ฟิคกระเรียน = เกรียนฟิค
#ฟิคกระเรียน
ปล. ทั้งรูปทั้งชื่อ จสก มาขนาดนี้ รักนางให้มากๆนะยูวว์
กลับไปเม้น จิ้ม
อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมแจกฟิคกับเรานะ
รายละเอียด คลิก
สอบถามได้ที่ ask.fm/Syncrain
แล้ววันนี้พวกมันก็ออกไปกินข้าวกัน… ไปกันแค่สองคนด้วยนะที่สำคัญ… ทำไมกูรู้น่ะหรอ?
เพราะเลิกเรียนแล้วกูเจอแค่พี่เจบี พี่จินยอง พี่แจ็คสัน
และพี่ยองแจแค่นั้นน่ะสิ… อีพี่มาร์คมันหายไป
พอถามก็ได้ความว่าพาเธอไปหาอะไรแดก.. อุ้ย! พาไปหาอะไรกินรองท้อง เห็นว่าเพิ่งกลับมาถึงเกาหลี
ยังไม่ได้กินอะไรเลย
“ไม่หึงหรอ?” พี่จินยองมันถามผมเมื่อผมเฉยๆหลังจากรู้ว่าพวกมันออกไปกินข้าวกัน…
ที่เฉยเพราะกูรู้ไง ว่ามันต้องมีการพาไปโน่นนี่อยู่แล้ว… ไม่ได้เจอกันนาน มีเหรอจะปฏิเสธได้
“หึงทำไม ไม่ได้เป็นไรกันสักหน่อย” ผมไหวไหล่แบบไม่ได้ใส่ใจ…
แต่ในใจกูนี่แบบ... ก่นด่า สาปแช่งไปไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่…
ก็อีเหี้ย!
สายตานางที่มองพี่มาร์คมันไม่ได้แสดงออกชัดเจนหรอว่าความต้องการของมันคืออะไรอ่ะ
กูมองปร๊าดเดียวกูก็ดูออกแล้ว… กูไม่โง่!
“แหม ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย... รอยที่คอมึงวันนั้น ของหมาที่ไหน?”
เชี่ยยูคล้อเลียนผม
“เออ ของหมา!” ผมบอก…
“อย่าคิดมากเลยแบมแบม เจสแค่กลับมาเยี่ยมมาร์คเฉยๆ” พี่ยองแจบอก
“พี่คิดงั้นจริงหรอ?” ผมถามแล้วมองหน้ามัน…
อีสัส
ในบรรดาพวกมึงเนี่ย… มึงคิดอะไรลึกที่สุดแล้วนะ
กูไม่เชื่อหรอกว่ามึงคิดแค่นี้ กูไม่เชื่อ... มึงฉลาดออก
มองอะไรแค่แว้บเดียวมึงก็เข้าใจแล้ว.. รู้ถึงแก่นอ่ะ...
“ก็ควรจะคิดแค่นั้นมั้ย? หรือแบมแบมไม่เชื่อใจมาร์ค”
พอมันพูดแบบนี้ออกมาทำให้ผมฉุกคิดได้บางอย่าง… อีเหี้ย… กูควรเชื่อใจมันมั้ยวะ?
แต่กูเองก็หวั่นๆอยู่นะมึง… คือจะพูดยังไงดี... แฟนเก่าอ่ะ… ถ้ากลับมาแบบนี้มันถือว่าไม่ปกติถูกมั้ย?
มันไม่ใช่ว่าบังเอิญมาเจอกันหรืออะไร... มันเหมือนตั้งใจมาหา…
แล้วอำนาจมืดของแฟนเก่ามันมีอยู่นะเว้ย!
คือไม่ว่าจะเลิกกันไปนานเท่าไหร่… จากกันยังไง...
พอกลับมาเจอหน้ากันอีกทีคือไม่ต้องเสียเวลาจูนเลยอ่ะ… ความรู้สึกบางอย่างที่มันเคยมีมันจะกลับมาอีกครั้งโดยไม่มีข้อสงสัย
ถ้าแฟนเก่ากูกลับมา… กูก็เป็น
แต่กูควรเชื่อมันมั้ย? กูควรใช่มั้ย?
