ฟิคกระเรียน = เกรียนฟิค
#ฟิคกระเรียน
#ฟิคกระเรียน
-25-
Trust me
หลังจากกลับมาจากทะเล…
ตัวดำเมี่ยมก็ไม่ซีเรียส เพราะทริปนี้ถือว่าสนุกอยู่..
แม้จะต้องทนเขิน เล่นหนังสั้นของพวกมันอยู่แทบทั้งเรื่อง… กลับมาแล้วก็ต้องมาทนเขินถ่ายฉากที่นี่ต่ออีก…
คือที่ทะเลมันเป็นช่วงกลางๆเรื่องไปจนจบเรื่องไง
ถ่ายฉากจบที่นั่นด้วย แต่ฉากแรกยังไม่ได้ถ่าย
เพิ่งกลับมาถ่ายเอาเมื่อตอนกลับมานี่แหละ… วันไหนไม่มีเรียนก็ไปหาที่ถ่ายกัน
นี่ก็เพิ่งถ่ายเสร็จไปเมื่อวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมานี่แหละ… กว่าจะเสร็จ อีเหี้ย เลือดตาแทบกระเด็น
ถ้าใครดูแล้วช่วยมาบอกกูทีนะ..
ว่ามันเป็นเรื่องสั้นแนวรักโรแมนติก หรือเรื่องสั้นแนวรักอีโรติค
แต่ที่กูยอมทำ…
เพื่องานพวกมึงเลยนะเว้ย! ไม่ได้ A มาล่ะน่าดู!!!
พวกพี่มันเลยนัดไปเลี้ยงฉลองกันตอนเย็นวันนี้
เนื่องจากที่ถ่ายหนังเสร็จกันสักที…
ระหว่างที่ผมกับเชี่ยยูคมันนั่งรอไอ้พวกพี่แก๊งค์จังไรแมนอยู่ข้างล่างตึก
ไอ้เชี่ยยูคก็สะกิดแขนให้ผมดูอะไรบางอย่าง
“มึงๆ” มันเรียกผมแล้วชี้ไปอีกทาง ซึ่งพอมองตามไปผมก็พบกับเด็กนักเรียนหญิงสองคน
แต่งตัวเหมือนอยู่โรงเรียนนานาชาติแถวๆนี้แหละ
เชี่ยยูคนี่ก็นะ... สายตามึงไวต่ออะไรสวยๆงามๆเสมอเลย
อีสลิดดกเอ้ย! ผมจะหันมาอ้าปากด่ามันแต่ก็ต้องอ้าปากค้างอยู่อย่างนั้น
เมื่อหนึ่งในนักเรียนสองคนนั้น...
ผมเคยเห็น!!
เช้ดดดดดดด
นั่นใช่คนที่พี่มาร์คมันบอกว่าเป็นน้องสาวมั้ยวะ? ผมนั่งมองอยู่นานจนเริ่มมั่นใจแล้วว่าใช่แน่ๆ
สวยๆงี้ ขาวๆงี้ กูไม่ลืมแน่ๆอ่ะ และดูเหมือนว่าผมจะจ้องนานไป...
จนสองคนนั้นสังเกตเห็น พวกเธอเลยเดินตรงเข้ามาทางพวกผม…
ชิบหายล้ะ
ผมเลยหันไปมองหน้าเชี่ยยูค..
ซึ่งมันก็ยิ้มส่งไปให้สองสาวโดยไม่ได้มองหน้ากูเลย…
อีสมถุย! เห็นสาวๆสวยๆไม่ได้เลย ลืมกูตลอด... แต่ก็ช่างแม่งเหอะ..
ถึงยังไงมันก็ไม่ได้รู้เรื่องน้องพี่มาร์คสักหน่อย! งั้นกูก็ควรทำเป็นไม่รู้เรื่องต่อไปใช่มั้ย?
“พี่คะ… คือที่นี่ใช่ตึกใหม่คณะนิเทศฯ ป้ะคะ?” น้องพี่มาร์คเอ่ยถามทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะที่พวกผมนั่งกันอยู่..
“ใช่ครับ
น้องมาหาใครหรอ?” เชี่ยยูคเป็นฝ่ายเสนอหน้าตอบน้องเค้าไป
“พี่มาร์คอ่ะค่ะ
ปีสอง พวกพี่รู้จักมั้ย?” เชี่ยยูคมันหันมามองหน้าผม…
สัสยูค! มึงจะหันมามองหน้ากูทำเหี้ยอัลไล!
