนื่อยชิบหายวายป่วง แต่ก็สนุกดีนะ...
แวะไปเม้นได้ที่
http://my.dek-d.com/dek-d/writer/viewlongc.php?id=1216340&chapter=39
ใครสนใจอยากสั่งจองฟิค
Click
แผลในใจมันจะหายไปไหมน๊า
ตอบลบไม่รู้อิพี่มาร์คจะไล่ยูคยอมไปนอนห้องอื่นมั้ยนะ5555
ตอบลบ