“คิดอะไรเยอะแยะ” พี่จินยองเขกเข้าที่หัวผมทีนึงทำให้ผมเลิกคิดอะไรฟุ้งซ่าน
“เรื่องมันยังไม่เกิด ก็ไม่ต้องคิดไปก่อนล่วงหน้า… เสียสุขภาพจิต”
พี่จินยองบอก ผมเลยได้แต่ถอนหายใจ… โอเค
กูไม่คิดแล้วก็ได้ กูยอมล้ะ ดีนะมีพวกมึง... ไม่งั้นกูต้องคิดมากอยู่คนเดียว
ร้อยแปดสิบตลบคิดยังไงก็คิดไม่ตก
“โอเค ผมไม่คิดแล้วก็ได้… แต่ถ้าสมมุติว่าเรื่องมันเกิด...
ผมควรทำยังไง?”
“.....”
“ถ้าเป็นพี่... พี่จะทำยังไง? ถ้าแฟนเก่าพี่เจบีกลับมา...
พี่จะทำยังไงอ่ะพี่จินยอง?”
“ฆ่าให้ตาย!” พี่จินยองบอกแล้วจ้องเขม็งไปที่พี่บีคนชิค...
ทำเอาผมขำพรืดออกมาทันที แล้วมึงดูหน้าอีพี่บีคนชิคตอนนี้นะ… คือหน้าถอดสีไปแล้วอ่ะ ซีดเป็นไก่ต้ม
“เนียร์อ่ะ... บีไม่ทำหรอก” พี่เจบีง๊องแง๊ง
งุ้งงิ้งใส่เมียมันทันที... อีสัส คิดว่าน่ารักหรอที่ทำ...
แล้วบีเนียร์ก็ยังคงเป็นบีเนียร์
หวานใส่กันเสียหยดย้อยไม่อายพวกกูอีกตามเคย ผมเลยหันไปหาคู่แจ็คแจบ้าง...
เอาดีๆคู่นี้ไม่ค่อยหวานใส่กันนะ ตีกันมากกว่าอีก... แต่ในการตีกันของมันนั้น...
มันก็แฝงความน่ารักเอาไว้อยู่ด้วย
“ไม่ต้องมองทางนี้เลยแบมแบม ไอ้แจ็คมันไม่มีหรอกแฟนเก่าอ่ะ
เตี้ยขนาดนี้ใครจะเอา!” พี่ยองแจบอก
พี่แจ็คเลยเอาแขนมาล็อคคอพี่ยองแจไว้แล้วดึงเข้าหาตัวเอง
“โอ้ยไอ้แจ็ค!!!” พี่ยองแจร้องโวยวาย
“ก็มีมึงนี่ไง” พี่แจ็คบอกแล้วฟัดพี่ยองแจนัวเนียเลย
ทั้งกอด ทั้งเหวี่ยง ทั้งหอม… โอ้ย! แม่งเล่นกับแฟน
เหมือนเล่นกับเด็กข้างบ้าน... กูรู้ว่าพี่ยองแจมันน่ารักน่าแกล้ง
แต่มึงควรไปเล่นกันที่บ้านมึงมั้ย? เกรงใจกูหน่อย
แล้วกูก็ต้องส่ายหัวให้กับพวกมันไปอีกคู่…
RRrrrrrr
ผมสะดุ้งกับแรงสั่นของโทรศัพท์ตัวเองที่อยู่ในกระเป๋ากางเกง พอหยิบออกมาดูก็พบว่าอีพี่หัวแดงแม่งโทรมา…
“ฮัลโหลครับ?” ผมเอ่ยทักมันด้วยคำทักทายที่แปลกไป…
คือปกติผมจะทักมันว่า ครับพี่มาร์ค หรือไม่ก็ ว่าไงพี่มาร์ค…
คือคำทักทายกูต้องมีชื่อพี่มันด้วยอ่ะ แต่คราวนี้ไม่มี…
(กินข้าวกัน) มันบอก... ผมนี่แทบจะหลุดปากด่ามันไปทันทีที่ได้ยินเลย…
อีห่า มึงไปแดกข้าวกับแฟนเก่ามึงแล้วมาชวนกูกินข้าวอีกเพื่อ?
“อิ่มแล้วไม่ใช่หรอพี่มาร์ค? เดี๋ยวผมไปกินกับพวกพี่จินยองก็ได้”
ผมบอก… พอชื่ออีพี่มาร์คหลุดออกจากปากผมเท่านั้นแหละ
ทุกคนก็หยุดการกระทำทุกอย่างแล้วนั่งมองกูคุยโทรศัพท์... แหมไม่ค่อยเสือกเลย
(อยากกินกับแบมแบม) มันบอก… อีสัส
อยากกินกับกูแล้วไปกับคนอื่นเนี่ยนะ สลัด!