เค้าจะสงสัยกูกันมั้ยล่ะ ว่าถามหาพี่มาร์คทำไมต้องมองกูด้วย?
ไอ้เย้ดโด้!
ผมเลยหันไปตอบเธอแทนไอ้ยักษ์มัน
“อ๋อ… พี่มาร์คหรอ รู้จักๆ เดี๋ยวก็ลงมาแล้วล่ะ นั่งรอตรงนี้ก่อนก็ได้” พวกเธอพยักหน้าแล้วยิ้มให้ผมก่อนจะนั่งลง
“พวกพี่เป็นเพื่อนพี่มาร์คเหรอคะ?” ทีนี้เป็นคนที่มากับน้องพี่มาร์คเป็นคนถาม เธอมองหน้าผมอย่างเจาะจงถาม…
“อ๋อ… เปล่าหรอก
พี่เป็นรุ่นน้องน่ะ อยู่ปีหนึ่ง” ผมตอบแล้วยิ้มบางๆส่งไปให้
“สนิทกันเหรอคะ?” เธอถามต่อโดยที่ไม่ยิ้มให้กูสักนิด…
ถัมไมล่ะ ฉีดโบท็อกซ์มาร้านเดียวกับอีเชี่ยพี่มาร์คหรอม? หน้าตึงงี้หรอม?
“ก็… สนิทอยู่นะ...”
ผมตอบ…
คือจะให้กูตอบยังไงอ่ะ..
บอกว่าไม่สนิทเดี๋ยวอีพี่หัวแดงมันรู้เข้ากูก็โดนมันแดกหัวอีก...
แต่ถ้าจะบอกว่าสนิทมาก…. มันก็เกินไปอ่ะ...
คือแบบ...กูจะอธิบายยังไงดี?
สนิทมากมั้ย?…
คือเกือบได้กันบนรถแล้วอ่ะน้อง…
จะให้พี่ตอบน้องไปแบบนี้พี่ก็เกรงใจ…
ตอบว่า สนิทมากมั้ย.. ถามใจมาร์คดูได้ป้ะ? เพราะกูก็อยากรู้เหมือนกันว่าพี่แม่งจะตอบว่าอะไร..
“พอดีพี่อยู่เทคเดียวกันกับพี่มาร์คน่ะ
แล้วเพื่อนๆในกลุ่มพี่มาร์ค พี่ก็สนิทกันหมดเลย” อันนี้เป็นเชี่ยยูคที่ตอบนางไป...
นางพยักหน้ารับ แต่ก็ยังไม่เลิกมองผมอยู่ดี… คือรู้สึกแปลกๆกับสายตาน้องคนนี้อ่ะ
ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
“คุยกันตั้งนาน ยังไม่ได้แนะนำตัวเลย
หนูชื่อเวนดี้นะคะ เป็นน้องสาวพี่มาร์ค ส่วนนี่เพื่อนหนู ชื่อไอรีน”
เธอแนะนำตัวเองและเพื่อนเธอพร้อมกับรอยยิ้ม
“ส่วนพี่ชื่อยูคยอมนะครับ… แล้วนี่ก็...” ไอ้ยูคแนะนำตัวเองเสร็จ
พอมันจะแนะนำผมมันก็ค้างไป…
คือมันคงคิดว่าผมอยากจะแนะนำตัวเองรึเปล่าอันนี้ก็ไม่รู้…
ผมเลยหันไปมองมันแล้วก็พยักหน้าแบบว่า เออ..เดี๋ยวกูแนะนำตัวเองก็ได้
“พี่ชื่อ...บะ”
“นุ้งแบมมม”
เสียงพี่จินยองตะโกนเรียกผมมาแต่ไกล ก่อนที่พวกผม
และสองสาวจะหันไปมองพี่แกที่กำลังวิ่งมาหา… ผมยิ้มให้พี่จินยอง
ก่อนจะเห็นว่า… สองสาวที่ควรจะมองพี่จินยองอยู่
หันกลับมามองที่ผมเป็นตาเดียว ด้วยสีหน้าประหลาดใจ….
คืออัลไล?
