วันจันทร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2558

ฟิคกระเรียน: ตอนที่ 25

ฟิคกระเรียน = เกรียนฟิค

#ฟิคกระเรียน


-25-
Trust me




                หลังจากกลับมาจากทะเลตัวดำเมี่ยมก็ไม่ซีเรียส เพราะทริปนี้ถือว่าสนุกอยู่.. แม้จะต้องทนเขิน เล่นหนังสั้นของพวกมันอยู่แทบทั้งเรื่องกลับมาแล้วก็ต้องมาทนเขินถ่ายฉากที่นี่ต่ออีกคือที่ทะเลมันเป็นช่วงกลางๆเรื่องไปจนจบเรื่องไง ถ่ายฉากจบที่นั่นด้วย แต่ฉากแรกยังไม่ได้ถ่าย เพิ่งกลับมาถ่ายเอาเมื่อตอนกลับมานี่แหละวันไหนไม่มีเรียนก็ไปหาที่ถ่ายกัน นี่ก็เพิ่งถ่ายเสร็จไปเมื่อวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมานี่แหละกว่าจะเสร็จ อีเหี้ย เลือดตาแทบกระเด็น



                ถ้าใครดูแล้วช่วยมาบอกกูทีนะ.. ว่ามันเป็นเรื่องสั้นแนวรักโรแมนติก หรือเรื่องสั้นแนวรักอีโรติค


                แต่ที่กูยอมทำเพื่องานพวกมึงเลยนะเว้ย! ไม่ได้ A มาล่ะน่าดู!!!


    พวกพี่มันเลยนัดไปเลี้ยงฉลองกันตอนเย็นวันนี้ เนื่องจากที่ถ่ายหนังเสร็จกันสักทีระหว่างที่ผมกับเชี่ยยูคมันนั่งรอไอ้พวกพี่แก๊งค์จังไรแมนอยู่ข้างล่างตึก ไอ้เชี่ยยูคก็สะกิดแขนให้ผมดูอะไรบางอย่าง


                “มึงๆมันเรียกผมแล้วชี้ไปอีกทาง ซึ่งพอมองตามไปผมก็พบกับเด็กนักเรียนหญิงสองคน แต่งตัวเหมือนอยู่โรงเรียนนานาชาติแถวๆนี้แหละ


    เชี่ยยูคนี่ก็นะ... สายตามึงไวต่ออะไรสวยๆงามๆเสมอเลย อีสลิดดกเอ้ย! ผมจะหันมาอ้าปากด่ามันแต่ก็ต้องอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น เมื่อหนึ่งในนักเรียนสองคนนั้น...


    ผมเคยเห็น!!


                เช้ดดดดดดด นั่นใช่คนที่พี่มาร์คมันบอกว่าเป็นน้องสาวมั้ยวะ? ผมนั่งมองอยู่นานจนเริ่มมั่นใจแล้วว่าใช่แน่ๆ สวยๆงี้ ขาวๆงี้ กูไม่ลืมแน่ๆอ่ะ และดูเหมือนว่าผมจะจ้องนานไป... จนสองคนนั้นสังเกตเห็น พวกเธอเลยเดินตรงเข้ามาทางพวกผม


    ชิบหายล้ะ


    ผมเลยหันไปมองหน้าเชี่ยยูค.. ซึ่งมันก็ยิ้มส่งไปให้สองสาวโดยไม่ได้มองหน้ากูเลยอีสมถุย! เห็นสาวๆสวยๆไม่ได้เลย ลืมกูตลอด... แต่ก็ช่างแม่งเหอะ.. ถึงยังไงมันก็ไม่ได้รู้เรื่องน้องพี่มาร์คสักหน่อย! งั้นกูก็ควรทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อไปใช่มั้ย?


                “พี่คะคือที่นี่ใช่ตึกใหม่คณะนิเทศฯ ป้ะคะ?” น้องพี่มาร์คเอ่ยถามทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะที่พวกผมนั่งกันอยู่..