“ตลก คนบ้าอะไรกินข้าวสองรอบ”
(ก็คนบ้าไง... เดี๋ยวไปรับนะ ยังอยู่หน้าตึกกันใช่มั้ย?)
มันบอก... ผมเลยหันหน้าไปมองไอ้เชี่ยยูคทันที… นี่มึงไลน์ไปบอกอีเชี่ยพี่มาร์คใช่มั้ยเนี่ย!
ไม่งั้นมันจะรู้ได้ไงว่ากูอยู่ไหน... เชี่ยยูคไหวไหล่เบาๆ
เหมือนรู้ว่ากูมองมันทำไม... อีดอกกูก็ว่าอยู่...
ก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์ไม่พูดไม่จา ทั้งๆที่ปกติเวลากูพูดอะไรนี่ขัดกูตลอด
ไม่ก็ด่ากูโง่บ้าง ดื้อบ้าง… อีห่าเพื่อนเลว
“ก็แล้วแต่…” ผมบอกก่อนจะเบะปากใส่โทรศัพท์แล้วกดวางสาย
“พวกพี่จะไปกินข้าวด้วยกันเลยมั้ย?” ผมวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะแล้วหันมาถามอีพวกที่เหลือ
“ไปสิ แต่รอรถจากไอ้มาร์คก่อน” พี่เจบีบอก
ผมเลยขมวดคิ้วอย่างงงๆ
“รอรถจากพี่มาร์คคือไร? พี่ก็มีรถไม่ใช่หรอพี่เจบี”
“ก็ใช่ไง… แต่ไอ้มาร์คมันยืมรถพี่ไป...
ส่วนรถมันจอดอยู่โน่น” พี่เจบีชี้ไปทางลานจอดรถหน้าตึก
“อ้าว... ทำไมพี่มาร์คไม่เอารถตัวเองไปอ่ะ รถเสียหรอ?”
พี่เจบีส่ายหน้าแล้วยิ้มๆ
“เห็นมันบอกว่า… ซื้อมาขับให้แบมนั่งคนเดียว”
พอพี่เจบีมันพูดจบ ผมนี่กัดกระพุ้งแก้มแทบไม่ทัน… อีเหี้ยย พี่มาร์คแม่ง!
“ดีใจแรง... ยิ้มออกมาเถอะถ้าดีใจอ่ะ” พี่ยองแจบอก…
ผมนี่กลั้นยิ้มไม่ได้อีกต่อไปเหลย…
โอ้ยมึง!
มันไม่ได้เอารถมันไปกับแฟนเก่า… ที่มันบอกว่าซื้อมาขับให้กูนั่ง…
มันไม่ขับให้คนอื่นนั่งนอกจากกูอ่ะมึง… มันพูดจริงมันทำจริงด้วยเว้ย…
มัน... อีเชี่ยพี่มาร์คแม่ง… เป็นคนแบบนี้อยู่เรื่อย
ไม่พูดๆ แต่ทำเลย…
กูว่ากูชอบมันตรงนี้แหละ… อีห่า
พอพี่มันมาถึงพวกผมก็ออกไปหาอะไรกินกัน… ผมถามพี่มาร์คว่าแฟนเก่าไปไหนซะแล้วล่ะ มันบอกว่าไปส่งที่โรงแรมแล้ว…
ผมเลยพยักหน้าส่งๆไปให้มัน... แบบ... อีเหี้ย… มีไปส่งด้วยหรอวะ? ตอนมายังมาเอง
ตอนกลับเสือกกลับเองไม่ได้หรอ? แต่ก็ช่างเหอะ พี่มาร์คแม่งก็ต้องไปส่งอยู่แล้ว
มันเป็นผู้ชาย... กูโอเค...
“หึงหรอ?” มันถามเมื่อเห็นว่าผมนั่งเงียบๆอยู่บนรถระหว่างทางอยู่นาน
“หึงอะไร? ใครหึง?” ผมยักไหล่ประกอบคำพูด
“ไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ?” มันถาม
“ไม่” ผมตอบแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
แล้วก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากอีพี่หัวแดงมันดังตามมา... อีสัส หัวเราะห่าอะไร
ผมเลยหันไปมองค้อนมัน
“มองทำไม? อยากขับรถหรอ?” มันทำท่าจะจอดรถข้างทาง...