กูทำอะไรผิดหรอม? หรือกูยังแนะนำตัวไม่จบ
พอผมจะอ้าปากแนะนำตัวเองกับสองสาวต่อ…
พี่จินยองก็วิ่งมาจนถึงโต๊ะแล้ว
“อ้าว… เวนดี้ มาหามาร์คหรอ?” พี่จินยองเอ่ยทักทาย
เธอเลิกจ้องผมแล้วหันไปสวัสดีพี่จินยองแทน
จะเหลือก็แต่เพื่อนของเธอนี่แหละที่ยังคงจ้องผมไม่วางตา จนเวนดี้หันไปสะกิดเรียก
ไอรีนถึงได้หันมาทักทายพี่จินยอง
“มาร์คกำลังตามลงมา
พี่ไม่อยากให้นุ้งแบมรอนานเลยวิ่งลงมาหาก่อน” พี่จินยองบอกแล้วยิ้มจนตีนกาขึ้น
“นุ้งแบม?” เวนดี้ทวนชื่อที่พี่จินยองเรียกผมอีกครั้งนึง
โอ้ยเหี้ยยย น่าอายสัส!
พี่จินยองมึงนี่นะ…
ไม่ดูเวล่ำเวลาในการเรียกเลย คนแมนๆ แฮนซั่มกายอย่างกูมีชื่อว่านุ้งแบมเนี่ยนะ!
โถ่ววววถัง!
“นี่ไง แบมแบม!”
พี่จินยองชี้มาที่ผม พวกเธอทั้งสองคนหันขวับมาหาผมทันทีเลย…
หืมมม มองกูแบบนี้หมายความว่ายังไงหรอม?
“นั่งด้วยกัน…
ก็แปลว่ารู้จักกันแล้วไม่ใช่หรอ?” พี่จินยองถาม
“ไอ่แบมมันยังไม่ได้แนะนำตัวอ่ะพี่…
พอดีพี่มาก่อน” ไอ้ยูคอธิบาย
“พี่มาขัดจังหวะหรอ?
งั้นไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่แนะนำให้นะ... นี่แบมแบม เป็นแฟนมาร์ค”
ยะ เย้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
อีพี่จินยองงงงงง มึงทำไมทำกับกูแบบนี้!!!!!
“แฟน!” สองสาวอุทานออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย… โอ้ย!
ตายๆ ดูเหมือนสองนางจะช็อคกันมากเลยนะเนี่ย...
“เอ่อ… คือไม่ใช่อย่างนั้นนะ…”
ผมรีบโบกมือปฎิเสธเป็นพัลวัน
คือกูกับมันยังไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย… จริงๆนะ
แค่เกือบได้กันเอง… แค่นั้นจริงๆ
“เวนดี้… มาทำอะไรคะ?”
พี่มาร์คตัวการของเรื่องมันเดินเข้ามาแล้ววางมือบนหัวน้องสาวตัวเอง
เชี่ยยย… พูด ‘คะ’ ด้วย
ละมุนชิบหายผู้ชายพูดคะขากับผู้หญิงเนี่ย...
“พี่มาร์ค...มาพอดีเลย
เวนดี้ว่าจะมาชวนพี่ไปทานข้าวเย็นด้วยกันอ่ะค่ะ” เวนดี้บอกแล้วเอามือเกาะแขนพี่มาร์คอ้อนๆ
“วันนี้พี่นัดกับเพื่อนๆไว้แล้วอ่ะค่ะ...
พี่บอกแล้วไงว่าถ้าจะมาให้โทรบอกก่อน” พี่มาร์คบอก… เวนดี้ยู่ปากก่อนจะทำหน้าเศร้าด้วยความผิดหวัง...
“ไปด้วยกันก็ได้นี่ครับ” ผมโพล่งออกไปเพราะรู้สึกสงสารเวนดี้
คือนางอุตส่าห์มาชวนพี่ชายถึงมหา’ลัย
ที่ไม่บอกก่อนเพราะนางอาจจะอยากมาเซอร์ไพรซ์ไรงี้ก็ได้… แต่การที่ผมพูดไปแบบนั้นทำให้ตอนนี้ทุกคนมองมาที่ผมเป็นตาเดียว...
เอิบบ มองกูกันขนาดนี้
กูนี่อยากย้อนเวลากลับไปแล้วนั่งรูดซิปปากตัวเองไว้เลย...