                “ใช่ครับ น้องมาหาใครหรอ?” เชี่ยยูคเป็นฝ่ายเสนอหน้าตอบน้องเค้าไป


                “พี่มาร์คอ่ะค่ะ ปีสอง พวกพี่รู้จักมั้ย?” เชี่ยยูคมันหันมามองหน้าผม


    สัสยูค! มึงจะหันมามองหน้ากูทำเหี้ยอัลไล! เค้าจะสงสัยกูกันมั้ยล่ะ ว่าถามหาพี่มาร์คทำไมต้องมองกูด้วย? ไอ้เย้ดโด้!


    ผมเลยหันไปตอบเธอแทนไอ้ยักษ์มัน


                “อ๋อพี่มาร์คหรอ รู้จักๆ เดี๋ยวก็ลงมาแล้วล่ะ นั่งรอตรงนี้ก่อนก็ได้พวกเธอพยักหน้าแล้วยิ้มให้ผมก่อนจะนั่งลง  


    “พวกพี่เป็นเพื่อนพี่มาร์คเหรอคะ?” ทีนี้เป็นคนที่มากับน้องพี่มาร์คเป็นคนถาม เธอมองหน้าผมอย่างเจาะจงถาม


    “อ๋อเปล่าหรอก พี่เป็นรุ่นน้องน่ะ อยู่ปีหนึ่งผมตอบแล้วยิ้มบางๆส่งไปให้


    “สนิทกันเหรอคะ?” เธอถามต่อโดยที่ไม่ยิ้มให้กูสักนิดถัมไมล่ะ ฉีดโบท็อกซ์มาร้านเดียวกับอีเชี่ยพี่มาร์คหรอม? หน้าตึงงี้หรอม?


    “ก็สนิทอยู่นะ...ผมตอบ


    คือจะให้กูตอบยังไงอ่ะ.. บอกว่าไม่สนิทเดี๋ยวอีพี่หัวแดงมันรู้เข้ากูก็โดนมันแดกหัวอีก... แต่ถ้าจะบอกว่าสนิทมาก…. มันก็เกินไปอ่ะ... คือแบบ...กูจะอธิบายยังไงดี?


    สนิทมากมั้ย?…


    คือเกือบได้กันบนรถแล้วอ่ะน้อง


    จะให้พี่ตอบน้องไปแบบนี้พี่ก็เกรงใจ


    ตอบว่า สนิทมากมั้ย.. ถามใจมาร์คดูได้ป้ะ? เพราะกูก็อยากรู้เหมือนกันว่าพี่แม่งจะตอบว่าอะไร..


   “พอดีพี่อยู่เทคเดียวกันกับพี่มาร์คน่ะ แล้วเพื่อนๆในกลุ่มพี่มาร์ค พี่ก็สนิทกันหมดเลยอันนี้เป็นเชี่ยยูคที่ตอบนางไป... นางพยักหน้ารับ แต่ก็ยังไม่เลิกมองผมอยู่ดีคือรู้สึกแปลกๆกับสายตาน้องคนนี้อ่ะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน


   “คุยกันตั้งนาน ยังไม่ได้แนะนำตัวเลย หนูชื่อเวนดี้นะคะ เป็นน้องสาวพี่มาร์ค ส่วนนี่เพื่อนหนู ชื่อไอรีนเธอแนะนำตัวเองและเพื่อนเธอพร้อมกับรอยยิ้ม


   “ส่วนพี่ชื่อยูคยอมนะครับแล้วนี่ก็...ไอ้ยูคแนะนำตัวเองเสร็จ พอมันจะแนะนำผมมันก็ค้างไป


    คือมันคงคิดว่าผมอยากจะแนะนำตัวเองรึเปล่าอันนี้ก็ไม่รู้ผมเลยหันไปมองมันแล้วก็พยักหน้าแบบว่า เออ..เดี๋ยวกูแนะนำตัวเองก็ได้


                “พี่ชื่อ...บะ


                นุ้งแบมมม เสียงพี่จินยองตะโกนเรียกผมมาแต่ไกล ก่อนที่พวกผม และสองสาวจะหันไปมองพี่แกที่กำลังวิ่งมาหาผมยิ้มให้พี่จินยอง ก่อนจะเห็นว่าสองสาวที่ควรจะมองพี่จินยองอยู่ หันกลับมามองที่ผมเป็นตาเดียว ด้วยสีหน้าประหลาดใจ….