อีเหี้ยเหตุการณ์คุ้นๆ
“เฮ้ยพี่มาร์ค อย่าจอดนะเว้ย! ผมไม่ขับ ผมหิวข้าว!” ผมร้องโวยวายจนมันหัวเราะออกมาดังๆ
“อยากขับเมื่อไหร่ก็บอกนะ” มันว่าก่อนจะยิ้มอย่างอารมณ์ดีแล้วขับรถต่อไป...
อีสัสแกล้งกูได้ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
เออ.. แม่ง
กูเลิกนอยด์มึงกับอีชะนีแฟนเก่ามึงก็ได้… เห็นว่าความดีมึงยังคงมีอยู่… และท่าทีมึงก็ไม่ได้เปลี่ยนไป…
อีห่า ยังหน้าด้านเหมือนเดิม เย้ดเข้
.
.
.
บางทีผมก็คิดนะ… ว่าอีแฟนเก่าพี่มาร์คมันจะไม่มามีบทบาทอะไรมากมายกับชีวิตกู… แต่คือ... นี่มันเหี้ยอะไรครับ? วันนี้แม่งก็มาอีก…
มาทำไม? มาทำอะไรนัก? จะมาดูที่เปิดร้านขายกล้วยแขกในม.หรอม?
“เดี๋ยวผมไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” ผมบอก…
หลังจากที่นางมานั่งร่วมโต๊ะได้ประมาณห้านาที... อีห่ามาถึงก็หอมแก้มอีพี่มาร์คเลยนะ...
กูรู้ว่ามึงไปเรียนอเมริกามา… แต่จะติดทักทายแบบฝรั่งก็หัดเกรงใจคนอื่นเค้าหน่อย…
ผมลุกออกจากโต๊ะแล้วกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำอย่างที่พูด
“ไปด้วยสิ... พี่ไปด้วยนะ” ผมหันไปมองนางที่ลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วเตรียมจะเดินตามผมมา…
เห้ยมึง… นางไม่รู้จักกูไม่ใช่หรอ? แต่แทนตัวเองว่าพี่ไปแล้ว?
กูรู้ว่านางอายุเท่าพี่มาร์ค… แต่กูกับนางยังไม่เคยคุยกัน
ไม่รู้จักกัน แต่เรียกแทนตัวเองซะเหมือนสนิทกับกูขนาดนี้เลยหรอวะ? ยอมใจ
“พอดีอยากไปเข้าห้องน้ำ แต่ไม่รู้ว่าอยู่ทางไหน
พาพี่ไปหน่อยนะ” เธอยิ้มอย่างอายๆส่งมาให้ผม… ผมเลยได้แต่พยักหน้าแล้วเดินนำเธอไป…
คือตอนนี้ทั้งโต๊ะคงจะกำลังสวดภาวนาให้ทุกอย่างมันโอเค
และไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างทางไปห้องน้ำ… กูก็เช่นกัน… อีห่า!
ผมชี้ห้องน้ำหญิงให้เธอซึ่งมันอยู่ห่างจากห้องน้ำชายไปอีกฝั่งนึง เธอพยักหน้ารับ
ส่วนผมก็เดินเข้าห้องน้ำชายไป…
คือกูไม่ได้มาเยี่ยวหรอกนะเผื่อใครยังไม่รู้
กูแค่หาทางปลีกตัวเองออกมา กูไม่ชอบนั่งปั้นหน้า… กูเบื่อ แต่ไม่คิดว่าแม่งจะตามกูออกมาด้วยแบบนี้... อีสัสเอ้ย
ผมยืนอยู่หน้าซิงค์สักพักเพราะคิดว่าเดี๋ยวพอนางเข้าห้องน้ำเสร็จนางคงเดินกลับไปที่โต๊ะก่อน… คือนางคงเดินกลับถูกอยู่หรอกเพราะทางมันไม่ได้จำยากเลย… แล้วอีกอย่างคือกูไม่อยากเดินกลับกับนางว่ะ…
กระทั่งเวลามันผ่านไปพอสมควรแล้วผมถึงได้เดินออกมาจากห้องน้ำ… แต่ อีเชี่ย! นางมายืนรอกูอยู่หน้าห้องน้ำจย้า กูนี่เฟลสัสสหรัฐอเมริกาเหลย…
“ทำไมไม่กลับไปก่อน... ผมเข้าห้องน้ำนาน” ผมบอกด้วยท่าทางเก้ๆกังๆอย่างรู้สึกเกรงใจมันอยู่นิดๆ
หรือบางทีมึงอาจจะเป็นคนดีก็ได้นะ… กูอคติกับมึงเกินไปป้ะ?