ว่าแล้วก็อยากตบปากตัวเองสักทีสองที คือนี่มันเรื่องในครอบครัวเค้ามั้ย?
มึงจะไปยุ่งทำไมวะไอ้แบม!
“พี่มาร์คไม่ได้นัดแค่เพื่อนหรอกเวนดี้
เรากลับกันเถอะ” ไอรีนพูดด้วยน้ำเสียงกระแทกกระทั้น… แล้วมองมาที่ผม
อ้าวเชี่ย! อย่าบอกนะว่าหมายถึงกู
ไอรีนลุกขึ้นแล้วดึงแขนเวนดี้ให้ลุกตาม...
“เดี๋ยวสิไอรีน… ไปด้วยกันนี่แหละ
ไม่เห็นเป็นไรเลย คนกันเองทั้งนั้น… นะคะเวนดี้ ไปด้วยกันนะ”
พี่มาร์คมันพูดรั้งเอาไว้
เวนดี้ทำสีหน้าลังเลใจ... บางอย่างบอกกับผมว่าเธออึดอัด
จังหวะนั้นที่พวกพี่เจบี พี่แจ็คสัน
และพี่ยองแจเดินเขามาสมทบพอดี พวกเธอเลยหันไปทักทายกันใหญ่…
ผมเลยได้โอกาส...
“เฮ้ยไอ้ยูค วันนี้มีทำรายงานนี่หว่า
ลืมได้ไงวะเนี่ย” ผมหันไปสะกิดเรียกเชี่ยยูค… มันหันมองผมงงๆ
“รายงาน?”
“รายงานไงมึง รายงานอ่ะ! ของอาจารย์เป็ดอ่ะ”
อีเชี่ยยย กูนึกชื่ออาจารย์ไม่ทัน ล่อซะชื่ออาจารย์เป็ดเลยกู
ผมขยิบตาส่งซิกไปให้มัน ซึ่งมันก็เหมือนจะเห็นแล้วนะ
“อ๋อออ เออ! ดีนะที่เตือนอ่ะ!
งานของอาจารย์เป็ดใช่ป้ะ?” เชี่ยยูคเออออห่อหมกกับผมไปในทันที…
มันต้องหัวไวงี้ดิ่เพื่อนกู
ตอนนี้ทุกคนมองมาที่ผมกับมันเป็นตาเดียว...
“งั้นพวกพี่ไปกันเหอะ
วันนี้พวกผมคงไปด้วยไม่ได้แล้วอ่ะ ต้องไปทำรายงาน” ผมหันไปบอกทุกคน
แม้จะรู้ว่าพวกมันไม่เชื่อกันก็เถอะ..
ก็อีเชี่ย! คณะนี้แม่งไม่มีอาจารย์ชื่อเป็ดสักคน
“พวกผมขอตัวก่อนนะ” ผมบอกอีกรอบ
ทีนี้สายตากูปะทะกับอีพี่ต้วนอย่างจังเลยจย้าาา เกิดอาการเงิบแดกโดยฉับพลัน
“แบมแบม” พี่มันเรียกผมขณะที่ผมจะลุกออกไป
ผมเลยหันไปยิ้มแห้งๆให้พี่มัน
“พี่มาร์คพวกผมต้องทำรายงานจริงๆเนี่ย
ต้องรีบไปแล้ว” เป็นไอ้ยักษ์ที่ช่วยชีวิตผมไว้… ฮือออ รักมึงมากเชี่ยยูค มันเลยจับแขนผมแล้วลากออกมาเลย
ผมไม่ได้หันกลับไปมองพวกพี่มันหรอก...
กลัวมันจับได้ว่าโกหก อีกอย่าง สายตาอีพี่ต้วนนี่... มีความหมายแฝงอยู่ด้วย
ตอนที่มันเรียกผมเมื่อกี้นี้อ่ะ… บอกไม่ถูกว่ามันหมายความว่าไง…
“ถึงรถแล้วมึง ไป..เดี๋ยวกูไปส่งหอ”
เชี่ยยูคเอ่ยเรียกสติ.. ผมพยักหน้ารับก่อนจะขึ้นรถไป
พอเชี่ยยักษ์มันขึ้นมาประจำที่นั่งคนขับมันก็ถามผมเลย…
“ทำไมไปโกหกพวกพี่มันแบบนั้นวะ?”