    คืออัลไล? กูทำอะไรผิดหรอม? หรือกูยังแนะนำตัวไม่จบ


                พอผมจะอ้าปากแนะนำตัวเองกับสองสาวต่อพี่จินยองก็วิ่งมาจนถึงโต๊ะแล้ว


                “อ้าวเวนดี้ มาหามาร์คหรอ?” พี่จินยองเอ่ยทักทาย เธอเลิกจ้องผมแล้วหันไปสวัสดีพี่จินยองแทน จะเหลือก็แต่เพื่อนของเธอนี่แหละที่ยังคงจ้องผมไม่วางตา จนเวนดี้หันไปสะกิดเรียก ไอรีนถึงได้หันมาทักทายพี่จินยอง


                “มาร์คกำลังตามลงมา พี่ไม่อยากให้นุ้งแบมรอนานเลยวิ่งลงมาหาก่อนพี่จินยองบอกแล้วยิ้มจนตีนกาขึ้น


                “นุ้งแบม?” เวนดี้ทวนชื่อที่พี่จินยองเรียกผมอีกครั้งนึง


    โอ้ยเหี้ยยย น่าอายสัส!


    พี่จินยองมึงนี่นะไม่ดูเวล่ำเวลาในการเรียกเลย คนแมนๆ แฮนซั่มกายอย่างกูมีชื่อว่านุ้งแบมเนี่ยนะ! โถ่ววววถัง!


                “นี่ไง แบมแบม!พี่จินยองชี้มาที่ผม พวกเธอทั้งสองคนหันขวับมาหาผมทันทีเลย


    หืมมม มองกูแบบนี้หมายความว่ายังไงหรอม?


                “นั่งด้วยกันก็แปลว่ารู้จักกันแล้วไม่ใช่หรอ?” พี่จินยองถาม


                “ไอ่แบมมันยังไม่ได้แนะนำตัวอ่ะพี่พอดีพี่มาก่อนไอ้ยูคอธิบาย


                “พี่มาขัดจังหวะหรอ? งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่แนะนำให้นะ... นี่แบมแบม เป็นแฟนมาร์ค


    ยะ เย้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด


    อีพี่จินยองงงงงง มึงทำไมทำกับกูแบบนี้!!!!!


                แฟน!สองสาวอุทานออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายโอ้ย! ตายๆ ดูเหมือนสองนางจะช็อคกันมากเลยนะเนี่ย...


    “เอ่อคือไม่ใช่อย่างนั้นนะ…” ผมรีบโบกมือปฎิเสธเป็นพัลวัน คือกูกับมันยังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อยจริงๆนะ แค่เกือบได้กันเองแค่นั้นจริงๆ


    “เวนดี้มาทำอะไรคะ?” พี่มาร์คตัวการของเรื่องมันเดินเข้ามาแล้ววางมือบนหัวน้องสาวตัวเอง


    เชี่ยยยพูด คะด้วย ละมุนชิบหายผู้ชายพูดคะขากับผู้หญิงเนี่ย...


   “พี่มาร์ค...มาพอดีเลย เวนดี้ว่าจะมาชวนพี่ไปทานข้าวเย็นด้วยกันอ่ะค่ะเวนดี้บอกแล้วเอามือเกาะแขนพี่มาร์คอ้อนๆ


   “วันนี้พี่นัดกับเพื่อนๆไว้แล้วอ่ะค่ะ... พี่บอกแล้วไงว่าถ้าจะมาให้โทรบอกก่อนพี่มาร์คบอกเวนดี้ยู่ปากก่อนจะทำหน้าเศร้าด้วยความผิดหวัง...


   “ไปด้วยกันก็ได้นี่ครับผมโพล่งออกไปเพราะรู้สึกสงสารเวนดี้ คือนางอุตส่าห์มาชวนพี่ชายถึงมหาลัย ที่ไม่บอกก่อนเพราะนางอาจจะอยากมาเซอร์ไพรซ์ไรงี้ก็ได้แต่การที่ผมพูดไปแบบนั้นทำให้ตอนนี้ทุกคนมองมาที่ผมเป็นตาเดียว...


    เอิบบ มองกูกันขนาดนี้ กูนี่อยากย้อนเวลากลับไปแล้วนั่งรูดซิปปากตัวเองไว้เลย... ว่าแล้วก็อยากตบปากตัวเองสักทีสองที คือนี่มันเรื่องในครอบครัวเค้ามั้ย? มึงจะไปยุ่งทำไมวะไอ้แบม!