อุตส่าห์ยืนรอกูด้วย...
แต่… บางทีกูก็ว่ากูอคติกับมึงน่ะมันก็ถูกแล้ว… มันไม่ยิ้มให้กูแล้วอ่ะมึง…
ไม่ยิ้มหวานๆเหมือนตอนอยู่ที่โต๊ะเลย… ทำไม?
ยืนรอกูนานไปหรอ?
“แบมแบมใช่มั้ย?” เธอถาม… อีสัส พี่จินยองมันก็แนะนำชื่อกูกับเชี่ยยูคที่โต๊ะแล้วป้ะ? มึงนี่เป็นไฮเปอร์หรอ?
“ได้ยินเรื่องนายกับมาร์คเยอะเลยนะตั้งแต่ที่ฉันกลับมา”
เจสสิก้าบอก...
เชี่ย สรรพนามก็เปลี่ยนไปด้วยอ่ะมึง… เมื่อกี้ยังเรียกแทนตัวเองว่าพี่อยู่เลย… ไม่อยากสนิทกับกูแล้วหรอม?
แต่… หืม? ได้ยินเยอะเลยนี่ได้ยินจากไหน?
มีคนเล่าให้ฟังเองหรือขี้เสือก? ไหนพูดซิ
“ทำไมหรอครับ?” ผมถามกลับอย่างสุภาพ
เพราะผมเพิ่งเคยคุยกับเธอครั้งแรก และไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไรจากผม มึงจะมาไม้ไหน
กูจะได้ตั้งรับถูก…
“นายรู้จักฉันมั้ย?” เธอถาม
มึงไม่รู้จักตัวมึงเองจนต้องมาถามกูเลยหรอ? ดีออก! มึงก็แฟนเก่าอีพี่มาร์คไง ต้องให้กูสืบอีกหรอ? มาถึงก็มาทำถึงเนื้อถึงตัว ใกล้ชิด สนิทสนมจนแทบจะขึ้นขี่กันอยู่แล้ว..
แต่ถ้าคาดหวังให้กูบอกว่ากูรู้แล้วว่ามึงเป็นใคร มันก็ไม่ใช่ทางกูอีกนั่นแหละ
“ผมไม่รู้หรอกครับ แล้วก็ไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้น”
ผมบอก...
ขอยืมประโยคน้องไอรีนมาสักหน่อย ไอดอลกูเหลย…. เธอทำหน้านิ่งใส่ผมก่อนจะส่งยิ้มเย็นๆมาให้
“นายคงเห็นแล้วนะว่าฉันกับมาร์ค… เราลึกซึ้งกันขนาดไหน”
ผมแค่นหัวเราะกับสิ่งที่ได้ยิน… มาแบบนี้
กูเดาทางออกเลย มึงช่องไหนเนี่ย?… ช่องเจ็ดหรือช่องสาม
เอาให้แน่!
ถ้าจะเอาที่หอมแก้มกัน กอดกันมาอวดกู… กูบอกเลย เด็กๆ ขี้เล็บกูยังเยอะกว่าโมเมนต์ของพวกมึงเลย ถุ้ย!
“ก็เอาที่สบายใจนะครับ” ผมยิ้มให้เจสสิก้า
ดีออก! ละครไทยได้อีก! นี่กูต้องเล่นเป็นอารยาคว้าเปลือกทุเรียนมั้ยดีดี้...
สลิดดกมาก อีด้อน!
“นายไม่รู้หรอกว่าฉันกับมาร์คเรารักกันขนาดไหน
มาร์คเค้ารักฉันมาก เทคแคร์ฉันทุกอย่าง ตามใจฉันตลอด… แล้วเค้าก็ไม่เคยโกรธหรือไม่พอใจในสิ่งที่ฉันทำเลย...
เค้าไม่โกรธ ไม่เกลียดฉันแม้กระทั่งตอนที่เลิกกัน เราจากกันด้วยดีรู้มั้ย...
จากกันด้วยความรัก” เธอบอก
“ผมไม่เข้าใจว่าคุณจะมาเล่าเรื่องเก่าให้ผมฟังทำไม?