“ไม่เสือกดิยูค”
“สัส อย่ากวนตีน”
“กูไม่อยากทำให้ใครลำบากใจอ่ะมึง… มึงไม่เห็นหน้าน้องสองคนนั้นเหรอวะ? กูว่ากูไม่ได้คิดไปเอง…
น้องมันต้องรู้สึกติดลบอะไรกับกูสักอย่างแน่ๆอ่ะ”
“มึงอย่าคิดมากดิ
มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้...”
“มึงอย่า...
กูว่ามึงก็รู้สึกเหมือนกูแหละเชี่ยยูค
ไม่งั้นมึงไม่ช่วยพากูออกมาจากตรงนั้นเร็วขนาดนี้หรอก” มันถอนหายใจเฮือกใหญ่…
RRrrrr
เสียงสั่นเตือนที่เครื่องผม ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครโทรมา
อีพี่หัวแดงนั่นแหละ… ผมเลยปิดเครื่องซะเลย...
“มึงแน่ใจหรอว่ามึงโอเคไอ่แบม?” มันถามหลังจากที่เห็นผมปิดเครื่อง
“กูเนี่ยนะ? แน่ใจดิ
แน่ซะยิ่งกว่าแช่แป้ง” เชี่ยยูคมันถอนหายใจใส่แล้วสตาร์ทรถ
“เคก็เค...”
“มึง... พากูไปขับรถเล่นหน่อยดิ” ผมเข้าสู่โหมดง๊องแง๊งใส่มันทันทีที่มันกำลังจะออกรถ…
“เนี่ยนะเคของมึง… เออ…
ตามใจ...” แล้วมันก็ขับรถพาผมไปร่อนอย่างที่ผมอยาก…
ผมเปิดกระจกลงเพื่อรับลมธรรมชาติ ก่อนจะสูดหายใจเข้าจนเต็มปอด...
“มึงปิดกระจกเหอะ
อากาศข้างนอกเย็นกว่าแอร์ในรถกูอีก.. เดี๋ยวหวัดก็แดกหรอก” เชี่ยยูคมันบอก..
แต่ผมส่ายหน้าแล้วเอาหน้ายื่นไปรับลมมากขึ้น
แต่กูไม่ได้ยื่นไปจนสิบล้อจะมาซิวหัวกูได้หรอกนะ... เชี่ยยูคมันเลยได้แต่ถอนหายใจ
แล้วขับรถให้ช้าลงอีกหน่อยเพื่อไม่ให้ลมเย็นๆปะทะหน้าผมแรงเกินไป...
เอาจริงๆผมก็ไม่เข้าใจที่ตัวเองเป็นอยู่ตอนนี้เท่าไหร่นักนะ…
มันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก อธิบายไม่ได้… ผมนอยด์ตัวเองอ่ะ… ไม่รู้จะจัดการกับตัวเองในโหมดนี้ยังไงดี...
ก็ไอ้ความรู้สึกแบบนี้มันไม่ค่อยเกิดกับผมสักเท่าไหร่นี่…
“ไอ่แบม… ตื่น”
ผมสะดุ้งหลังจากที่มืออุ่นๆของไอ้ยักษ์มันแตะลงมาที่หน้า…
“มือมึงอุ่นจังวะ? มึงเป็นสัตว์เลือดอุ่นหรอ?”
ผมเล่นมุกแล้วหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะปลดเบลท์ออก
...ก็นี่มันถึงหอกูแล้วไง ฟ้ามืดแล้วด้วยแหละที่สำคัญ...
นี่กูคงเผลอหลับไประหว่างนั่งรถเล่นเมื่อกี้สินะ
“มึงนั่นแหละตัวเย็น ตายรึยัง?” มันแซะผมเบาๆ
“งั้นกูคงเป็นสัตว์เลือดเย็น” ผมว่าพลางเปิดประตูและก้าวลงจากรถ..