    “พี่มาร์คไม่ได้นัดแค่เพื่อนหรอกเวนดี้ เรากลับกันเถอะไอรีนพูดด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้นแล้วมองมาที่ผม


    อ้าวเชี่ย! อย่าบอกนะว่าหมายถึงกู


    ไอรีนลุกขึ้นแล้วดึงแขนเวนดี้ให้ลุกตาม...


    “เดี๋ยวสิไอรีนไปด้วยกันนี่แหละ ไม่เห็นเป็นไรเลย คนกันเองทั้งนั้นนะคะเวนดี้ ไปด้วยกันนะพี่มาร์คมันพูดรั้งเอาไว้


    เวนดี้ทำสีหน้าลังเลใจ... บางอย่างบอกกับผมว่าเธออึดอัด


    จังหวะนั้นที่พวกพี่เจบี พี่แจ็คสัน และพี่ยองแจเดินเขามาสมทบพอดี พวกเธอเลยหันไปทักทายกันใหญ่ผมเลยได้โอกาส...


   “เฮ้ยไอ้ยูค วันนี้มีทำรายงานนี่หว่า ลืมได้ไงวะเนี่ยผมหันไปสะกิดเรียกเชี่ยยูคมันหันมองผมงงๆ


   “รายงาน?”


   “รายงานไงมึง รายงานอ่ะ! ของอาจารย์เป็ดอ่ะอีเชี่ยยย กูนึกชื่ออาจารย์ไม่ทัน ล่อซะชื่ออาจารย์เป็ดเลยกู ผมขยิบตาส่งซิกไปให้มัน ซึ่งมันก็เหมือนจะเห็นแล้วนะ


   “อ๋อออ เออ! ดีนะที่เตือนอ่ะ! งานของอาจารย์เป็ดใช่ป้ะ?” เชี่ยยูคเออออห่อหมกกับผมไปในทันทีมันต้องหัวไวงี้ดิ่เพื่อนกู ตอนนี้ทุกคนมองมาที่ผมกับมันเป็นตาเดียว...


   “งั้นพวกพี่ไปกันเหอะ วันนี้พวกผมคงไปด้วยไม่ได้แล้วอ่ะ ต้องไปทำรายงานผมหันไปบอกทุกคน แม้จะรู้ว่าพวกมันไม่เชื่อกันก็เถอะ..


   ก็อีเชี่ย! คณะนี้แม่งไม่มีอาจารย์ชื่อเป็ดสักคน


   “พวกผมขอตัวก่อนนะผมบอกอีกรอบ ทีนี้สายตากูปะทะกับอีพี่ต้วนอย่างจังเลยจย้าาา เกิดอาการเงิบแดกโดยฉับพลัน


   “แบมแบมพี่มันเรียกผมขณะที่ผมจะลุกออกไป ผมเลยหันไปยิ้มแห้งๆให้พี่มัน


   “พี่มาร์คพวกผมต้องทำรายงานจริงๆเนี่ย ต้องรีบไปแล้วเป็นไอ้ยักษ์ที่ช่วยชีวิตผมไว้ฮือออ รักมึงมากเชี่ยยูค มันเลยจับแขนผมแล้วลากออกมาเลย


   ผมไม่ได้หันกลับไปมองพวกพี่มันหรอก... กลัวมันจับได้ว่าโกหก อีกอย่าง สายตาอีพี่ต้วนนี่... มีความหมายแฝงอยู่ด้วย ตอนที่มันเรียกผมเมื่อกี้นี้อ่ะบอกไม่ถูกว่ามันหมายความว่าไง


   “ถึงรถแล้วมึง ไป..เดี๋ยวกูไปส่งหอเชี่ยยูคเอ่ยเรียกสติ.. ผมพยักหน้ารับก่อนจะขึ้นรถไป พอเชี่ยยักษ์มันขึ้นมาประจำที่นั่งคนขับมันก็ถามผมเลย


   “ทำไมไปโกหกพวกพี่มันแบบนั้นวะ?”