แต่คุณพูดถูก… ผมไม่รู้หรอกว่าเรื่องระหว่างคุณกับพี่มาร์คเคยเป็นยังไงกันมาก่อน
เพราะผมไม่อยากรู้... แต่ที่ผมรู้คือ… ไม่มีใครจากกันด้วยความรักหรอก…”
ผมบอก... เธอหุบยิ้มแล้วเดินเข้ามาใกล้ผมมากขึ้น
“ใช่… ฉันยอมรับ
ว่าฉันเป็นฝ่ายไปจากเขาเอง... ถึงฉันจะทิ้งเขาเพื่อไปเรียนต่อ แต่มาร์คเขาก็เข้าใจ…”
“.....” ผมยกยิ้มมุมปาก…
หืม? ทิ้งไปเพื่อไปเรียนต่อ? กล้าพูด...
ไปเรียนต่อกับใครล่ะบอกกูด้วยสิ อีช่อ…
“แล้วรู้อะไรมั้ย… เขาบอกว่าเขาจะรอฉันล่ะ...”
เธอยกมือขึ้นกอดอก
“แล้วยังไง?” ผมเลิกคิ้วขึ้นแล้วเอานิ้วก้อยแคะหูตัวเองด้วยท่าทางไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เธอพูด...
มึงพูดมาซะเยอะ… นี่ยังไม่เข้าถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของมึงเลยนะกูรู้
“ตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว...” ผมมองหน้าเธอแล้วเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มตัวเอง...
คือพูดแบบนี้ หมายความว่าจะกลับมาเอาพี่มาร์คคืนหรอ? ไม่อายตัวเองบ้างหรอวะกับสิ่งที่มึงทำกับพี่มาร์คไปอ่ะ…
“กลับมาทำไมอ่ะ? อุ๊ย
ขอโทษผมถามผิด… คุณแน่ใจหรอว่าเขายังรอคุณอยู่?” คำถามแรกนั่นกูไม่ได้ถามผิดหรอก กูอยากรู้จริงๆว่าแม่งกลับมาทำไม? แต่กูก็มั่นใจนะ...
ว่าที่กูถามไป... มันไปกระตุ้นต่อมโมโหนางได้ในระดับหนึ่งล่ะ
“ฉันรู้นิสัยมาร์คดี… มาร์คใจอ่อนกับฉันเสมอ!”
ผมพ่นลมหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ กูล่ะเพลียกับนาง...
“แล้วคุณมาบอกผมทำไม?”
“บอกให้นายเตรียมตัวเป็นหมาหัวเน่าไง... เพราะไม่ว่ายังไง
ฉันก็จะเอามาร์คคืน!”
โอ้ยยย อีสัส ฟัคยู
“คิดว่าทำได้ก็ลองดู... แต่เผื่อใจไว้หน่อยก็ดีนะคุณ
เพราะพอคนมันได้ลองเปลี่ยนใจมาชอบผู้ชายแล้ว
มันคงยากถ้าจะให้กลับไปชอบผู้หญิงอีก... แล้วผู้หญิงก็เหลวแหลกขนาดนี้
ใครจะอยากได้...” ผมบอกแล้วจ้องหน้าเธอกลับอย่างไม่รู้สึกเกรงกลัว
เพียะ!!
หน้าผมหันไปตามแรงตบที่เจสสิก้าฟาดลงมาที่หน้า..
เธอตบผมเต็มแรงอย่างไม่คิดจะยั้งมือตัวเองเอาไว้บ้าง..
ถ้าให้เดาตอนนี้หน้าผมคงแดงแบบมีเลือดฝาดไปครึ่งหน้าเต็มๆ
แถมมีเลือดฝาดเป็นแนวๆด้วย ยังจะมีเวลามาเล่นอีกนะกู...
“งั้นลองดูหน่อยเป็นไง” เจสสิก้าว่าแล้วถอดรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วของตัวเองออกข้างหนึ่ง…
เหี้ย อย่าบอกนะว่าจะเอาส้นเข็มมาตบหน้ากูอ่ะ…
เปล่า... มันใช้มือหักส้นเข็มทิ้งไป แล้วหันมาเหยียดยิ้มใส่กูแทน...
“แบมแบม... ทำไมมาเข้าห้องน้ำกันนานจัง” เสียงพี่จินยองดังมาจากทางเดินและกำลังเดินเข้ามาหา...
แม่งคงคิดว่าพวกกูตกส้วมตายไปแล้วแน่ๆเลยเดินมาตาม...