แต่จู่ๆก็รู้สึกหน้ามืดเลยหงายหลังกลับมาที่เบาะอีกครั้ง ตอนนี้โลกกำลังหมุนติ้วๆ
และหัวผมก็เริ่มชายังไงไม่รู้
“ไอ่แบม มึงเป็นอะไรวะ?” ไอ้ยูครีบโผล่หน้ามาดูอาการผมใหญ่เลย
มันเอามือประคองหน้าผมไว้ก่อนจะตบเบาๆ
“กูโอเคมึง กูโอเค...” ผมสูดหายใจเข้าลึกๆอยู่พักนึง แล้วค่อยๆลงจากรถอีกครั้ง
“เดี๋ยวกูขึ้นไปส่งมึงเอง” เชี่ยยูคทำท่าจะปลดเบลท์ออก
“ไม่ต้องหรอกมึง หอกูอยู่แค่ชั้น4 ขึ้นลิฟท์ไปแปปเดียวก็ถึงแล้ว มึงกลับไปเหอะ
กูผลาญน้ำมันมึงเกือบหมดถังแล้วเนี่ย” ผมลงจากรถแล้วปิดประตูบ้ายบายมัน
เชี่ยยูคเลยลดกระจกลงแล้วถามย้ำอีกครั้ง
“มึงโอเคแน่นะไอ้แบม” ผมเลยพยักหน้าอีกครั้ง แล้วตวัดมือไล่ให้มันออกรถไป
“มึงขึ้นไปก่อนเลย
ถึงห้องแล้วโทรมาบอกกูด้วย” มันบอก… ผมเลยพยักหน้าส่งไปให้มัน...
คือขี้เกียจเถียงกับแม่งล้ะ มันก็ดื้อ กูก็ดื้อ… ขืนเถียงกันต่อ
ไม่มีใครยอมใคร...วันนี้กูก็ไม่ต้องขึ้นห้องกันล้ะ มันก็ไม่ได้กลับหอมันพอดี
ผมเดินเข้ามาในลิฟท์ก่อนจะกดเปิดเครื่องโทรศัพท์
แล้วก็กดลิฟท์ไปชั้น 4 ทันที
ผมยืนพิงลิฟท์เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยมีแรงยังไงก็ไม่รู้…
พอลิฟท์เปิดผมก็โทรหาไอ้ยูคทันทีพร้อมกับเดินมาที่ห้องตัวเอง
“กูถึงห้องแล้วเนี่ย ไม่ต้องห่วง… อือ แค่นี้นะมึง” พอวางสายแล้ว
ก็เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าตัวเอง แต่พอเงยหน้าขึ้นมาปุ้บ… เห็นไอ้คนที่มันยืนอยู่หน้าห้องก็ต้องตกใจ…
พี่มาร์คอ่ะมึง..
ผมค่อยๆเดินเข้าไปหามันที่ยืนอยู่หน้าห้องผมช้าๆ
หน้ามันตอนนี้กำลังอยู่ในโหมดดาร์กขั้นสุด…
มันกัดฟันจนกรามขึ้นเป็นสัน… เชี่ยย
น่ากลัวชิบหาย
“มีอะไรหรอพี่มาร์ค?” ผมเอ่ยเบาๆอย่างหวั่นๆ มันโกรธอะไรกูป่าววะ? ใช่เรื่องที่กูโกหกเรื่องทำรายงานรึเปล่า?
พี่มันมองหน้าผมแล้วไม่พูดอะไร เอาแต่จ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้น…
ไม่นานมันก็เดินชนไหล่ผมแล้วเดินสวนออกมา ผมหันไปจับแขนมัน
มันก็สะบัดออกแล้วเดินต่อ…
ทำไมวะ? กูทำอะไรผิด?
มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆดิวะ… โกรธกูเรื่องที่โกหกเรื่องทำรายงานก็พูดดิ!
กูจะได้อธิบายให้ฟัง… แต่นี่ไม่พูดไม่บอก
คือกูไม่ใช่พระพุทธเจ้า จะได้ตรัสรู้ชอบได้ด้วยตนเอง
กูไม่ใช่อับดุลจะได้รู้ทุกเรื่อง… แม่ง
“พี่เป็นอะไรของพี่อีกอ่ะพี่มาร์ค!!!”
ตะโกนใส่แม่งเลย ได้ผล… พี่มันหยุดเดิน
“มีอะไรก็พูดดิ!” ผมพูดอีกรอบ
ทีนี้มันหันกลับมาหาผมแล้วเดินเข้ามาประชิดตัว จนผมต้องถอยหลังไปจนติดประตูห้อง...
“สนุกมากมั้ย?” พี่มันจ้องหน้าผมใกล้ๆแล้วพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว...