   “ไม่เสือกดิยูค


   “สัส อย่ากวนตีน


   “กูไม่อยากทำให้ใครลำบากใจอ่ะมึงมึงไม่เห็นหน้าน้องสองคนนั้นเหรอวะ? กูว่ากูไม่ได้คิดไปเองน้องมันต้องรู้สึกติดลบอะไรกับกูสักอย่างแน่ๆอ่ะ


   “มึงอย่าคิดมากดิ มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้...


   “มึงอย่า... กูว่ามึงก็รู้สึกเหมือนกูแหละเชี่ยยูค ไม่งั้นมึงไม่ช่วยพากูออกมาจากตรงนั้นเร็วขนาดนี้หรอกมันถอนหายใจเฮือกใหญ่



   RRrrrr

   เสียงสั่นเตือนที่เครื่องผม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครโทรมา อีพี่หัวแดงนั่นแหละผมเลยปิดเครื่องซะเลย...


  “มึงแน่ใจหรอว่ามึงโอเคไอ่แบม?” มันถามหลังจากที่เห็นผมปิดเครื่อง


  “กูเนี่ยนะ? แน่ใจดิ แน่ซะยิ่งกว่าแช่แป้งเชี่ยยูคมันถอนหายใจใส่แล้วสตาร์ทรถ


  “เคก็เค...


  “มึง... พากูไปขับรถเล่นหน่อยดิผมเข้าสู่โหมดง๊องแง๊งใส่มันทันทีที่มันกำลังจะออกรถ


  “เนี่ยนะเคของมึงเออตามใจ...แล้วมันก็ขับรถพาผมไปร่อนอย่างที่ผมอยากผมเปิดกระจกลงเพื่อรับลมธรรมชาติ ก่อนจะสูดหายใจเข้าจนเต็มปอด...


  “มึงปิดกระจกเหอะ อากาศข้างนอกเย็นกว่าแอร์ในรถกูอีก.. เดี๋ยวหวัดก็แดกหรอกเชี่ยยูคมันบอก.. แต่ผมส่ายหน้าแล้วเอาหน้ายื่นไปรับลมมากขึ้น แต่กูไม่ได้ยื่นไปจนสิบล้อจะมาซิวหัวกูได้หรอกนะ... เชี่ยยูคมันเลยได้แต่ถอนหายใจ แล้วขับรถให้ช้าลงอีกหน่อยเพื่อไม่ให้ลมเย็นๆปะทะหน้าผมแรงเกินไป...


  เอาจริงๆผมก็ไม่เข้าใจที่ตัวเองเป็นอยู่ตอนนี้เท่าไหร่นักนะมันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก อธิบายไม่ได้ผมนอยด์ตัวเองอ่ะไม่รู้จะจัดการกับตัวเองในโหมดนี้ยังไงดี... ก็ไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันไม่ค่อยเกิดกับผมสักเท่าไหร่นี่


ไอ่แบมตื่นผมสะดุ้งหลังจากที่มืออุ่นๆของไอ้ยักษ์มันแตะลงมาที่หน้า


มือมึงอุ่นจังวะ? มึงเป็นสัตว์เลือดอุ่นหรอ?” ผมเล่นมุกแล้วหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะปลดเบลท์ออก ...ก็นี่มันถึงหอกูแล้วไง ฟ้ามืดแล้วด้วยแหละที่สำคัญ... นี่กูคงเผลอหลับไประหว่างนั่งรถเล่นเมื่อกี้สินะ


มึงนั่นแหละตัวเย็น ตายรึยัง?” มันแซะผมเบาๆ


งั้นกูคงเป็นสัตว์เลือดเย็นผมว่าพลางเปิดประตูและก้าวลงจากรถ.. แต่จู่ๆก็รู้สึกหน้ามืดเลยหงายหลังกลับมาที่เบาะอีกครั้ง ตอนนี้โลกกำลังหมุนติ้วๆ และหัวผมก็เริ่มชายังไงไม่รู้


ไอ่แบม มึงเป็นอะไรวะ?” ไอ้ยูครีบโผล่หน้ามาดูอาการผมใหญ่เลย มันเอามือประคองหน้าผมไว้ก่อนจะตบเบาๆ