“โอ้ย!” เจสสิก้าร้องเสียงดังแล้วล้มลงไปนั่งอยู่ที่พื้น...
ผมยืนมองนางแบบงงๆ
แต่พี่จินยองที่เพิ่งเดินเข้ามาถึงเห็นนางล้มลงไปก็เข้าไปพยุงนางให้ลุกขึ้นทันที
“พอดีส้นรองเท้าหักน่ะค่ะ ขาเลยแพลง” เธอบอกแล้วเกาะไหล่พี่จินยองเพื่อพยุงตัวเอง...
หืมมม ขาแพลง…
หืมมมม ส้นรองเท้าหัก...
ใช่... ส้นรองเท้ามึงหัก... ก็มึงหักเองกับมือป้ะ? ดีออก!
แม่ง ละครน้ำเน่า! มึงนี่นะ… ละครไทยยังต้องอายอ่ะ เสลดเป็ด... ดูน้ำตากามเทพมาหรอม? ถุ้ย!
“ช่วยพากลับไปที่โต๊ะหน่อยได้มั้ยคะ?” เธอร้องขอ... ผมนี่กรอกตาเป็นรูปตีนเหลย... โอ้ยย ออดอ้อนขนาดนี้
นี่ขนาดเป็นพี่จินยองไม่ใช่พี่มาร์คนะมึง...
ผมยืนมองดูเธออย่างไม่คิดจะเข้าไปช่วยพยุง...
พี่จินยองหันมามองหน้าผมแล้วตกใจ... คือมันคงเห็นรอยบนหน้ากูนี่แหละ
อีสัส ฝ่ามืออรหันต์... แต่ผมก็ส่ายหน้าส่งไปให้มันเพื่อบอกว่าผมไม่เป็นไร...
พี่จินยองเลยประคองนางเดินกลับไปที่โต๊ะ
ส่วนกูน่ะเหรอ… ยืนหน้าชาอยู่ที่เดิม… ที่ชาเพราะโดนตบเมื่อกี้...
แล้วพอนึกถึงที่นางพูดนะ...
หล่อนไปเอาความมั่นใจแบบนี้มาจากไหนวะอยากจะถามออกไปจริงๆ…
แต่ไม่รู้ทำไมในใจลึกๆแล้วกูกลับรู้สึกกลัว...
ว่าความมั่นใจของหล่อนจะสัมฤทธิ์ผล
ผมถอนหายใจก่อนจะตัดสินใจแล้วว่าจะกลับหอ… เพราะถ้ากลับไปที่โต๊ะตอนนี้ผมว่าคงจะมีแต่คนสงสัยเรื่องรอยนิ้วมือบนใบหน้า…
ถ้ากูบอกคนอื่นไปว่าโดนนางตบ นางคงจะไม่ยอมรับหรอกจริงมั้ย? แล้วกูก็จะไม่เอาเรื่องที่โดนตบมาเรียกคะแนนสงสารอะไรหรอก
มันไม่ใช่แนวกูอ่ะ…
ผมส่งข้อความไปบอกเชี่ยยูคว่าจะกลับก่อน
แต่พี่มาร์คมันก็โทรมาหาแล้วบอกให้ผมกลับมาที่โต๊ะเดี๋ยวนี้… ผมเลยจำเป็นต้องกลับไปที่โต๊ะอีกรอบ… แต่พอเดินกลับมาถึงโต๊ะก็เจอพี่มาร์คมันนั่งอยู่คนเดียว…
“เป็นอะไร?” มันเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับจับที่ใบหน้า…
อีเชี่ยย รอยมันขึ้นชัดขนาดนั้นเลยหรอวะ? แสดงว่าที่กูหน้าชามันก็สมกับแรงควายของมือนางแล้วล่ะ
อีสัส แม่มึงเป็นแชมป์วอลเล่ย์บอลหญิงแห่งอัฟกานิสถานรึไง? ฟรวย
“คนอื่นไปไหนกันหมดอ่ะ?” ผมถามมันแทนที่จะตอบคำถามมัน…
ก็จะให้กูตอบอะไรมึงล่ะ... ถามกูว่าเป็นอะไร
กูต้องบอกหรอว่าโดนตบมา... คือดูไม่ออกว่าเป็นรอยมือหรอวะ? ปานแดงขึ้นที่หน้ากูล่ะมั้ง
ถุ้ย!