ก่อนจะยัดอะไรบางอย่างใส่มือผมไว้แล้วเดินออกไปทันที…
ผมอึ้งไปกับท่าทีแบบนั้นของมัน…
ตั้งแต่รู้จักกับพี่มันมากูยังไม่เคยเจอโหมดนี้ของมันเลย… ผมยกเอาของในมือตัวเองขึ้นมาดู... มันเป็นโทรศัพท์ของพี่มาร์ค พอกดเปิดหน้าจอและใส่รหัสที่ผมจำได้ตั้งแต่คราวนั้นลงไป…
ผมก็เข้าใจว่าทำไมพี่มันถึงเป็นแบบนั้น…
หน้าจอปรากฎรูปผมกับไอ้ยักษ์บนรถมัน…
เป็นรูปจากเหตุการณ์เมื่อไม่ถึงสิบนาทีก่อนที่ผมจะเข้าหอมา… มุมของภาพมันทำให้ดูเหมือนว่า ผมกับเชี่ยยูคกำลัง จูบกัน…
ผมวิ่งไปที่ลิฟท์อย่างไม่รอช้า…
จนมาถึงตอนพี่มาร์คมันเดินเข้าลิฟท์ไปพอดี
และมันก็กดปิดประตูลิฟท์ทันทีที่เห็นผมเลยด้วย
ผมเลยเอาแขนตัวเองไปคั่นประตูลิฟท์ไว้ก่อนจะรู้สึกได้ว่าโดนหนีบ
ผมก็เข้ามาในลิฟท์ได้แล้ว
พี่มันตกใจที่ผมยอมโดนลิฟท์หนีบอยู่เหมือนกัน
แต่มันก็ยังเมินผมอยู่ดี…
“พี่มาร์ค...” ผมเรียกมันก่อนจะจับที่แขนมัน
“พี่เข้าใจผิดนะ… มันไม่ได้เป็นอย่างในรูปที่พี่เห็นเลย”
ผมอธิบาย
“......”
“พี่ก็รู้ว่าผมกับไอ้ยูคเป็นเพื่อนกัน…
จะทำแบบนั้นได้ไง”
“......” มันจับมือผมออกจากแขนมัน
“พี่ทำไมไม่เชื่อผมบ้าง...”
“......” มันดึงโทรศัพท์ของมันคืนไปจากมือผม
“พี่มาร์ค...” มันดันผมออกมาจากลิฟท์ก่อนจะปิดประตูทันที
ผมมองมันที่กำลังหายไปจากการปิดของประตูลิฟท์…
ตอนนี้ไม่มีแรงจะทำอะไรแล้ว…
ผมเลยนั่งลงแล้วเอาหลังพิงกำแพงมองไปที่ลิฟท์ที่ตอนนี้มันคงลงไปที่ชั้นหนึ่งเรียบร้อยแล้ว…
“กูมันไม่น่าเชื่อขนาดนั้นเลยหรอ?” ผมพูดกับตัวเอง… รู้สึกว่าตัวเองตาร้อนผ่าวเลย…
มันเสียใจปนเจ็บใจ… ผมเลยตัดสินใจพาร่างตัวเองเดินกลับห้อง
ตอนนี้พลังกูติดลบ…
กูเหนื่อย กูเพลีย กูปวดหัวมาก เรื่องเหี้ยอะไรนัก!
กูไม่ไหวแล้วอ่ะมึง… แต่ตอนนี้ยังไงกูต้องเดินให้ถึงห้องก่อน…
กูขอพัก
ไอ่แบม อีกนิดเดียวมึง…
กูจะไม่ยอมจนกว่ากูจะถึงห้อง
เพราะพนันกันได้เลยว่าการล้มลงในที่ๆไม่ใช่เตียงนอนแม่งเจ็บเหี้ยๆ
ในที่สุด…
กูก็ถึงห้องสักที…
ประตูห้องที่รัก...
ตุบ
#ฟิคกระเรียน
แจ้งให้ทราบ
เราจะทำการเปิดสั่งจอง
ตั้งแต่วันที่
17 เม.ย - 16 พ.ค.
ไม่มีการรีปริ๊นอีกรอบ
น้องแบมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม
ตอบลบอะไรของอีพี่มาร์ค
แบมป่วยเหรอ อิพี่ก้หึงไม่เข้าเรื่องเขาเป็นเพื่อนกันนะเฮ้ย
ตอบลบ