กูโอเคมึง กูโอเค...ผมสูดหายใจเข้าลึกๆอยู่พักนึง แล้วค่อยๆลงจากรถอีกครั้ง


เดี๋ยวกูขึ้นไปส่งมึงเองเชี่ยยูคทำท่าจะปลดเบลท์ออก


ไม่ต้องหรอกมึง หอกูอยู่แค่ชั้น4 ขึ้นลิฟท์ไปแปปเดียวก็ถึงแล้ว มึงกลับไปเหอะ กูผลาญน้ำมันมึงเกือบหมดถังแล้วเนี่ยผมลงจากรถแล้วปิดประตูบ้ายบายมัน เชี่ยยูคเลยลดกระจกลงแล้วถามย้ำอีกครั้ง


มึงโอเคแน่นะไอ้แบมผมเลยพยักหน้าอีกครั้ง แล้วตวัดมือไล่ให้มันออกรถไป


มึงขึ้นไปก่อนเลย ถึงห้องแล้วโทรมาบอกกูด้วยมันบอกผมเลยพยักหน้าส่งไปให้มัน... คือขี้เกียจเถียงกับแม่งล้ะ มันก็ดื้อ กูก็ดื้อขืนเถียงกันต่อ ไม่มีใครยอมใคร...วันนี้กูก็ไม่ต้องขึ้นห้องกันล้ะ มันก็ไม่ได้กลับหอมันพอดี


 ผมเดินเข้ามาในลิฟท์ก่อนจะกดเปิดเครื่องโทรศัพท์ แล้วก็กดลิฟท์ไปชั้น 4 ทันที ผมยืนพิงลิฟท์เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยมีแรงยังไงก็ไม่รู้


 พอลิฟท์เปิดผมก็โทรหาไอ้ยูคทันทีพร้อมกับเดินมาที่ห้องตัวเอง


กูถึงห้องแล้วเนี่ย ไม่ต้องห่วงอือ แค่นี้นะมึงพอวางสายแล้ว ก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าตัวเอง แต่พอเงยหน้าขึ้นมาปุ้บเห็นไอ้คนที่มันยืนอยู่หน้าห้องก็ต้องตกใจ


 พี่มาร์คอ่ะมึง..


 ผมค่อยๆเดินเข้าไปหามันที่ยืนอยู่หน้าห้องผมช้าๆ หน้ามันตอนนี้กำลังอยู่ในโหมดดาร์กขั้นสุดมันกัดฟันจนกรามขึ้นเป็นสันเชี่ยย น่ากลัวชิบหาย


 “มีอะไรหรอพี่มาร์ค?” ผมเอ่ยเบาๆอย่างหวั่นๆ มันโกรธอะไรกูป่าววะ? ใช่เรื่องที่กูโกหกเรื่องทำรายงานรึเปล่า?


  พี่มันมองหน้าผมแล้วไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้นไม่นานมันก็เดินชนไหล่ผมแล้วเดินสวนออกมา ผมหันไปจับแขนมัน มันก็สะบัดออกแล้วเดินต่อ


  ทำไมวะ? กูทำอะไรผิด? มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆดิวะโกรธกูเรื่องที่โกหกเรื่องทำรายงานก็พูดดิ! กูจะได้อธิบายให้ฟังแต่นี่ไม่พูดไม่บอก คือกูไม่ใช่พระพุทธเจ้า จะได้ตรัสรู้ชอบได้ด้วยตนเอง กูไม่ใช่อับดุลจะได้รู้ทุกเรื่องแม่ง


  “พี่เป็นอะไรของพี่อีกอ่ะพี่มาร์ค!!!ตะโกนใส่แม่งเลย ได้ผลพี่มันหยุดเดิน


  “มีอะไรก็พูดดิ!ผมพูดอีกรอบ ทีนี้มันหันกลับมาหาผมแล้วเดินเข้ามาประชิดตัว จนผมต้องถอยหลังไปจนติดประตูห้อง...