“จินยองกับเจบีไปส่งเจสที่โรงแรม
ส่วนที่เหลือไปรอที่ร้านข้าว” มันบอกแล้วยังไม่เลิกสงสัยรอยที่หน้ากูอยู่อย่างนั้นแหละ
“ทำไมพี่ไม่ไปส่งเจสสิก้าเองอ่ะ?” ผมถามออกไป... เอาดีๆกูก็พอจะเดาออกแหละ
ว่าพอนางกลับมาถึงโต๊ะนางจะออดอ้อนอะไรอีเชี่ยพี่หัวแดงมันบ้าง...
แต่กูก็สงสัยว่าทำไมอีพี่มาร์คมันยังอยู่นี่...
ในเมื่อนางดูมั่นใจนักมั่นใจหนาขนาดนั้น
“จินยองอาสาไปส่ง” พี่มันบอก
ผมนี่ถึงบางอ้อเลย... พี่จินยองคนงามของกูนี่เอง มันก็อยู่ข้างกูอยู่วันยังค่ำ...
อีสัส รักมันว่ะ แต่มึงอ่ะอีพี่มาร์ค! ถ้าพี่จินยองไม่อาสาไปส่ง
มึงก็จะไปส่งมันเองช้ะ? อีหอยหลอด!
“ผมไม่ไปกินข้าวด้วยนะ ขอตัว... อยากกลับหอ” ผมบอกก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“เดี๋ยวไปส่ง” มันบอกแล้วจูงมือผมเดินไปที่รถมัน…
ผมเดินตามมันมาขึ้นรถแต่โดยดี และระหว่างทางที่นั่งรถกลับหอผมก็นั่งเงียบๆเพราะไม่รู้จะพูดอะไรดี…
จนในที่สุดพี่มันก็ขับรถพาผมมาส่งถึงหอ...
แต่พอผมลงจากรถมันก็ดับเครื่องแล้วลงจากรถตามมาด้วย ผมขมวดคิ้วมองมันอย่างสงสัย…
“พี่ไม่ไปกินข้าวกับพวกเพื่อนพี่หรอ?” ผมถาม แต่มันส่ายหน้าส่งมาให้เป็นคำตอบ...
“อยากอยู่กับแบมแบม”
มันบอก… ผมยิ้มให้มันน้อยๆแล้วเดินนำขึ้นห้องตัวเองไป…
อีห่าวันนี้นึกครึ้มอะไรอยากอยู่กับกู?
พอขึ้นมาถึงห้องผมก็เดินไปทิ้งตัวลงบนที่นอนอย่างหมดแรง… กูเหนื่อยว่ะ ขอชาร์จพลังก่อน หมดแรงทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรเลยนะวันนี้…
กูรู้สึกได้ว่ากูต้องใช้พลังงานในการรับศึกของนางอีกมหาศาลแน่ๆ...
แค่วันแรกกูยังโดนตบเลยมึง... มึงเป็นคนแรกที่ตบกูเลยนะ
ไม่เคยมีใครตบหน้ากูมาก่อนในชีวิต... เพราะฉะนั้น... กูคิดว่ากูต้องเอาคืน
แต่ไม่ใช่ตบนะ... กูบอกแล้วว่ากูไม่ทำร้ายผู้หญิง
ผมลืมตาขึ้นเมื่อรู้สึกได้ว่าพื้นที่เตียงข้างๆผมมันยุบตัวลงไป… พี่มาร์คมันนอนลงมาที่เตียงอ่ะ… ไม่นอนเปล่า
มันเขยิบเข้ามากอดผมแล้วเอาแขนสอดเข้ามาให้ผมหนุนแทนหมอนด้วย… พี่มันนอนกอดผมเงียบๆไม่พูดไม่จาอะไรเลย… ผมแปลกใจนะ
แต่ผมก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไปเพราะผมก็ไม่อยากพูดอะไรตอนนี้… เลยได้แต่นอนให้มันกอดแล้วก็เผลอหลับไป
#ฟิคกระเรียน
ปล. ทั้งรูปทั้งชื่อ จสก มาขนาดนี้ รักนางให้มากๆนะยูวว์
กลับไปเม้น จิ้ม
อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมแจกฟิคกับเรานะ
รายละเอียด คลิก
สอบถามได้ที่ ask.fm/Syncrain
เชิญชะนีกลับป่าค่ะ
ตอบลบไม่ถามเรื่องรอยบแก้มหน่อยเหรอ งง
ตอบลบ