 “สนุกมากมั้ย?” พี่มันจ้องหน้าผมใกล้ๆแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว... ก่อนจะยัดอะไรบางอย่างใส่มือผมไว้แล้วเดินออกไปทันที


  ผมอึ้งไปกับท่าทีแบบนั้นของมันตั้งแต่รู้จักกับพี่มันมากูยังไม่เคยเจอโหมดนี้ของมันเลยผมยกเอาของในมือตัวเองขึ้นมาดู... มันเป็นโทรศัพท์ของพี่มาร์ค พอกดเปิดหน้าจอและใส่รหัสที่ผมจำได้ตั้งแต่คราวนั้นลงไปผมก็เข้าใจว่าทำไมพี่มันถึงเป็นแบบนั้น


  หน้าจอปรากฎรูปผมกับไอ้ยักษ์บนรถมันเป็นรูปจากเหตุการณ์เมื่อไม่ถึงสิบนาทีก่อนที่ผมจะเข้าหอมามุมของภาพมันทำให้ดูเหมือนว่า ผมกับเชี่ยยูคกำลัง จูบกัน


  ผมวิ่งไปที่ลิฟท์อย่างไม่รอช้าจนมาถึงตอนพี่มาร์คมันเดินเข้าลิฟท์ไปพอดี และมันก็กดปิดประตูลิฟท์ทันทีที่เห็นผมเลยด้วย ผมเลยเอาแขนตัวเองไปคั่นประตูลิฟท์ไว้ก่อนจะรู้สึกได้ว่าโดนหนีบ ผมก็เข้ามาในลิฟท์ได้แล้ว


   พี่มันตกใจที่ผมยอมโดนลิฟท์หนีบอยู่เหมือนกัน แต่มันก็ยังเมินผมอยู่ดี


  “พี่มาร์ค...ผมเรียกมันก่อนจะจับที่แขนมัน


  “พี่เข้าใจผิดนะมันไม่ได้เป็นอย่างในรูปที่พี่เห็นเลยผมอธิบาย


  “......”


  “พี่ก็รู้ว่าผมกับไอ้ยูคเป็นเพื่อนกันจะทำแบบนั้นได้ไง


   “......” มันจับมือผมออกจากแขนมัน


   “พี่ทำไมไม่เชื่อผมบ้าง...


   “......” มันดึงโทรศัพท์ของมันคืนไปจากมือผม


   “พี่มาร์ค...มันดันผมออกมาจากลิฟท์ก่อนจะปิดประตูทันที ผมมองมันที่กำลังหายไปจากการปิดของประตูลิฟท์


   ตอนนี้ไม่มีแรงจะทำอะไรแล้วผมเลยนั่งลงแล้วเอาหลังพิงกำแพงมองไปที่ลิฟท์ที่ตอนนี้มันคงลงไปที่ชั้นหนึ่งเรียบร้อยแล้ว


    “กูมันไม่น่าเชื่อขนาดนั้นเลยหรอ?” ผมพูดกับตัวเองรู้สึกว่าตัวเองตาร้อนผ่าวเลยมันเสียใจปนเจ็บใจผมเลยตัดสินใจพาร่างตัวเองเดินกลับห้อง


    ตอนนี้พลังกูติดลบกูเหนื่อย กูเพลีย กูปวดหัวมาก เรื่องเหี้ยอะไรนัก! กูไม่ไหวแล้วอ่ะมึงแต่ตอนนี้ยังไงกูต้องเดินให้ถึงห้องก่อนกูขอพัก


    ไอ่แบม อีกนิดเดียวมึงกูจะไม่ยอมจนกว่ากูจะถึงห้อง เพราะพนันกันได้เลยว่าการล้มลงในที่ๆไม่ใช่เตียงนอนแม่งเจ็บเหี้ยๆ


    ในที่สุดกูก็ถึงห้องสักที… 


   ประตูห้องที่รัก...


    ตุบ



#ฟิคกระเรียน



แจ้งให้ทราบ

เราจะทำการเปิดสั่งจอง
'ฟิคกระเรียน'
ตั้งแต่วันนี้ถึง16 พ.ค.
V
V
Click

และเปิดโอน
ตั้งแต่วันที่
17 เม.ย - 16 พ.ค.

ไม่มีการรีปริ๊นอีกรอบ

กลับไปเม้นได้ที่ >> Dek-d


มีอะไรสงสัยถามได้ที่ >> ask.fm/Syncrain




2 ความคิดเห็น:

  1. น้องแบมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
    อะไรของอีพี่มาร์ค

    ตอบลบ
  2. แบมป่วยเหรอ อิพี่ก้หึงไม่เข้าเรื่องเขาเป็นเพื่อนกันนะเฮ้ย

    ตอบลบ